บ้านและสวนจะพาไปรู้จักกับ 10 สมุนไพรไทยปลูกง่าย ในสวนหลังบ้าน ซึ่งเป็นผักสวนครัวและเป็นเครื่องเทศชั้นดี สามารถปลูกทานเองได้ ปลูกง่าย โตเร็ว แถมยังมีประโยชน์ต่อร่างกาย และการปลูกผักทานเองก็ยังช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าของเราอีกด้วย
- กะเพรา Holy Basil
- ตะไคร้ Lemongrass
- ข่า Greater Galangal
- ขิง Ginger
- สะระแหน่ Marsh mint
- ช้าพลู Wild Betal Leaf
- สะเดา Siamese Neem Tree
- ถั่วพู Gon Bean
- ยี่หร่า Shrubby Basi
- โหระพา Basil
กะเพรา Holy Basil
ปลูกเป็นผักสวนครัว หลังปลูกอายุ 70 วัน ก็เก็บส่วนยอดและใบมาทำอาหารได้ ยิ่งเด็ดก็ยิ่งแตกยอดใหม่ทดแทน เมื่อออกดอกควรตัดช่อดอกที่แก่ออกบ้างเพื่อช่วยยืดอายุของต้น เนื่องจากกะเพรามีกลิ่นและรสที่รุนแรง จึงช่วยกระตุ้นต่อมน้ำลายเรียกน้ำย่อย นิยมใช้ปรุงแต่งกลิ่นและดับคาวในอาหารจานเนื้อ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ในแง่คุณค่าทางอาหาร มีเบต้าแคโรทีนสูง เสริมด้วยแคลเซียมและฟอสฟอรัส ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน รวมทัั้งใช้เป็นน้ำมันหอมระเหยใช้หยดในอ่างอาบน้ำ มีกลิ่นที่หอมสดชื่น กะเพราะที่นิยมปลูกมีทั้งกะเพราะขาว ซึ่งมีใบสีเขียว และกะเพราะแดงที่มีใบสีม่วงเข้มแกมน้ำตาล
วิธีการปลูก (เพาะเมล็ด)
- หว่านเมล็ดให้ทั่วแปลง ใช้ฟางกลบ หรือปุ๋ยคอกโรยทับบางๆ
- รดน้ำตามทันที ควรใช้ฟักบัวรดน้ำต้นไม้รูเล็กๆ
- จากนั้นอีกประมาณ 7 วัน เมล็ดจะงอกเป็นต้นกล้า
- รอจนต้นกล้าอายุ 1 เดือน ก็ค่อยๆ ถอนแยกจัดระยะต้นให้มีระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 20-30 เซนติเมตร
- เมื่อต้นกล้าโตเต็มที่ก็เก็บใบมารับประทาน
ตะไคร้ Lemongrass
ปลูกเป็นผักสวนครัว ทั้งปลูกลงดินและปลูกในภาชนะ ใช้ปรุงกลิ่นแกงหรือยำให้หอม ความหอมจากน้ำมันหอมระเหยมีคุณสมบัติลดการบีบตัวของลำไส้ แก้จุกเสียดแน่นท้อง ควรกินเสริมกันไปในอาหารให้สมดุล กลิ่นหอมของตะไคร้ยังช่วยไล่ยุงไล่แมลงบางชนิดได้ด้วย
วิธีการปลูก (ปักชำ)
- เตรียมแปลงโดยการไถพรวนดิน ตากแดด 7-10 วันและโรยปูนขาวเพื่อปรับสภาพดิน
- ขุดหลุมปลูกขนาด 25x25x25 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยคอกเก่ารองก้นหลุมไปพร้อมๆกับการพรวนดิน
- ใช้ระยะห่างระหว่างต้น 1 เมตร จะได้ตะไคร้ที่ลำต้นและหัวอวบใหญ่ แต่ถ้าหากปลูกชิดกว่านี้ต้นตะไคร้จะไม่อวบ ลำต้นจะผอมสูง
- ปักเหง้าตะไคร้ลงดินให้มีลักษณะเอียง 45 องศา ลึก 5 เซนติเมตร จำนวนหลุมละ 2 ต้น
- จากนั้นรดน้ำให้ชุ่มบริเวณหลุมปลูก
ข่า Greater Galangal
ข่าปลูกเป็นผักสวนครัว ในงานจัดสวนสามารถปลูกประดับแปลงตามแนวรั้วได้ มีสรรพคุณเป็นได้ทั้งอาหารและยา ทุกส่วนของต้นมีน้ำมันหอมระเหย โดยเฉพาะเหง้าที่ใช้ปรุงแกง ช่วยดับกลิ่นคาวเนื้อสัตว์ทำให้แกงมีกลิ่นหอมชวนกิน ข่าอ่อนและดอกมีรสเผ็ดซ่า กินได้อร่อยเช่นกัน นอกจากนี้ยังช่วยขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด
วิธีการปลูก (ปักชำ)
- ในการปลูกข่าเราต้องใช้เหง้าในการขยายพันธุ์ไปเรื่อยๆ ควรใช้เหง้าที่มีลักษณะแก่จัด เพราะถ้าใช้เหง้าอ่อนจะงอกได้ช้า
- ล้างเหง้าให้สะอาดและตัดแต่งให้เรียบร้อยก่อนที่จะปลูกลงดิน
- หลังจากที่ทำการเตรียมดินเรียบร้อยแล้วก็สามารถเอาเหง้าของข่าปลูกลงไปในดินได้เลย สำหรับการกลบดินนั้น ควรจะนำใบไม้แห้งมากลบเอาไว้ด้วยเพื่อรักษาความชื้น ต้นกล้าจะได้โตเร็ว
- การกลบดินควรกลบขึ้นมาให้นูนเล็กน้อย เพราะหลังจากการปลูกแล้วต้องรดน้ำทันที ดินก็สามารถยุบตัวลงไปได้อีก
ขิง Ginger
ยอดอ่อนกินเป็นผักสดกับอาหารรสจัดต่าง ๆ และใช้เป็นสารกันบูดกันหืนได้ดี มีมากในฤดูฝน เหง้าอ่อนใช้ปรุงอาหาร ช่วยดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์โดยเฉพาะเนื้อปลา เหง้าขิงและใบขิงมีรสเผ็ดร้อน ช่วยขับลมในกระเพาะอาหาร แก้ท้องอืดท้องเฟ้อที่เกิดจากอาหารไม่ย่อย รวมถึงแก้อาการเมารถ ไมเกรน ลดคอเลสเตอรอล และอาการปวดตามข้อได้ด้วย หน่ออ่อนของขิงจะมีรสเผ็ดร้อนควรขุดขึ้นมาหลังจากต้นเริ่มแตกหน่อ 3 – 5 เดือน
วิธีการปลูก (ปักชำ)
ขิงขยายพันธุ์ได้โดยใช้เหง้า มักใช้วิธีการยกร่องปลูกเพื่อให้มีการระบายน้ำดี ระยะห่างระหว่างสันร่อง ประมาณ 50 – 70 เซนติเมตร และสูงประมาณ 15 – 25 เซนติเมตร ความยาวของร่องไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและขนาดของที่ดิน การปลูกขิงทำได้โดย
- วางท่อนพันธุ์ลงในหลุมลึกประมาณ 4 – 5 เซนติเมตร หลุมละ 1 ท่อน ระยะห่างระหว่างหลุมประมาณ 25 – 35 เซนติเมตร
- ขิงที่ใช้ทำพันธุ์ควรเป็นขิงแก่อายุประมาณ 10 – 12 เดือน ก่อนนำมาปลูกให้เอาขิงไปผึ่งไว้ในที่ร่มแห้งและมีอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อให้เหมาะต่อการขยายพันธุ์ต่อไป
- นำท่อนพันธุ์มาหั่นเป็นท่อน แต่ละท่อนยาวประมาณ 2 นิ้ว ซึ่งประกอบด้วยตาประมาณ 2 – 3 ตา
- จากนั้นไปแช่น้ำยาป้องกันโรครากเน่าและเชื้อรา ประมาณ 10 นาที
- แล้วนำไปผึ่งให้แห้งอีกครั้งหนึ่งก่อนที่จะเอาไปปลูก
สะระแหน่ Marsh mint
สะระแหน่ปลูกเป็นไม้คลุมดินหรือไม้กระถาง เป็นไม้ล้มลุก อายุหลายปี ใบใช้โรยหน้าอาหารรสจัด เช่น ลาบ ก้อย พล่า น้ำตก เพื่อดับกลิ่นคาวและปรุงแต่งกลิ่นอาหารให้น่ากินยิ่งขึ้น ใบทำให้ชุ่มคอ เป็นยาขับลม ถอนพิษไข้ ปวดศีรษะ ตาแดง แก้เจ็บคอ ตำพอกหรือทาแก้ปวดบวม ผื่นคัน
วิธีการปลูก (ปักชำ)
- เลือกกิ่งสะระแหน่ที่ไม่แก่หรืออ่อนเกินไป
- ปักจิ้มลงไปในแปลงเพาะชำ หรือแปลงปลูก
- ปักให้กิ่งเอนทาบกับดิน รดน้ำให้ชุ่มแต่อย่าให้ถึงกับแฉะ
- แล้วโรยแกลบทับกลบดินเพื่อรักษาความชุ่มชื่นให้หน้าดิน และเมื่อแกลบผุก็จะกลายเป็นปุ๋ยต่อไป ประมาณ 4-5 วันก็จะแตกใบ แตกยอดเลื้อยคลุมดิน
ช้าพลู Wild Betal Leaf
ปลูกเลี้ยงง่าย นิยมปลูกเป็นไม้คลุมดิน ใบมีกลิ่นหอม รสเผ็ดเล็กน้อย นิยมกินเป็นผักสด ห่อเมี่ยงคำ กินกับส้มตำ ลาบ ซอยใส่ข้าวยำและแกงคั่ว หรือใส่แกงเนื้อสัตว์เพื่อดับคาว เช่น แกงคั่วหอยขม แกงอ่อม ใบช้าพลูมีสรรพคุณบำรุงธาตุ ขับเสมหะ ช่วยเจริญอาหาร ขับลมในลำไส้ และมีสารต้านมะเร็ง แต่มีแคลเซียมออกซาเลตสูง ควรกินร่วมกับเนื้อสัตว์ จะช่วยป้องกันนิ่วในไต
วิธีการปลูก (ปักชำ)
- ใช้วิธีขยายพันธุ์ด้วยการตัดหรือเด็ดกิ่งก้านส่วนยอดของต้นช้าพลูมาทำการปักชำในดินร่วนซุย โดยให้มีใบติดอยู่สัก 2-3 ใบ
- แต่ละกิ่งก้านที่ปักชำให้มีระยะห่างกันราว 10-15 เซนติเมตร
- วางกระถางปลูกในที่ร่มรำไร และหมั่นรดน้ำพรวนดินทุกวัน วันละ 1 ครั้ง จากนั้นช้าพลูก็จะออกรากและเติบโตเป็นต้นภายใน 1-2 เดือน
- เมื่อโตเต็มที่สามารถย้ายลงดินได้
สะเดา Siamese Neem Tree
นิยมปลูกประดับบ้านที่มีบริเวณกว้าง ยอดและช่อดอกอ่อนกินเป็นผักสดกับน้ำปลาหวานคู่กับปลาดุกย่าง น้ำพริก อาหารรสจัดต่าง ๆ มีรสขมควรลวกหรือต้มในน้ำข้าวเดือด ๆ บ้างก็ย่างไฟให้สลดเพื่อลดความขม ยอดอ่อนช่วยบำรุงน้ำดี เรียกน้ำย่อย ให้แคลเซียม ธาตุเหล็ก วิตามินเอ วิตามินซี ไนอะซิน และใยอาหารสูง มีเฉพาะช่วงปลายหน้าหนาวเข้าหน้าร้อนเท่านั้น
วิธีการปลูก (เพาะเมล็ด)
- หลังจากขุดหลุมปลูกแล้ว ให้ตากดินประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อฆ่าเชื้อโรคในดิน
- แล้วจึงใส่ปุ๋ยร็อคฟอสเฟสรองก้นหลุม อัตรา 150 – 200 กรัมต่อหลุม หรือครึ่งกระป๋องนม
- นำกล้าไม้ที่เตรียมไว้ย้ายลงปลูก ขนาดกล้าไม้ที่เหมาะสมควรสูง 8-12 นิ้ว อายุประมาณ 4-5 เดือน ควรปลูกในฤดูฝน
- ฉีกถุงพลาสติกใส่กล้าออก วางกล้าลงตรงกลางหลุมกลบดินและกดรอบๆ โคนต้นให้แน่น
ถั่วพู Gon Bean
ปลูกเป็นผักสวนครัว โดยปักค้างหรือทำรั้วสูง 1 – 1.20 เมตร ให้ต้นเลื้อยพัน เพราะระบบรากตื้น หลังปลูกอายุ 40 วัน หรือหลังดอกบาน 15 วัน ทยอยเก็บฝักอ่อนเรื่อยๆ จนต้นโทรมแล้วรื้อทิ้ง หัวใต้ดินจะแตกต้นใหม่ต่อไป ถั่วพูกินได้เกือบทั้งต้น ตั้งแต่ยอด ใบอ่อน ดอก แม้กระทั่งหัวใต้ดิน โดยที่ดอกและยอดใช้แกงส้มหรือต้มจืดเหมือนตำลึง ฝักกินทั้งสดและลวกจิ้มน้ำพริก หรือยำถั่วพู หัวแก่ใช้เชื่อมเป็นของหวานหรือเผารับประทานเช่นเดียวกับมันเทศหรือมันสำปะหลัง อุดมไปด้วยแคลเซียม วิตามินเอ บี1 ซี และมีโปรตีนสูง ด้านสมุนไพร ช่วยบำรุงกำลัง แก้อ่อนเพลีย บรรเทาอาการปวดเมื่อย แก้ตัวร้อน ลดไข้
วิธีการปลูก (เพาะเมล็ด)
- เนื่องจากเมล็ดถั่วพูเป็นเมล็ดที่แข็ง จึงต้องนำไปแช่ในน้ำอุ่นอุณหภูมิที่สามารถนำมือแช่ได้นาน
- แล้วนำผ้าขาวบางมาห่อเมล็ดถั่วพู ทิ้งไว้ในบริเวณที่มีความชื้นเช่นในห้องน้ำ เป็นเวลา 3 คืน
- การเตรียมดินและปลูก ไถยกร่องแล้วใส่ปุ๋ยคอกมารองพื้นในหลุมที่จะปลูก ระยะห่างระหว่างแถวควรให้ห่างประมาณ 2 เมตรและระหว่างต้นควรห่างประมาณ 1 เมตร
- นำไม้ค้างมาปักไว้เพื่อให้ถั่วพูเลื้อยขึ้นได้ ในหนึ่งหลุมควรใส่เมล็ด 2-3 เมล็ด ประมาณ 5วันถั่วพูเริ่มงอก อายุ 70 – 80 วัน สามารถเก็บเกี่ยวได้
- รดน้ำทุกวันเช้าเย็น ใส่ปุ๋ยชีวภาพและฉีดสมุนไพรไล่แมลงทุกๆ 7 วัน
ยี่หร่า Shrubby Basi
ปลูกเป็นไม้ประดับริมรั้ว หมั่นตัดแต่งกิ่งจะแตกใบใหม่ให้เก็บกินได้เสมอ ใบยี่หร่ามีให้กินตลอดปี นิยมใส่แกงเนื้อ แกงปลา แกงอ่อม แกงคั่วหอยขม ช่วยดับกลิ่นคาว ใช้แทนกะเพราผัดกับหมู ไก่ กุ้ง กินเป็นผักสดกับอาหารรสจัด ช่วยบรรเทาอาการไอ ขับเสมหะ ขับลมในกระเพาะอาหาร แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ มีวิตามิน ไนอะซิน และใยอาหารสูง เมล็ดยี่หร่าหรือเมล็ดเทียนขาวมักใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องแกง
วิธีการปลูก (เพาะเมล็ดและปักชำ)
ยี่หร่าเป็นพืชที่เจริญได้ ในดินแทบทุกชนิด ชอบดินร่วนปนทราย การปลูกที่นิยมมี 2 วิธี การปลูกโดยใช้เมล็ดพันธุ์ และการปลูกโดยใช้กิ่งชำปลูก นำมาปลูกลงในแปลงดินที่เตรียมไว้ ให้มีระยะห่างระหว่างต้น 30 เซนติเมตร
โหระพา Basil
จัดเป็นพืชผักที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันกับกะเพรา และแมงลัก แต่ใบจะมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวจึงทำให้นิยมนำมาปรุงอาหารหลายชนิดเพื่อให้อาหารมีกลิ่นหอม และช่วยดับกลิ่นคาว รวมถึงการกินสดคู่กับอาหารชนิดอื่น นอกจากนั้น ใบโหระพาจะมีน้ำมันหอมระเหยจำนวนมาก สามารถนำใบไปสกัดน้ำมันหอมระเหยเพื่อใช้ประโยชน์ในด้านอุตสาหกรรมอาหาร และเครื่องสำอางได้เช่นกัน
วิธีการปลูก (เพาะเมล็ด)
- ใช้จอบขุดดินลึกประมาณ 15 – 20 ซม. หรือ 1 หน้าจอบ
- ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงแปลงกว้าง 1 เมตร ความยาวแล้วแต่ขนาดแปลง
- ขุดหลุมปลูกขนาดลึก 1/2 หน้าจอบ ใช้ระยะห่างระหว่างต้น 30 ซม. ระหว่างแถว 60 ซม.
- นำต้นกล้าลงปลูกในหลุมแล้วรดน้ำตาม
เรื่อง ธนิศรา วรรณสว่าง
ภาพ นภัสพร อุทัยทวีลาภ
บทความที่น่าสนใจ