หากสงสัยว่าหลังคาโค้งกับ หลังคาจั่ว แบบไหนป้องกันน้ำดีกว่ากัน ด้วยลักษณะทางกายภาพของรูปแบบหลังคานั้น สามารถบอกได้เลยว่า
ที่ความสูงระหว่างยอดของหลังคากับปลายหลังคาเท่ากันหลังคาโค้งมีโอกาสน้ำรั่วน้อยกว่า หลังคาจั่ว ที่กล้าตอบแบบนั้นเพราะมีเหตุผลเบื้องหลังมาจากเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ของลักษณะการไหลของน้ำบนผิวหลังคานั่นเอง
ให้ลองจินตนาการ ว่ามีน้ำฝนตกลงมาจำนวนหนึ่ง เอาเป็นว่าตกหนึ่งมิลลิเมตรที่ยอดของหลังคา จากนั้นเมื่อน้ำฝนนั้นไหลลงมาจะเจอกับน้ำฝนที่ตกบนหลังคาเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งมิลลิเมตร และสะสมต่อมาเรื่อยๆจนถึงปลายหลังคา น้ำฝนก็จะมีปริมาณเท่ากับความยาวของหลังคา สรุปคือปริมาณน้ำฝนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามความยาวของหลังคา
หลังคาจั่ว มีความลาดเอียงแบบคงที่เป็นเส้นตรง หมายความว่าน้ำฝนที่ไหลลงตั้งแต่ส่วนที่อยู่บนยอดหลังคาจนถึงปลายหลังคาจะมีความเร็วเท่ากัน แม้ว่าจะสะสมน้ำเพิ่มขึ้นตามระยะทางมากเท่าไรก็ตาม โอกาสที่น้ำรั่วที่ปลายหลังคาจะมีมาก เพราะมีปริมาณน้ำมากที่สุดแต่ความลาดเอียงของหลังคาเท่าเดิม
หลังคาโค้ง ความลาดเอียงของหลังคาแปรเปลี่ยนไปตามระยะทางของหลังคา ที่ยอดของหลังคาโค้งจะมีความลาดเอียงน้อยที่สุดเกือบเป็นเส้นตรง แต่ถัดลงมาความลาดเอียงจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และเอียงมากที่สุดที่ปลายหลังคา ทำให้ความลาดเอียงของหลังคาสัมพันธ์กับปริมาณน้ำฝนที่สะสมตามระยะทาง นั่นคือ น้ำฝนที่ยอดหลังคามีน้อยหลังคาเอียงลาดน้อย แต่ยิ่งมีน้ำฝนสะสมมากหลังคาก็ยิ่งลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ นี่เองคือเหตุผลที่ว่าหลังคาโค้งป้องกันน้ำรั่วได้ดีกว่าหลังคาจั่วนั่นเอง
อ่านเรื่องการป้องน้ำฝนของหลังคาเพิ่มเติมได้ที่หนังสือ “99 เรื่องต้องรู้ก่อนมีบ้าน” ข้อที่ 57 กระเบื้องหลังคาป้องกันน้ำรั่วโดยไม่ให้น้ำล้น
เรื่อง วิญญู วานิชศิริโรจน์
ภาพประกอบ เอกรินทร์ พันธุนิล
ภาพ คลังภาพบ้านและสวน