BEHIND THE SCENES รีโนเวตคอนโดให้กลายเป็นพื้นที่อีกฉากหนึ่งของชีวิต
พาไปชมห้องพักที่เกิดจากการ รีโนเวตคอนโด ของผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณามือฉมัง คุณท็อป-สุรพงษ์ เพลินแสง กับบรรยากาศเท่ ๆ สไตล์ลอฟต์เจือกลิ่นอายอินดัสเทรียล พร้อมมุมจัดเก็บของสะสมที่บอกเล่าสไตล์ที่ชัดเจนของเจ้าของบ้าน ภายในห้องพักบนชั้น 8 ของคอนโดมิเนียมเก่าอายุกว่า 10 ปี ย่านโชคชัย 4 ที่ทั้งโดดเด่นและแฝงความอบอุ่นอยู่ในตัว จนแทบไม่น่าเชื่อว่าเราจะได้เห็นบรรยากาศแบบนี้ในคอนโดมิเนียมหน้าตาธรรมดา ๆ
ในวันที่เราได้มาเยือนคอนโดมิเนียมแห่งนี้ คุณท็อปได้ให้การต้อนรับเราอย่างเป็นกันเองตั้งแต่ด้านล่างของอาคาร ก่อนจะพาเราขึ้นมายังห้องพักของเขาซึ่งต้องเดินผ่านประตูห้องอื่น ๆ ที่เรียงรายอยู่ตลอดสองฝั่ง จนมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องในสุดของเขาเอง แค่เห็นประตูไม้สักเก่าด้านหน้า ก็ทำให้เราตื่นเต้นจนอยากเห็นบรรยากาศภายในแบบเต็ม ๆ แล้ว และทันทีที่ประตูเปิดออกก็เผยให้เราได้พบกับเจ้าของบ้านอีกคนคือ คุณมุ้ย-ฤทัยรัตน์ รุ่งงาม ภรรยาของคุณท็อป เธอทักทายเราด้วยรอยยิ้มแสนหวาน และภาพบรรยากาศรอบ ๆ ที่รายล้อมด้วยการ รีโนเวตคอนโด ในสไตล์ที่บ่งบอกความชื่นชอบและตัวตนออกมาได้ชัดเจน
// ตอนเข้ามาเห็นห้องนี้จินตนาการได้เลยว่า ถ้าเราทุบกำแพงทิ้งจะได้สเปซที่โล่ง ๆ แบบนี้ เพราะจริง ๆ ห้องคอนโดมิเนียม ก็คือห้องเดี่ยวกว้าง ๆ แล้วเขาก็ซอยผนังให้เป็นห้อง ๆ แค่นั้นเอง //
ก่อนหน้าที่คุณท็อปจะมาอยู่ที่นี่ เขาและภรรยาเคยอยู่อาศัยในทาวน์โฮมมาก่อน ซึ่งต้องใช้ชีวิตประจำวันบนพื้นที่ที่มีหน้าแคบแต่ยาวตามแนวดิ่งของแต่ละชั้น ขัดกับไลฟ์สไตล์ของตนเอง ทั้งคู่จึงตัดสินใจขายและลองหันมาเช่าบ้านเดี่ยว 2 ชั้นแทน แม้บ้านเดี่ยวจะมีพื้นที่มากมายทั้งสนามหญ้า และลานจอดรถ แต่กลับพบว่าจริง ๆ แล้ว พวกเขาใช้งานพื้นที่ในบ้านเพียงไม่กี่มุมเท่านั้น อีกทั้งราคาเช่าค่อนข้างแพง จึงตัดสินใจย้ายออก กระทั่งมาพบป้ายประกาศขายคอนโดมิเนียม ขนาด 80 ตารางเมตร แห่งนี้ จากการวิเคราะห์พฤติกรรมของตนเองในแต่ละวันเสียใหม่ พบว่าพื้นที่ของคอนโดมิเนียมนี้แหละเหมาะกับทั้งคู่ที่สุด แถมยังมีทำเลที่ดี ไม่มีตึกสูงมาบดบังสายตา คุณท็อปจึงตัดสินใจซื้อห้องนี้ แล้วรีโนเวตบรรยากาศทุกมุมใหม่ทั้งหมดให้มีแนวทางในแบบที่เขาชอบ และถูกใจคุณมุ้ย
บรรยากาศภายในห้องที่เราเห็นรายล้อมด้วยของตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ที่บ่งบอกถึงความเป็นลอฟต์ อย่างเครื่องใช้บุหนัง ตู้เหล็ก พัดลมทองเหลือง และฯลฯ องค์ประกอบทั้งหมดดูนุ่มละมุมขึ้นจากแสงธรรมชาติที่ส่องเขามาทางหน้าต่าง และสีเขียวของต้นไม้ที่แทรกตัวอยู่ภายใต้โครงสร้างแบบดิบเปลือย อีกมุมที่ทำให้เราต้องสะดุดตาคือ โต๊ะรับประทานอาหารไม้ ซึ่งตั้งอยู่หน้าห้องครัว กินบริเวณเกือบ 1 ใน 3 ของพื้นที่ทั้งหมด สะท้อนการใช้งานของเจ้าของบ้านได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะใช้นั่งรับประทานอาหาร อ่านหนังสือ จิบกาแฟ พูดคุย และทำงานเบา ๆ เรียกว่าเป็นโต๊ะเก็บความสุขของครอบครัวก็ว่าได้
จากมุมนี้เราจะเห็นต้นไม้ตามซอกมุมต่าง ๆ ของบ้าน ช่วยให้โครงสร้างแข็ง ๆ ดูนุ่มนวลขึ้น ส่วนกรอบหน้าต่างสีดำ เดิมมีต้นแบบเป็นเหล็ก แต่มีปัญหาเรื่องน้ำหนัก การติดตั้ง และต้นทุนสูง ดีไซเนอร์จึงเปลี่ยนมาใช้อะลูมิเนียมทำสีดำแทน ซึ่งให้อารมณ์ดิบเท่ไม่แพ้กัน
ตกแต่งผนังแบบดิบ ๆ ด้วยการใช้อิฐมอญแดงตัดตามด้านกว้างแปะลงบนผนังปูนได้ผิวสัมผัสแบบเปลือยสไตล์ลอฟต์โดยไม่ต้องก่อผนังอิฐจริง จัดวางเฟอร์นิเจอร์สไตล์สแกนดิเนเวียนที่ดูโปร่งสบาย ช่วยลดทอนความแข็งของโครงสร้างแบบเปลือยได้ฝั่งตรงข้ามห้องครัวคือมุมนั่งเล่น จัดวางโซฟาหนังสีน้ำตาลตัวใหญ่ และเก้าอี้สไตล์สแกนดิเนเวียนดูสบาย ๆ มองตรงไปด้านในสุดเป็นห้องน้ำที่มีประตูไม้บานเลื่อนเป็นฉากกั้น ส่วนทำงานอยู่ติดกับหน้าต่างเพื่อให้มีแสงแดดส่องทั่วถึงตลอดทั้งวัน มีกรอบรูปหลากหลายสไตล์วางตกแต่งอยู่โดยรอบ
ห้องที่อยู่ติดกับส่วนทำงานคือห้องนอนขนาดกะทัดรัด ปูพื้นด้วยไม้ตะแบกที่ตั้งใจเลือกเกรดระดับรองเพื่อให้มีลายตำหนิของไม้ในบางจุด และไม่ขัดเรียบจนเกินไป เวลาเดินจึงได้สัมผัสของเนื้อไม้จริงๆ เหมือนอยู่ในบ้านเรือนไทยสมัยก่อน
จากสไตล์ที่โดดเด่นนี้ คุณท็อปได้เล่าถึงที่มาที่ไปของการออกแบบให้เราฟังว่า “เวลาผมทำงานหรือเดินทางไปท่องเที่ยว มีโอกาสได้เห็นบ้าน เห็นอาคารที่เก่า ๆ โดยเฉพาะผนังอิฐที่มีสีเปลี่ยนไปตามการใช้งาน ผมรู้สึกว่ามันสวยดี มีเท็กซ์เจอร์ ดูไม่น่าเบื่อ ไม้ก็เหมือนกัน เมื่อเวลาผ่านไปผิวของไม้จะดูสวยและมีเสน่ห์ขึ้น ผมไม่ชอบบ้านที่ขาว ๆ โล่งๆ ทุกอย่างเรียบกริบ รู้สึกว่าอยู่แล้วมันเกร็ง ๆ อยากอยู่บ้านที่ทำอะไรก็ได้ ผมจึงเลือกบ้านสไตล์นี้ เพราะรู้สึกว่าเราอยู่แล้วมันมีชีวิตชีวา”
จุดเด่นของบ้านหลังนี้คือการมิกซ์สไตล์อินดัสเทรียลและลอฟต์ให้อยู่รวมกันอย่างลงตัว ช่วยให้บรรยากาศไม่ดูดิบแข็งจนเกินไป ในขณะที่มุมต่าง ๆ ได้รับการจัดวางเฟอร์นิเจอร์และของสะสมของคุณท็อปและคุณมุ้ยไว้อย่างน่าสนใจ และมีเรื่องราวความทรงจำต่าง ๆ ซ่อนอยู่ ทั้งตุ๊กตา เครื่องหยอดเหรียญ กรอบรูป กล้องถ่ายรูป เครื่องบดกาแฟ หนังสือเล่มหนา และเครื่องเสียง โดยมีผนังปูนเปลือยและผนังอิฐช่วยเป็นแบ๊คกราวนด์ขับเน้นให้ของทุกชิ้นดูโดดเด่นขึ้น
เรียกได้ว่าห้องชุดแห่งนี้ได้รวบรวมความชอบของเจ้าของบ้านทั้งสองไว้เป็นหนึ่งเดียว จนเราสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นตลอดการพูดคุยครั้งนี้ อีกหนึ่งสิ่งน่ารักที่เราไม่อาจลืมคือ กาแฟร้อนหอมกรุ่นที่คุณท็อปบรรจงชงให้ทีมงานได้ดื่มกันครบทุกคน พูดได้แค่ว่า “ฝีมือไม่เบาทีเดียว”
เรื่อง : กษมา
ภาพ : จิระศักดิ์
คอลัมน์ : Room To Room
เล่ม : August 2014 No.138