ที่ดินขนาด 100 ตารางวาผืนนี้ตั้งอยู่เชิงดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ คุณจักรพันธ์ โคมกระจ่าง เจ้าของบ้าน ให้เหตุผลว่าที่เลือกซื้อที่ตรงนี้ก็เพราะ “วิว” และเป็นโจทย์สำคัญในการออกแบบ บ้านวิวสวย หลังนี้
คุณจักรพันธ์บอกสถาปนิกว่าอยากให้ทุกห้องในบ้านมองเห็นวิว สถาปนิกลงความเห็นว่าที่ดินผืนนี้อยู่ค่อนข้างใกล้ภูเขา หากปลูกบ้านสองชั้นธรรมดาหลังคาหรือรั้วอาจบัง ถ้าจะมองวิวก็อาจต้องออกไปแหงนหน้าดู ด้วยเหตุนี้เขาจึงเสนอให้ตั้งตัวบ้านให้สูงหน่อย ทำเพดานสูง ออกแบบให้ตัวบ้านดูเรียบและทันสมัย เพื่อให้ความน่าสนใจยังคงอยู่ที่วิวซึ่งก็เป็นสิ่งที่ตรงใจคุณจักรพันธ์
บ้านนี้มีความสูงสามชั้นครึ่ง แต่เนื่องจากบริเวณด้านหน้าบ้านได้ยกพื้นที่ให้สูงเป็นเนินและทำสนามเป็นแบบ พีระมิดขั้นบันได (Step Pyramid) เกือบเสมอกับพื้นของชั้นสอง จึงดูคล้ายบ้านสองชั้นครึ่งตั้งประจัญหน้ากับวิวภูเขา มองจากภายนอกจะเห็นว่าชั้นสองมีความสูงจากพื้นถึงเพดานมากกว่าชั้นล่างสุด และชั้นบนสุด ตัวบ้านจึงมีลักษณะเหมือนกล่องที่วางซ้อนเหลื่อมกัน
พื้นที่ภายในบ้านแบ่งได้เป็นสัดส่วน
ชั้นล่างสุดประกอบด้วยห้องนอนคุณแม่คุณจักรพันธ์ ห้องนั่งเล่น และห้องครัว มีพื้นที่เปิดโล่งด้านหลังซึ่งออกแบบเป็นเฉลียงเล็กๆ ชั้นสองจัดเป็นห้องรับประทานอาหารและมุมรับแขก ซึ่งออกแบบผนังเกือบทุกด้านเป็นประตูกระจกใสหันหน้าไปทางวิวภูเขา ชั้นลอยเป็นห้องอ่านหนังสือ และชั้นบนสุดเป็นห้องนอน 3 ห้อง พร้อมห้องน้ำ ซึ่งก็มีผนังเป็นประตูกระจกใสในด้านทิศตะวันตกเพื่อเปิดรับวิวของภูเขาเช่น เดียวกัน
ภาพรวมของการตกแต่งภายในเน้นสไตล์โมเดิร์นซึ่งเป็นรูปแบบที่คุณจักรพันธ์ชอบ โดยเฉพาะการใช้วัสดุอย่างซีเมนต์เปลือยซึ่งให้อารมณ์ดิบและเท่ พื้นที่ภายในส่วนใหญ่มักเปิดโล่งเพื่อเน้นย้ำถึงความรู้สึกน่าสบาย แม้ว่าบ้านจะใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 2 ปี แต่คุณจักรพันธ์ก็ไม่เร่งรีบและยังขยันเดินทางจากกรุงเทพฯมาดูการก่อสร้าง ทุกเดือน ขณะเดียวกันก็คอยเลือกหาเฟอร์นิเจอร์ตามงานแสดงสินค้าเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบางส่วนก็เลือกซื้อในเชียงใหม่
“บ้านเสร็จก่อนน้ำท่วมกรุงเทพฯ (ปี 2554) ไม่นาน จึงใช้เวลาในช่วงนั้นมาอยู่ที่นี่ซึ่งชอบมาก แม้จะเป็นบ้านพักผ่อนแต่ก็มีการใช้งานเหมือนบ้านอยู่อาศัยจริงๆ มาอยู่ที่นี่ทำให้ไลฟ์สไตล์เปลี่ยนไป อยู่กรุงเทพฯบ้านอยู่ชั้นบน ที่ทำงานอยู่ชั้นล่าง วันๆก็ไม่ไปไหนไกล ที่ทำงาน ศูนย์การค้า จตุจักร แต่ที่นี่ขับรถออกไปนิดเดียวก็ถึงภูเขาแล้ว อยู่ในบ้านก็สบาย เปิดประตู-หน้าต่างลมพัดผ่านเข้ามาไม่ต้องเปิดแอร์ ถ้าอยู่กรุงเทพฯทำอย่างนี้ไม่ได้เลย มีความสุขครับ ถือโอกาสขึ้นมาที่นี่ทุกเดือนเลย”
แค่อยู่ในบ้านก็ได้นั่งมองวิวสวยๆตรงหน้าไร้ซึ่งสิ่งขวางกั้นสายตาและสัมผัส อากาศดีๆของเมืองเชียงใหม่ไปพร้อมกัน ช่างเป็นบรรยากาศที่น่ารื่นรมย์ จนอดรู้สึกอิจฉาเจ้าของบ้านหลังนี้ไม่ได้จริงๆ
เรื่อง : Otto
ภาพ : ศุภกร ศรีสกุล