“บ้าน” อีกหนึ่งปัจจัยที่ใคร ๆ ต่างต้องการเป็นเจ้าของ แต่ก่อนที่จะเลือกซื้อบ้านในฝันของตัวเองนั้นเราควรวางแผนการซื้อให้รัดกุม เพื่อให้ได้บ้านที่ตรงความต้องการของเราและคนในครอบครัว รวมถึงเพื่อความสุขในการพักอาศัยในระยะยาวด้วยนะคะ ก็แหม.. บ้านสมัยนี้ราคาค่อนข้างสูงใช้ได้เลย เราก็เลยต้องคิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อเป็นธรรมดา แต่ว่าปัจจุบันการเลือกซื้อบ้านก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิดแล้ว เพราะทั้งทางธนาคารและโครงการบ้านจัดสรรต่างก็ร่วมกันจัดโปรโมชั่นมากมายมายั่วใจผู้ซื้อ ทั้งโปรโมชั่นดอกเบี้ยต่ำ ผ่อนระยะยาวหรือจะเป็นโปรโมชั่นของแถมจากโครงการ ไหนจะฟรีค่าส่วนกลาง หรือซื้อบ้านวันนี้ ฟรีค่าโอนเอย และอีกมากมายที่ทางโครงการจะจัดสรรมาดึงดูดใจผู้ซื้อ วิธีเลือกซื้อทาวน์โฮม
ทีนี้เรามาดูกันค่ะว่า ก่อนจะเลือกซื้อบ้านหรือทาวน์โฮมให้ตรงใจของเรานั้นเราต้องเตรียมพร้อมในเรื่องอะไรกันบ้าง
อย่างแรกเลยเราต้องคำนึงถึงทำเลที่ตั้งของโครงการ ควรเลือกทำเลที่อำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับเราและคนในครอบครัวได้ เรื่องนี้สำคัญนะคะ เพราะว่าการเดินทางเป็นสิ่งที่ทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้ จริงไหมคะ? ไม่ว่าจะออกไปทำงานหรือการสัญจรในชีวิตประจำวันก็ตาม ยิ่งกว่านั้นเราควรสำรวจพื้นที่ในละแวกโครงการด้วยว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรบ้าง อย่างเช่น อยู่ติดรถไฟฟ้า ใกล้รถไฟใต้ดิน หรือมีห้างสรรพสินค้า, ตลาดสดให้เราหาซื้ออาหารและสิ่งของจำเป็นอื่น ๆ ในการใช้ชีวิตได้หรือเปล่า
เมื่อได้ทำเลที่ตั้งที่โดนใจแล้ว ก็ถึงคราวต้องเลือกโครงการกันบ้าง แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าโครงการไหนตอบโจทย์? เราต้องคำนึงถึงแบบบ้านของแต่ละโครงการด้วย ไม่ว่าจะเป็นขนาดของพื้นที่บ้าน จำนวนห้องนอน ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น รวมถึงแปลนบ้านที่มีการจัดสรรพื้นที่ในบ้านอย่างเหมาะสม เรื่องที่จอดรถก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญนะคะ ควรดูบ้านที่มีพื้นที่จอดรถที่เหมาะสมเพื่อป้องกันปัญหาระหว่างเรากับเพื่อนบ้านในอนาคต และอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องดูให้ดีก็คือทิศทางของบ้านว่าหันหน้าไปทางไหน ซึ่งตามหลักฮวงจุ้ยที่ดีเราควรเลือกซื้อบ้านที่หันหน้าไปทางทิศเหนือ เพราะเชื่อกันว่าจะช่วยนำพาสิ่งดี ๆ เข้ามาในบ้าน ผู้อยู่อาศัยก็จะร่มเย็นเป็นสุขไปด้วยค่ะ
เมื่อเลือกแบบบ้านได้แล้ว ทีนี้เรามาดูเรื่องวัสดุก่อสร้างที่ทางโครงการนำมาใช้กันบ้าง เรื่องนี้ก็ไม่ควรมองข้ามนะคะ เพราะหากวัสดุก่อสร้างที่นำมาใช้ไม่ได้มาตรฐานอาจทำให้เกิดปัญหาน่าปวดหัวในภายหลังได้ เพราะฉะนั้นในระหว่างเข้าชมโครงการ เราควรสอบถามจากพนักงานขายถึงยี่ห้อหรือแหล่งที่มาของวัสดุที่นำมาใช้ด้วย ว่าได้มาตรฐานหรือไม่ และนำข้อมูลที่ได้รับมาทั้งหมดมาศึกษาก่อนตัดสินใจซื้ออย่างเป็นทางการอีกทีค่ะ
นอกจากเรื่องทำเลที่ตั้งที่ดี แบบบ้านที่เหมาะสม และวัสดุอุปกรณ์ที่มีคุณภาพแล้ว อย่าลืมดูเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวกและสาธารณูปโภคส่วนกลางของโครงการด้วยนะคะ เช่นว่า มีคลับเฮ้าส์ให้บริการไหม? สระว่ายน้ำขนาดใหญ่พอที่จะรองรับกับจำนวนสมาชิกในหมู่บ้านหรือเปล่า? ศูนย์ฟิตเนสมีอุปกรณ์ครบครันและเพียงพอหรือไม่? หรือแม้กระทั่งทางเดินในหมู่บ้าน มีการแบ่งเลนคนเดิน เลนจักรยาน และเลนรถยนต์เป็นสัดส่วนเพื่อความปลอดภัยของลูกบ้านหรือไม่? เพราะไม่ใช่ทุกโครงการจะสามารถจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้มาให้ลูกบ้านได้ ฉะนั้นถ้าโครงการไหนมีสาธารณูปโภคเหล่านี้ให้เราอยู่แล้ว ก็ถือว่าคุ้มค่าที่จะลงทุน เพราะเราไม่ต้องเสียเวลาออกไปหากิจกรรมทำนอกหมู่บ้านเลย ซึ่งถือเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า โครงการนั้น ๆ ใส่ใจในคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยอย่างแท้จริง ซึ่งสาธารณูปโภคส่วนกลางยังรวมไปถึงสวนหย่อมและระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานด้วยค่ะ
พอเราได้เก็บรายละเอียดตามทุกข้อที่ว่ามาแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนสำคัญอีกขั้นตอนหนึ่งซึ่งก็คือการยื่นกู้กับธนาคาร อย่างที่ได้บอกไปในตอนแรกว่า ปัจจุบันการเลือกซื้อบ้านไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพราะทางโครงการบ้านส่วนใหญ่ได้อำนวยความสะดวกในเรื่องการยื่นกู้ให้เสร็จสรรพ โดยที่เราไม่ต้องไปเดินเรื่องเองเลย แต่ในขั้นตอนนี้เราควรมีความรู้เรื่องของดอกเบี้ยธนาคาร และความรู้เรื่อง MLR/ MRR/ MOR (อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารพาณิชย์เรียกเก็บจากลูกค้ารายย่อยชั้นดี เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อที่อยู่อาศัย หรือสินเชื่อบัตรเครดิต) ของแต่ละธนาคารเอาไว้บ้าง เพราะอัตราการผ่อนกับแต่ละธนาคารนั้นไม่เท่ากัน เราจึงควรศึกษาและเปรียบเทียบในเรื่องของดอกเบี้ยรวมถึงเลือกระยะเวลาการผ่อนที่เราพึงพอใจด้วยนะคะ
(อ่านเรื่องอัตราดอกเบี้ย MLR/ MRR/ MOR เพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ธนาคารแห่งประเทศไทย https://www.bot.or.th/thai/statistics/_layouts/application/interest_rate/in_rate.aspx )
หลังจากทำเรื่องยื่นกู้เสร็จแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนสุดท้ายคือการตรวจรับบ้านก่อนโอนบ้านมาเป็นของเรา ขั้นตอนนี้สำคัญมากและไม่ควรละเลยนะคะ ถ้าเราเซ็นรับบ้านทั้ง ๆ ที่ไม่ตรวจสอบให้ดีก่อน ในอนาคตคงได้มีปัญหายุ่งยากมาให้ปวดหัวกันแน่นอนเลยล่ะค่ะ ดังนั้น เพื่อป้องกันเหตุการณ์แบบนี้ เราควรให้ความสำคัญกับการตรวจรับบ้านให้มากขึ้น ถ้ามีเพื่อนหรือคนรู้จักที่เป็นวิศวกรหรือเป็นผู้รับเหมาที่มีความรู้เรื่องการก่อสร้างบ้าน ลองชวนเขาไปตรวจรับบ้านด้วยกันก็ดีค่ะ ให้เขาช่วยตรวจดูความเรียบร้อยของบ้านให้ เราจะได้เซ็นรับบ้านได้อย่างสบายใจ แต่ถ้าไม่มีผู้รู้ไปด้วยก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะสมัยนี้มีบริษัทรับ QC บ้านอยู่มากมาย เราสามารถติดต่อบริษัทเหล่านี้ให้ส่งวิศวกรมาช่วยตรวจบ้านให้ก็ได้ โดยหลังจากเข้ามาตรวจบ้านครั้งแรก ทางบริษัทจะมีเอกสารรายงานการตรวจบ้านให้ พร้อมระบุรายละเอียดงานที่ต้องแก้ไข แถมมีการเข้ามาตรวจงานแก้รอบ 2 ให้ด้วยนะคะ ทีนี้เราจะได้สบายใจว่าบ้านของเราถูกสร้างมาอย่างตรงสเปกและได้มาตรฐานจริง ๆ
เห็นมั้ยคะว่า การเลือกซื้อบ้านหรือทาวน์โฮมให้ตรงใจไม่ได้ยากอย่างที่คิดเลย เพียงแค่ใส่ใจในรายละเอียด ขยันอ่านและหาข้อมูลเพิ่มเติม เพียงเท่านี้ บ้านในฝันของเราก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว
ขอขอบคุณภาพสวย ๆ จาก : โครงการ Citysense รามอินทรา – พระยาสุเรนทร์ 30>>>>พบทาวน์โฮมสวย บรรยากาศดี Facility ครบครัน ทำเลโดนใจได้ที่ Citysense ทั้ง 4 ทำเล ที่ให้คุณได้ใกล้ชิดธรรมชาติในวันหยุดพักผ่อน ทั้งยังเดินทางเข้าไปทำงานในเมืองได้อย่างสะดวกสบาย แล้วคุณจะหลงรัก “บ้าน” ของคุณมากกว่าที่เคย
สนใจโครงการสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Citysense ทั้ง 4 ทำเลโดนใจพร้อมเข้าอยู่
– Citysense รามอินทรา – พระยาสุเรนทร์ 30
พร้อมเปิดตัวโครงการใหม่เร็ว ๆ นี้
Citysense พระรามสอง-ท่าข้าม หรือติดต่อ Call Center 1753