“คอนเซ็ปต์คือบ้านตากอากาศ เมื่อก่อนตัวร้านที่อยู่หน้าบ้านเคยเป็นบ้าน เวลาแขกมารู้สึกไม่เป็นส่วนตัว ก็เลยเปลี่ยนเอาให้ตัวบ้านอยู่ด้านในสุด ห่างจากเสียงรบกวน แล้วก็ทำโรงรถหน้าบ้านหน่อยนึง มีห้องน้ำด้านหน้าด้วย เผื่อว่าแขกอยากจะเข้าห้องน้ำล้างมือ เดินชมสวนเล็กน้อย แล้วค่อยมาเจอเรา แขกก็เกิดความอุ่นใจ ใจเย็น มีระยะเวลาก่อนมาเจอคนนัดหมาย ซึ่งเหมาะกับสวนอังกฤษที่มีซอกมีมุมเล็กน้อย พาร์ติชั่นต้นไม้คือสไตล์อังกฤษต้นตำรับจริงๆ เพราะคนฝรั่งเขามีความเป็นส่วนตัวเยอะ เอกลักษณ์ของสวนสไตล์นี้คือมีแพตเทิร์นเป็นองค์ประกอบเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วนต้นไม้ผสมผสานโชว์ดอก 50 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่สวนที่รกมากแต่ก็ไม่ใช่สวนที่เนี้ยบสไตล์ฝรั่งเศส แบบเอาต้นไม้มาตัดขอบตัดเหลี่ยม สวนอังกฤษต้นตำรับมักโชว์ความชอุ่ม เพราะบ้านคนอังกฤษจะมีพื้นที่ไม่มาก เขามักทำพื้นที่เล็ก ๆอย่างระเบียงหน้าบ้าน ระเบียงห้อง ในคอร์ตยาร์ดเล็ก ๆ มีทางเดินเรียบร้อย ขอบๆก็อาจลงต้นไม้ผสมผสานหลาย ๆพันธุ์ รวมทั้งสวนครัวขนาดย่อม แต่ดูแล้วอบอุ่น และอิงความเป็นอยู่จริงของมนุษย์”
คุณแอนเดรียอธิบายให้เราฟังอย่างละเอียด จากประสบการณ์ที่อยู่ต่างประเทศทั้งยุโรปและสหรัฐอเมริกามาหลายสิบปี ทำให้มีความเข้าใจในสไตล์สวนอย่างลึกซึ้ง แต่ก่อนที่จะลงมือจัดสวนในพื้นที่กว้าง ๆ เธอก็มีหลักในการปลูกต้นไม้ที่ได้จากการสังเกตและเรียนรู้จากธรรมชาติด้วยตัวเอง
“เวลาทำแลนด์สเคป เราควรจะรู้และมองออกว่าตรงไหนคือลำราง บริเวณที่เหมาะกับการขุดและเก็บกักน้ำอยู่ตรงไหน นั่นคือสิ่งแรก วิธีดูลำรางก็คือให้สังเกตต้นไม้เดิมที่ดูชุ่ม ๆ น้ำมันจะมาออตรงนี้ ให้เราทำที่เก็บกักน้ำ เขื่อน ขอบไว้ อย่าไปบล็อกทางน้ำและควรปลูกต้นไม้กันดินไม่ให้ถล่ม เพราะเวลาน้ำไหลมาทีมาเป็นหน้ากระดาน ต้นไม้อาจตายหมดได้ ตอนเริ่มจัดก็อาจแบ่งพื้นที่ออกเป็นกลุ่มก้อนก่อน แบบนี้จะทำให้มีไอเดียเพิ่มเติมได้ตลอดเวลาและไม่เป็นภาระหนักเกินไปในการจัดการสวน การเลือกต้นไม้พี่ดูจากฟอร์มเป็นหลัก บางครั้งก็ต้องเดาฟอร์มว่าโตขึ้นมาจะเป็นอย่างไร หลักๆคือใบไม่ทึบเกิน มีดอกไม้กระจุ๋มกระจิ๋มแซมบ้าง”
น่าแปลกใจว่าสวนอายุร่วมสิบปีแต่ต้นไม้ที่นี่กลับไม่ได้โตหนาแน่นมากนัก แต่ละต้นทิ้งระยะห่างอย่างเป็นระเบียบ บางจุดร่มรื่น ในขณะที่บางจุดโปร่งตาไม่อึดอัดเกินไป
“ที่นี่จะมีคนมาขอซื้อต้นไม้บ่อย จริง ๆเปิดไร่มานานขนาดนี้ต้นไม้น่าจะโตสัก 20-30 นิ้ว อย่างต้นสนที่เห็นก็คือชุดที่สาม แต่เราปลูกได้สัก 4-5 นิ้วก็จะมีคนมาขุดไป คนที่มาซื้อต้นไม้ส่วนใหญ่ก็พรรคพวกกัน เพื่อนที่มีบ้านอยู่แถว ๆนี้ คือถ้าอยากได้ไม้เก๋ ๆก็มาล้อมไป หรือร้านต้นไม้ที่รู้จักกันบ้าง ห้ามไม่ได้จริง ๆ (หัวเราะ) บางคนมาขอหมด ขอไซส์นี้ ที่เราบอกแบบนี้ไม่ได้ให้คนมาทำตามนะ เผอิญบ้านเรามีต้นไม้เยอะ แล้วก็ปลูกไว้หลายมุม ต่อให้ตรงนี้แหว่งไปสองข้างก็จะขนาบด้วยต้นไม้อื่นอยู่ดี แล้วพี่ก็จะมีต้นไม้แปลก ๆ นำเข้าจากต่างประเทศก็เยอะ ร้านต้นไม้ที่สนิทกันยังบอกว่าเรามีต้นไม้แปลกว่าเขาอีก (หัวเราะ)
“พี่ตั้งชื่อที่นี่ว่า ‘โวค บัลลังก์เมฆ’ เพราะตอนที่มาครั้งแรกเราขับรถอยู่บนเนินมองลงไปเห็นเมฆลอยเต็มไปหมด คือเราอยู่เหนือเมฆขึ้นไปอีก และใช้คำว่า ‘โวค’ (Vouge) เป็นสัญลักษณ์ถึงความทันสมัย แฟชั่น ไลฟ์สไตล์ทุกอย่าง เพราะตัวพี่เป็นแฟชั่นดีไซเนอร์ เชื่อไหมว่ามีเพื่อนขับรถผ่านแล้วเห็นชื่อแปลกๆ เขารู้ว่าเจ้าของบ้านต้องไม่ธรรมดาแน่ (หัวเราะ) ก็เลยแวะเข้ามา ทำให้ได้เจอเพื่อนที่ไม่เจอกันสิบปี เป็นอีกเรื่องดี ๆในชีวิต”
บ้านไม้ 2 ชั้น
คุณแอนเดรียทิ้งท้ายที่มาของชื่อไร่แห่งนี้ ทำให้เรามองเห็นภาพวังน้ำเขียว เมืองในทิวเขาในอีกมุมมอง ข้ามพ้นความเป็นเมืองท่องเที่ยวไปโดยสิ้นเชิง เพียงระยะทางสองร้อยกว่ากิโลเมตรจากกรุงเทพฯ คุณแอนเดรียพบความสุขในไร่แห่งนี้แบบไม่ต้องขวนขวายไปที่ไหนอีกเลย
เขียน : วรัปศร
ภาพ : สิทธิศักดิ์ น้ำคำ