รั้วไทรเกาหลี ไม้ยอดฮิตอีกหนึ่งต้นที่นิยมนำมาปลูกเป็น รั้วต้นไม้ แนวกำแพงรอบบ้าน ถ้าไม่ใช่ต้นโมกมองไปทางไหนก็จะเห็นคนนำต้นไทรมาใช้อยู่บ่อยครั้ง
รั้วไทรเกาหลี ปัจจุบันนักจัดสวน และเจ้าของบ้านนิยมใช้ซึ่งต้นไทรนี้ในตลาดก็มีให้เลือกหลายชนิด และมีข้อที่ผู้จะปลูกไทรเกาหลีทำรั้วต้องรู้อะไรบ้าง ไปไขข้อสงสัยพร้อมๆกัน
1.รากไทรทำลายโครงสร้างหรือไม่?
ไม้ประเภทไทรที่ใช้ทำเเนวรั้วนั้นในตลาดมีขายอยู่ 4-5 ประเภท แต่ที่ใช้กันอย่างเเพร่หลายคือ ไทรอินโดและไทรเกาหลี ซึ่งเมื่อโตเต็มที่ไทรเกาหลีจะสูงได้ประมาณ 5-6 เมตร และด้วยระบบรากของไทรเกาหลีมีลักษณะเป็นรากฝอยส่งผลต่อโครงสร้างช้า แต่เมื่อนานไปประมาณ 8-10 ปีรากจะมีความแน่นยากต่อการรื้อถอน และอาจส่งผลต่อโครงสร้างได้ ควรเลี่ยงปลูกในบ้านที่มีพื้นที่แคบ
ข้อแนะนำ
– ฉาบผิวด้วยวัสดุกันซึมบริเวณผนังด้านที่จะปลูก ป้องกันความชื้นทำลายโครงสร้าง เลี่ยงความเสียหายในระยะยาว
– ปลูกลงกระถางหรือกระบะปลูก ช่วยกำหนดทิศทางการเดินรากของไทรเกาหลีได้ โดยจำกัดการเจริญเติบโตของรากในแนวรัศมีให้เบี่ยงลงทางดิ่งแทน
– ตัดแต่งราก โดยเปิดหน้าดินออก ตัดรากให้ห่างจากโครงสร้างสำคัญอย่างฐานราก 30-50 เซนติเมตร ระวังไม่ให้เนื้อไม้ฉีกขาด แล้วจึงกลบดินตามเดิม
– คันกั้นดิน โดยก่อคานคอนกรีตเป็นขอบด้านข้างเว้นระยะจากต้นประมาณ 30-50 เซนติเมตร ให้มีความลึกกว่าระดับพื้นดินอย่างน้อย 1 เมตร รากจะเจริญลงด้านล่างแล้วแผ่ออกด้านข้างในระดับที่ลึกกว่าคันคอนกรีตแทน
– ติดตั้งผนังกั้นราก (Root Barrier) ซึ่งทำมาจากไฟเบอร์กลาสหรือโพลีเอทิลีนความหนาแน่นสูง (HDPE) ช่วยเปลี่ยนเส้นทางการเจริญเติบโตของรากได้ โดยจะเปลี่ยนทิศทางลงไปในแนวดิ่งหรือฝั่งที่เปิดผนังกั้นแทน ควรเว้นระยะห่างไม่น้อยกว่าทรงพุ่มเพื่อให้รากสามารถยึดหน้าดินได้โดยที่ไม่ล้ม
2.ระยะปลูกที่เหมาะสม
สำหรับผู้ที่จะปลูกต้นไทรสำหรับทำรั้ว สิ่งที่จะไม่รู้ไม่ได้เลยคือเรื่องของระยะปลูก โดยทั่วไปแล้วระยะปลูกต้นไทรเกาหลีที่เหมาะสมคือ 1 ม. ต่อต้นไทร 4 ต้น แต่ถ้าอยากประหยัดงบประมาณลงก็สามารถปลูก 3 ต้น ต่อ 1 ม. ได้ ส่วนความสูงของต้นที่นิยมนำมาใช้ทำเป็นกำเเพงกั้นริมรั้วประมาณ 2-3 เมตร
ซึ่งราคาโดยประมาณขึ้นอยู่กับขนาดความสูง ไทรความสูง 1.50 เมตร ราคาประมาณ 150-160 บ. , ความสูง 2 เมตร ราคาประมาณ 390 บ. , และความสูง 3 เมตร ราคาประมาณ 560 บ. ราคาขึ้นอยู่กับช่วงเวลา
เมื่อคำนึงถึงผลกระทบต่อโครงสร้างเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหลังควรปลูกห่างจากผนังโครงสร้าง อย่างน้อย 30-50 เซนติเมตร เพื่อไม่ให้ระบบรากชอนไชโครงสร้างจนเสียหาย
เลี่ยงการปลูกตามแนวท่อประปา เพราะระบบรากฝอยสามารถชอนไชไปตามความชื้นในดินแล้วเติบโตจนอุดตันในท่อระบายน้ำได้
เว้นระยะห่างจากรางระบายน้ำตามขนาดทรงพุ่ม เนื่องจากใบอาจหลุดร่วงลงไปอุดตันทางระบายน้ำได้
3.ข้อดี-ข้อเสีย
ข้อดี – เนื่องจากมีใบค่อนข้างแน่นทึบ จึงนิยมใช้ปลูกเป็นแนวรั้วเพื่อสร้างความเป็นส่วนตัว
– การดูแล การปลูกเลี้ยง และตัดแต่งง่าย ทนต่อน้ำท่วมหรือชื้นแฉะได้ดี
– ทนต่อสภาพอากาศเมืองไทยได้ดี
– ไม่ค่อยมีโรคหรือเเมลง สามารถเติบโตได้ดีในดินธรรมดา
ข้อเสีย – ต้องหมั่นตัดแต่งทรงพุ่ม
– รากฝอยแน่นยุ่งยากเมื่อรื้อถอนและมีผลต่อโครงสร้างในระยะยาว
4.การดูแล
เเม้ไทรประดับทุกชนิดจะเติบโตได้ง่าย ไม่ต้องดูเเลใส่ปุ๋ยเป็นพิเศษ แต่ควรมีการตัดเเต่งพุ่มไทรบ่อยๆ เป็นประจำทุก 3-6 สัปดาห์ เนื่องจากไม้ชนิดนี้ค่อนข้างโตเร็ว เพื่อไม่ให้การเเตกกิ่งก้านมากและยาวเกินไป อีกทั้งการทิ้งไว้นานอาจทำให้การตัดเเต่งต้นครั้งต่อไปทำได้ยากลำบากมากขึ้น
และเนื่องจากไทรเป็นไม้ที่ชอบแดดจึงควรที่จะปลูกในที่มีแสงแดดครึ่งวัน-เต็มวัน หากปลูกในที่ไม่มีแดดจะทำให้ใบและพุ่มบางไม่แน่นทึบ สำหรับการบำรุงด้วยปุ๋ยควรบำรุงด้วยปุ๋ยสูตรเสมอ เดือนละครั้งหรือ3เดือนครั้งหลังการตัดแต่ง
5.โรคและแมลงที่มักพบ
สำหรับโรคและแมลงที่พบในไทรค่อนข้างน้อย ที่พบอยู่บ่อยๆคือ ใบไหม้ใบเหลืองร่วง ซึ่งก็มีสาเหตุหลักๆมาจาก เพลี้ยไฟ เพลี้ยแป้ง
บทความที่เกี่ยวข้อง
รวม ต้นไม้ริมรั้ว ต้นไม้ทนแดด ตกแต่งสวน ทำกำแพงธรรมชาติ
การสร้างรั้วและ กำแพง สีเขียวในสวน ให้สวยชวนมอง
ติดตามไอเดียบ้านและสวนเพิ่มเติมทาง : บ้านและสวน Baanlaesuan.com
