ถ้าพูดถึงอาหารประจำชาติไทย บางคนอาจบอกว่าเป็นผัดไท ต้มยำกุ้ง หรือส้มตำ แต่ถ้าถามว่าเที่ยงนี้จะกินอะไรดี กะเพรา
หลายคนสามารถสั่งได้อย่างชัดเจนว่า “ข้าวผัดกะเพราบวกไข่ดาว” จานด่วนที่เป็นทั้งเมนูยอดนิยม และสิ้นคิดในจานเดียวกัน เป็นเมนูที่เหมือนจะเรียบง่าย แต่แฝงไว้ด้วยรายละเอียดที่ลงตัว วันนี้ “บ้านและสวน” มีโอกาสได้พูดคุยกับ คุณเดอะมู๋ – นพรัตน์ อุณาภาค และคุณอาร์มมี่ – จักรพล ศรีตระกูล เจ้าของร้าน “แล้วแต่…กะเพราแท้ระดับโลก (เฮ้ย)” ผู้นำพาเมนูผัดกะเพราก้าวไปอีกขั้น ด้วยรสชาติ การเสิร์ฟ และสำบัดสำนวนยียวนอันเป็นเอกลักษณ์
ช่วยแนะนำตัวกันก่อนครับ
เดอะมู๋ : ผมชื่อเดอะมู๋นะครับ อายุ 29 ปี บ้านอยู่ที่ขอนแก่น เป็นเพื่อนรักกับอาร์มมี่มายี่สิบกว่าปีแล้ว เรียนมหาวิทยาลัยขอนแก่นเหมือนกัน ก็เลยฝังตัวอยู่ย่านหลังมหาวิทยาลัย ผมทำงานเกี่ยวกับการทำเพลงไปด้วย และต้องการมีพื้นที่ในช่วงกลางวันให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆได้มารวมตัวกันได้
อาร์มมี่ : ผมก็ฝันอยากมีร้านอาหารเป็นของตัวเอง เลยมาลงตัวที่ก้าวแรกกับร้านผัดกะเพราร้านนี้ที่เราทั้งสองคนเป็นหุ้นส่วนครับ
ทำไมต้องเป็นร้านผัดกะเพรา
เดอะมู๋ : ก็ในเมื่อมีร้านลาบเป็ดที่ขายแต่ลาบเป็ดอย่างเดียว มีร้านข้าวมันไก่ที่ขายแต่ข้าวมันไก่อย่างเดียว ทำไมเราจะขายแต่ผัดกะเพราอย่างเดียวไม่ได้ เราถนัดในสิ่งนี้ ทำได้แซบสุด ลงตัวที่สุด ทีแรกก็ไม่ได้ชอบมากขนาดนี้นะครับ แต่อยากประชดลุงๆป้าๆ ที่ทำแต่ผัดกะเพราซึ่งใส่โน่นใส่นี่เยอะแยะ ข้าวโพดอ่อนบ้างถั่วฝักยาวบ้าง เราก็อยากทำผัดกะเพราแท้ๆให้ดูบ้าง
แท้คือแค่ไหน แค่ไหนถึงเรียกว่าแท้
เดอะมู๋ : แท้ก็ Real ไงครับ ผัดกะเพรานี่ผมว่าน่าจะมีมานานประมาณสามสี่ร้อยปีได้ วิวัฒนาการของมันก็วนเวียนอยู่กับกะเพรา กระเทียม น้ำมัน และก็เครื่องปรุงอีกนิดหน่อย นอกเหนือจากนี้คือสิ่งเติมเต็มทั้งนั้น เอาพริกกับกระเทียมมาโขก ลงผัด แล้วก็ใส่เนื้อ ใส่กะเพรา ลูกค้าก็เรียก “กะเพราแล้วแต่…แล้วแต่กะเพราะแท้”
แล้วถ้ามีคนมาบอกล่ะว่าเราไม่แท้
เดอะมู๋ : ไม่กล้ามีหรอกครับ เวลารับออร์เดอร์เราพูดจาห้วนๆ ก็คงกลัวมีเรื่องกับเรา (ฮา)
พูดจาห้วนๆ แต่กะเพรากลับอร่อย
เดอะมู๋ : แม้ว่าความประพฤติเราจะหยาบ แต่เรื่องอาหารเราละเอียดนะครับ เราให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ที่สุดเลย ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพของตัวผัดกะเพรา หรือข้าวที่ใช้ และแน่นอนที่สุด รสชาติต้องดีด้วย
เรื่องเสิร์ฟในจานแปลกๆนี่มาได้ยังไง
เดอะมู๋ : จริงๆร้านเราชอบเสิร์ฟในชาม เพราะเราวิเคราะห์กันมาแล้ว จากความชอบส่วนตัวที่อยากให้เหมือนนั่งกินที่บ้าน ก็ใส่ชามเอากับใช้ช้อนสั้น แต่บังเอิญมีเพื่อนเราคนหนึ่ง ที่ปากค่อนข้างสุนัขและแวะมากินที่ร้าน คุยกันตามประสาเพื่อน เราก็เลยเสิร์ฟข้าวผัดกะเพราให้เพื่อนในชามข้าวสุนัข เป็นเรื่องตลกในหมู่เพื่อนฝูง แล้วก็ถ่ายรูปเล่นกัน พอลงอินเทอร์เน็ตเท่านั้นแหละ…ก็เลยยาวเลย
เป็นความบังเอิญที่เกิดขึ้นในยุคโซเชียลก็ว่าได้
เดอะมู๋ : จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ผิด เพราะพอเพื่อนคนแรกโพสต์ ก็เริ่มมีคนอยากลองของ ก็มาสั่งเลย…ขอจานแปลก หลังจากนั้น ก็เริ่มเป็นการแข่งกันว่าใครจะได้แปลกกว่าใคร จากเพื่อนไปสู่เพื่อนของเพื่อน ไปสู่เพื่อนของเพื่อนของเพื่อน จนตอนนี้บางครั้งถ้าลูกค้าห้าวมาก เราก็ใส่จานธรรมดาไปให้เลย ก็ไม่ทำให้แล้วอะ…จะทำไม แต่ก็เป็นเรื่องที่สนุกดีนะ โดยเฉพาะกับนักศึกษาที่แวะเวียนมาตลอด
กลัวคนไม่เข้าใจหรือเปล่า
เดอะมู๋ : ก็มีบ้าง คือจริงๆก็มีแหละลูกค้าที่ไม่ get เรา ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเวลาลูกๆพามากิน เราก็พยายามสุภาพขึ้นกว่ามาตรฐานนิดหนึ่ง ก็ให้ความเคารพเขา แต่ตอนแรกนี่ไม่ได้คิดหรอกว่ากลัวหรือไม่กลัว เพราะเราก็ไม่ได้คาดคิดว่าจะมีกลุ่มลูกค้าหลากหลายแบบนี้นะ การบริการของเราคือไม่บริการไง มันเป็นธรรมชาติของเรา ก็ห้วนๆ สนุกๆ กันเอง อย่างในโซเชียลชมก็ชมไส้แหก ด่าก็ด่ากันไปเลย เราไม่มีตรงกลาง คนที่ชอบเราก็ไม่มีตรงกลาง
แปลกที่สุดที่เคยเสิร์ฟแล้วประทับใจ
เดอะมู๋ : ต้องนี่เลย เสิร์ฟในถุงหูหิ้ว ไอ้เสิร์ฟน่ะไม่เท่าไหร่ แต่เขานั่งกินที่ร้านด้วย อ๋อ แล้วก็ที่แบมือแล้วเทข้าวใส่มือเลย (ฮา) ก็กินทั้งแบบนั้น กินหมดด้วยนะ ชอบมาก เขาก็ชอบ
อาร์มมี่ อันนี้ก็ดี ที่ให้เอาพลาสติกลองแล้วเทบนโต๊ะเลย มันดูเท่นะ มัน Crusine มาก เขาก็ตักกินจากบนโต๊ะแบบนั้นแหละ
ไม่มีเมนูอื่นเลยหรือ
เดอะมู๋ : ก็มีนะ คือแล้วแต่วาระ อย่างช่วงหนึ่งฮิตลดความอ้วน เราก็ทำกะเพราผักล้วน แต่สุดท้ายก็วนกลับมาที่เดิม ที่อร่อยและคุ้นชิน