สวนทรอปิคัลอังกฤษ หลังจัดสวนเสร็จได้เพียงไม่กี่ปีก็เกิดวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ย่านรังสิตและพื้นที่ใกล้เคียงในปี 2554 ทำให้ ครอบครัวชลิดาพงศ์ ต้องย้ายไปอาศัยอยู่ในเมืองชั่วคราว อุทกภัยครั้งนั้นทำให้สวนทรอปิคัลเดิมได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด หลงเหลือไว้เพียงแค่เค้าโครงของงานฮาร์ดสเคปกับต้นไม้ใหญ่ 2-3 ต้นที่รอดมาได้ ทันตแพทย์หญิงกุลนิธี ชลิดาพงศ์ เจ้าของบ้านฝ่ายหญิงบอกกับเราว่า
“หมอเป็นสมาชิกบ้านและสวนตั้งแต่ปี 2527 และเป็นมายาวนานจนกระทั่งเกิดน้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมา ต้องหยุดรับนิตยสารไปสักพักใหญ่ เพราะไปอยู่คอนโดในเมืองกับลูก หลังน้ำท่วมหมอเริ่มหาข้อมูลเพื่อเตรียมปรับปรุงสวนใหม่ จนไปเห็นผลงานของ คุณโอ๊ต-ศิริชัย อิ่มลออ ที่ลงในบ้านและสวน หมออยากได้สวนอังกฤษ และตอนนั้นก็ซื้อบ้านใหม่เพิ่มซึ่งอยู่ติดกันน่าจะมีพื้นที่พอให้จัดสวนได้ ส่วนบ้านเก่าที่เคยถูกน้ำท่วมก็ยังอยากให้คงบรรยากาศความร่มรื่นไว้เช่นเดิม เมื่อดูผลงานเก่าๆของคุณโอ๊ตก็เห็นว่าเขาทำได้ทั้งสองสไตล์คือทั้งแบบทรอปิคัลที่ดูร่มรื่นแต่ไม่รกมากกับสวนอังกฤษที่มีต้นไม้กระจุกกระจิกดูน่ารักดี เลยติดต่อให้มาจัดสวนให้ โจทย์ที่บอกไปคืออยากได้สวนอังกฤษในพื้นที่บ้านใหม่ และสวนแบบร่มรื่นในส่วนของบ้านเก่าที่ถูกน้ำท่วม ซึ่งเขาก็ออกแบบมาให้เป็นอย่างที่เห็น”
พื้นที่ทั้งหมดประกอบด้วยบ้านสามหลังอยู่ติดกัน หลังใหญ่สุดเป็นบ้านเก่า ส่วนอีกสองหลังเป็นของลูกสาวและคุณปู่คุณย่า แต่ละหลังเชื่อมต่อด้วยพื้นที่สี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดแคบยาวซึ่งไม่ได้ถูกใช้งาน มีเพียงแค่ไม้กระถางที่เจ้าของบ้านซื้อเก็บสะสมจัดวางแบบกระจัดกระจาย
“ผมแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือ สวนบ้านหลังใหญ่ บ้านลูกสาว และบ้านคุณปู่คุณย่า เริ่มจากโซนแรกมีเพียงต้นนนทรี มะม่วง และปีบที่รอดจากน้ำท่วมครั้งนั้น ผมจึงเพิ่มไม้ใหญ่เข้าไปอีก ทั้งชงโค จิกน้ำ และกระพี้จั่น แทรกด้วยไม้ระดับกลางอย่างพุดกุหลาบ โมกลา เพื่อให้ความรู้สึกร่มรื่นมากขึ้น และเปลี่ยนบรรยากาศไปจากสวนเดิม จากนั้นก็กำหนดพื้นที่ใช้งาน โดยเริ่มจากมุมด้านในสุดที่มองเห็นตั้งแต่เดินผ่านเข้ารั้วบ้าน ผมยกสเต็ปขึ้นมาเป็นลานนั่งเล่น เพื่อให้สะดุดตาและมองเห็นได้จากทั้งนอกบ้านและในบ้าน จัดวางชุดเฟอร์นิเจอร์สนามมีฉากหลังที่โปร่งตาสามารถมองทะลุได้ ตรงนั้นจะมีกลุ่มไม้พุ่มเป็นตัวจบสายตาและทำให้สวนดูมีมิติ ประมาณว่าเห็นแล้วอยากชะเง้อไปดูว่าด้านหลังมีอะไร และสร้างทางสัญจรต่อเนื่องมาจากโรงจอดรถ พอมาถึงต้นนนทรีจะเจอทางแยกไปมุมนั่งเล่นซึ่งมีน้ำพุคอยต้อนรับอยู่ด้านหน้า อีกทางจะนำไปสู่ทางเข้าบ้านหลังใหญ่ ระหว่างทางผู้ใช้งานยังได้ชื่นชมพรรณไม้ต่างๆ ไปด้วย ตรงนี้ผมแอบแทรกไม้ดอกเข้าไปเพื่อช่วยเพิ่มสีสันให้สวนดูสดชื่นมีชีวิตชีวา ไม่เขียวไปทั้งหมด ซึ่งเป็นตำแหน่งที่แสงแดดส่องถึงหรือแซมด้วยไม้ใบสีเข้าไปทดแทน ระหว่างที่เดินลัดเลาะเข้าไปข้างใน ต้นไม้ที่บดบังจะค่อยๆเผยโฉมให้เห็นธารน้ำตกเล็กๆ ซึ่งเป็นโครงสร้างเดิมแต่เพิ่มความสูงของน้ำตกเพื่อให้ได้อารมณ์ของเสียงน้ำและธรรมชาติที่สมจริงมากขึ้น ก่อนเดินเข้าบ้านยังมีทางเดินผ่านลำธารก็เป็นโครงสร้างเก่าอีกเช่นกัน