สุดฝีมือเพื่อพ่อ ๒ : ชมเบื้องหลังการสรรค์สร้าง “ พระเมรุมาศ ” - room magazine

สุดฝีมือเพื่อพ่อ ๒ : ชมเบื้องหลังการสรรค์สร้าง “พระเมรุมาศ”  

ความโศกเศร้าที่เกาะกุมหัวใจคนไทยนับตั้งแต่ ๑๓ ตุลาคมปีที่ผ่านมา นำไปสู่การเฝ้าติดตามข่าวสารแห่งพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ ๙ กันอย่างใกล้ชิด

นอกเหนือไปจากการแสดงความระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านอย่างสุดซึ้ง ในอีกด้านหนึ่ง การดำเนินไปของการจัดสร้างพระเมรุมาศในครั้งนี้ เป็นช่วงเวลาที่ศาสตร์แห่งงานศิลปสถาปัตยกรรมไทย ได้ถูกบอกเล่าจากช่างสู่ช่าง จากสำนักช่างฝีมือสู่ประชาชนไทยผู้เป็นเจ้าของมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดต่อกันมา ท่ามกลางกระแสโมเดิร์นที่เกือบกลบกลืนแก่น “ความเป็นไทย”

หลังจากที่ room มีโอกาสไปเยือน “สำนักช่างสิบหมู่” เพื่อเยี่ยมชมเบื้องหลังของส่วน “งานศิลปกรรมและงานประณีตศิลป์” ในโอกาสนี้ room ขอพาคุณไปติดตามความคืบหน้าในการจัดสร้าง พระเมรุมาศ พร้อมเรื่องราวของคณะทำงานในแวดวงงานศิลปสถาปัตยกรรมไทยในยุคสมัยปัจจุบัน ผ่านการพูดคุยกับ คุณชาริณี อรรถจินดา สถาปนิก ชำนาญการ สำนักสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร ผู้ดูแลเพจ จด และ หมายเหตุ : เล่าเรื่องสถาปัตยกรรมไทย” พื้นที่บอกเล่าเรื่องราวเบื้องหลังแบบลงลึกตลอดกระบวนการจัดสร้างพระเมรุมาศ และสิ่งปลูกสร้างประกอบพระราชพิธี

 

  • พระเมรุมาศ : ความหมายเหนือสถาปัตยกรรม

พระเมรุมาศถือเป็นงานสถาปัตยกรรมที่สะท้อนถึงพระเกียรติยศของทั้งพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ และพระมหากษัตริย์ในรัชกาลปัจจุบัน การออกแบบพระเมรุมาศในทุกยุคสมัยจึงเป็นการสร้างสรรค์อย่างสุดฝีมือของช่างทุกสำนัก ทุกแขนง โดยใช้ความหมายเชิงสัญลักษณ์ไว้ภายใต้ขนบของศิลปะไทยดั้งเดิม

“ตามคติความเชื่อตั้งแต่อดีตมา พระเมรุนั้นเปรียบได้กับเขาพระสุเมรุ ซึ่งเป็นที่สถิตของทวยเทพ หนึ่งในความเชื่อที่มีมานั้น เราเปรียบกษัตริย์เป็นดั่งพระนารายณ์ที่อวตารลงมา พอพระองค์ท่านเสด็จสวรรคต ก็เสด็จกลับไปยังเขาพระสุเมรุ หรือบางยุคก็เชื่อว่าพระองค์ท่านจะทรงเป็นพระพุทธเจ้าในภายภาคหน้า เมื่อสวรรคตก็เสด็จกลับไปยังสวรรค์ชั้นดุสิต แล้วเสด็จกลับมาเป็นศาสดาอีกครั้ง จึงเห็นได้ว่าช่างฝีมือแต่ละท่านก็จะหยิบยกสัญลักษณ์ต่างๆ ที่สื่อถึงเขาพระสุเมรุมาประกอบไว้ในงานออกแบบ”

ซ้าย) พระเมรุมาศพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รูปแบบพระเมรุมาศขนาดใหญ่องค์สุดท้ายที่ยึดถือรูปแบบพระเมรุใหญ่ตามประเพณีในครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา (ขวา) พระเมรุมาศพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการออกแบบให้มีขนาดย่อมลง ตามกระแสพระราชดำริให้เหมาะสมกับสถานการณ์บ้านเมือง ซึ่งพระเมรุมาศทรงบุษบกนี้ ถือเป็นต้นแบบของพระเมรุมาศของพระมหากษัตริย์ในยุคต่อมา (ขอบคุณภาพจาก www.facebook.com/จด-และ-หมายเหตุ-เล่าเรื่องสถาปัตยกรรมไทย-1589438321363231/)
  • พระเมรุมาศถือเป็นสถาปัตยกรรมที่สะท้อนศิลปะไทยในแต่ละยุคสมัยหรือไม่?

“ศิลปะไทยคงไม่ได้เปลี่ยนไปตามรัชกาลแบบชัดเจน เพราะตั้งแต่อดีต ช่างฝีมือจะสังกัดตามวัง เช่น ช่างของวังหลวง ช่างของวังหน้า รูปแบบหรือสไตล์ของงานก็สืบทอดต่อกันมาในสกุลช่าง โดยมีเจ้านายอุปถัมภ์ อย่างงานพระเมรุมาศในอดีตก็จะเป็นการร่วมกันทำงานของช่างจากหลายๆ สำนัก จึงเกิดการสืบทอดวิชาจากบรมครูสู่ศิษย์ผู้เป็นช่างในสังกัดรุ่นต่อๆมา”

 

  • ศิลปะไทยควรคงไว้ตามแบบต้นฉบับ หรือปรับประยุกต์ไปตามยุคสมัย?

ท่านอาจารย์ประเวศ ลิมปรังษี ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (สถาปัตยกรรม) ประจำปี พ.ศ. ๒๕๓๒ ได้กล่าวไว้ว่า สถาปัตยกรรมเหมือนดังการประพันธ์เพลง หากทำแล้วซ้ำเดิม จะทำไปเพื่ออะไร ดังนั้นแม่ท่าลวดลายไทยต่างๆ ก็สามารถแตกลาย สร้างสรรค์ต่อยอดไปเรื่อยๆ เหมือนกับเรามีโน้ตเพลง เราก็สามารถแต่งเพลงไปได้หลากหลาย”

“จริงๆ แล้ว ความงามมักถูกบอกว่าเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล แต่สำหรับสถาปัตยกรรมไทยจะมีกรอบของความงามอยู่ ซึ่งมีการถ่ายทอดรูปแบบตามสถาบัน ถึงช่างแต่ละสำนักก็จะมีลายเส้นที่ไม่เหมือนกัน แต่การมองความงามกลับเหมือนกัน ซึ่งพอเรารู้ว่าขนบความสวยนี้คืออะไร เราก็สามารถออกแบบไปได้หลากหลายเหมือนอย่างการประพันธ์นั่นเอง“

พระเมรุมาศออกแบบโดยยึดถือคติตามโบราณราชประเพณี โดยมีรูปแบบเป็นพระเมรุมาศทรงบุษบกยอดมณฑป ตำแหน่งพระเมรุมาศเป็นองค์ประธานอยู่ตรงกลาง พระที่นั่งทรงธรรมคืออาคารใหญ่ ซึ่งเป็นอาคารสำหรับพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ ประทับทรงธรรมและประกอบพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศล ศาลาลูกขุนทั้งซ้ายขวาสำหรับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เฝ้าฯ รับเสด็จและร่วมพิธี รอบนอกสุดคือ ทิม อาคารที่พักของพระสงฆ์ แพทย์หลวง เจ้าพนักงาน และเป็นที่ประโคมปี่พาทย์ประกอบพิธี และทับเกษตร สร้างอยู่ที่มุมทั้งสี่ของมณฑลพิธี และใช้สำหรับเป็นที่พักเจ้าพนักงาน และบอกขอบเขตมณฑลพิธี (ขอบคุณภาพจากกรมศิลปากร www.facebook.com/จด-และ-หมายเหตุ-เล่าเรื่องสถาปัตยกรรมไทย-1589438321363231)
  • เทคโนโลยีสมัยใหม่คือส่วนหนึ่งของการพัฒนา?

พระเมรุมาศถือเป็นสถาปัตยกรรมลำลองหรือสถาปัตยกรรมชั่วคราว ดังนั้นระบบการก่อสร้างรวมถึงวัสดุประดับตกแต่งต่างๆ จึงแตกต่างจากสถาปัตยกรรมถาวร เพื่อให้เหมาะสมกับปรัชญาความชั่วคราว รวมถึงกระบวนการสร้างและรื้อถอนหลังพระราชพิธี

“โครงสร้างหลักของพระเมรุมาศประกอบด้วย ส่วนยอด ตัวเรือน และฐานราก นับตั้งแต่อดีตพระเมรุมาศในแต่ละยุคสมัยล้วนปรับเปลี่ยนไปตามรูปแบบของความสร้างสรรค์ของช่าง และเทคโนโลยีการก่อสร้างที่พัฒนาไป จากโครงสร้างไม้ทั้งต้นในพระเมรุมาศสำหรับพระราชพิธีถวายพระเพลิงในรัชกาลที่ ๔ มีการปรับเปลี่ยนเรื่อยมา จนในสมัยพระเมรุมาศสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ เริ่มมีการใช้การเสริมเหล็ก ส่วนที่เห็นใช้โครงสร้างเหล็กชัดเจนน่าจะเป็นในสมัยของสมเด็จย่า เป็นโครงเหล็กประกอบไม้”

“โดยปกติการก่อสร้างสถาปัตยกรรมลำลองอย่างพระเมรุมาศ ณ ท้องสนามหลวงจะไม่ใช้เสาเข็ม เนื่องจากชั้นดินอัดแน่นสามารถรับและกระจายแรงได้ดี  โดยในอดีตจะใช้ระบบฐานรากแบบแผ่ที่เรียกว่า “แระ” ส่วนในการก่อสร้างพระเมรุมาศครั้งก่อน ใช้ฐานรากแผ่นพื้นคอนกรีตสำเร็จรูปชนิดรูกลวง (Hollow-Core Slab) ส่วนในครั้งนี้ เนื่องจากพระเมรุมาศมีขนาดใหญ่ จึงออกแบบฐานรากเป็นแบบคอนกรีตหล่อกับที่ รับแรงแยกกันทุกยอด ส่วนบริเวณอื่นใช้คอนกรีตหล่อสำเร็จ  โครงสร้างตัวเรื่องและยอด ทั้งหมดจะใช้โครงสร้างเหล็กประกอบ  โดยออกแบบเป็นโครงสร้างซูเปอร์ทรัส (Super truss) คือเป็นแนวทรัสคู่ขนานที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรง ทำสำเร็จจากโรงงาน จึงมีการเชื่อมเหล็กหน้างานน้อยมาก”

พระเมรุมาศ
โครงสร้างหลักของพระเมรุมาศใช้โครงสร้าง Super truss หรือโครงเหล็กถักประกบคู่ ในรูปแบบของเหล็กประกอบสำเร็จจากโรงงาน โดยน้ำหนักของอาคารถ่ายลงโครงสร้างเหล็กซึ่งทำหน้าที่กระจายน้ำหนักลงสู่ฐานรากแผ่นพื้นคอนกรีตหล่อกับที่
พระเมรุมาศ
ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตกแต่งพระเมรุมาศ ทางคณะทำงานตั้งนั่งร้านเพื่อใช้กรุแผ่นไม้อัด ก่อนประดับตกแต่งด้วยองค์ประกอบลวดลายศิลปะจากการฉลุผ้าทองย่นสอดแวว ในอดีตลวดลายประดับต่างๆ ใช้ศิลปะการซ้อนไม้เป็นชั้นๆ ซึ่งจะทำให้เหลือเศษไม้มาก ปัจจุบันก็ยังใช้ศิลปะการซ้อนไม้เช่นเดิม แต่จะซ้อนไม้เป็นต้นแบบ แล้วจึงนำไปทำพิมพ์เพื่อหล่อเรซิ่น มักใช้ในองค์ประกอบที่ซ้ำๆกัน จึงไม่เปลืองไม้ ประหยัดเวลาอีกด้วย จากนั้นจึงปิดลายฉลุผ้าผ้าทองย่น สอดแววสาบสี หรือก็คือปิดกระดาษสีแวววาว แทนการใช้กระจกแบบอาคารถาวร
โครงสร้างของพระที่นั่งทรงธรรม อาคารสำหรับพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ ประทับทรงธรรมและประกอบพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลในการออกพระเมรุ
  • โดยธรรมเนียมปฏิบัติแล้ว หลังจากงานพระราชพิธี โครงสร้างพระเมรุมาศจะถูกรื้อถอนไปไหน?

“โดยแนวคิดของสถาปัตยกรรมลำลองนั้น เรารู้อยู่แล้วว่าต้องรื้อถอนหลังพระราชพิธี จึงพยายามออกแบบโครงสร้างและองค์ประกอบที่สามารถนำไปใช้งานต่อได้ อย่างพระเมรุมาศสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ พระราชโอรสในรัชกาลที่ ๕ ซึ่งสร้างด้วยไม้ เป็นพระเมรุมาศที่ใหญ่มาก มีอาคารประกอบหลายหลัง เมื่อเสร็จพระราชพิธีก็โปรดเกล้าฯ ให้รื้อโครงสร้างไม้เพื่อไปสร้างเป็นโรงพยาบาลศิริราช”

“แต่จริงๆ แล้ว พระเมรุเป็นสัญลักษณ์แห่งความโศกเศร้า บางทีการยกพระเมรุให้กลายเป็นอนุสรณ์ไว้ที่อื่น จะเหมือนเป็นการยืดเยื้อความโศกเศร้าที่ไม่สิ้นสุด อีกอย่างคือ องค์ประกอบศิลปะและสถาปัตยกรรม ต่างล้วนทำตามปรัชญาแห่งความชั่วคราว ถ้าใช้งานหรือปล่อยไว้นานไปก็คงดูโทรม ไม่สมพระเกียรติ”

อ่านต่อและชมภาพ ภายในวิธานสถาปกศาลา หรือโรงขยายแบบ คลิก