ในเมื่อโซฟาเป็นเหมือนพระเอกของบ้าน จึงไม่น่าแปลกใจถ้าปัจจุบันจะมีโซฟาหลากหลายดีไซน์ท่ีได้แรงบันดาลใจมาจากหลายยุคให้เราได้เลือกสรรกันเต็มที่ ลองย้อนอดีตไปด้วยกันในช่วงเวลาสําคัญๆ ต้ังแต่ยุคแรกเร่ิมจนถึงปัจจุบัน ว่าโซฟาสไตล์ไหนจะโดนใจ ชวนให้คุณอยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้านได้บ้าง
1680 : THE BEGINNING OF SOFA
คําว่า “โซฟา” เกิดขึ้นในช่วงประมาณปี 1680 ในฝรั่งเศส ก่อนหน้านี้เก้าอี้ถูกใช้เพื่อบ่งบอกสถานะ จนเมื่อโซฟาถือกําเนิดขึ้น รูปแบบการใช้ชีวิต การเข้าสังคมและการพักผ่อนของชนช้ันสูงก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป นอกจากน้ี การคิดค้นพนักพิงในตัวของม้านั่งหรือโซฟา ยังทําให้การจัดวางแปลนบ้านยืดหยุ่นมากข้ึน เพราะไม่ต้องวางม้านั่งหรือวางเบาะชิดกับกําแพงอีกต่อไป
1710-1760 : ROCOCO
เป็นรูปแบบของศิลปะท่ีต่อต้านความหรูหราเกินพอดีของสไตล์บาโรก เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่จึงมีขนาดเล็กลง โปร่งเบา และมีเส้นสายโค้งเว้า สง่างามแบบไม่สมมาตร ดูร่าเริงและอ่อนโยนขึ้น แต่ยังคงรายละเอียดที่หรูหรา อย่างการฝังมุก หรือฝังลายไม้ รวมไปถึงการใช้ผ้าบุสีสันและ ลวดลายอ่อนหวาน
1710-1760 : NEO-CLASSICISM
เป็นรูปแบบของศิลปะท่ี ต่อต้านความหรูหราเกิน พอดีของสไตล์บาโรก เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่จึง มีขนาดเล็กลง โปร่งเบา และมีเส้นสายโค้งเว้า สง่างามแบบไม่สมมาตร ดูร่าเริงและอ่อนโยนขึ้น แต่ยังคงรายละเอียดที่ หรูหรา อย่างการฝังมุกหรือฝังลายไม้ รวมไปถึงการใช้ผ้าบุสีสันและ ลวดลายอ่อนหวาน
FRENCH COUNTRY
สไตล์ที่อ้างถึงวิถีชีวิตในชนบทของฝรั่งเศส อย่างในเมืองโปรวองซ์ นอร์มองดี และบอร์โด ต้ังแต่ช่วงกลางของคริสต์ศตวรรษที่ 18 เป็นต้นไป มากกว่าที่จะหมายถึงยุคใดยุคหนึ่ง โดยเฉพาะรูปแบบของเฟอร์นิเจอร์ มีความผ่อนคลายไม่มีกฎระเบียบตายตัว และให้ความรู้สึกอบอุ่นเป็นธรรมชาติ
1700 – 1780 : COLONIAL
เฟอร์นิเจอร์ยุคอาณานิคมในสหรัฐอเมริกาได้รับอิทธิพลมาจากยุค William and Mary และ Queen Anne ของอังกฤษ แต่เมื่อมาถึงกึ่งกลางยุคได้รับการปรับรูปแบบให้ดูเรียบง่ายมากข้ึนตามสไตล์ Chippendale แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เฟอร์นิเจอร์สไตล์โคโลเนียลในสหรัฐอเมริกาก็ดูเรียบง่ายกว่าอังกฤษ หรือส่วนอื่นของยุโรปในช่วงเวลาเดียวกัน
1780 : CHESTERFIELD SOFA
โซฟาหนังสุดหรูมีท่ีมาจากช่ือของ Earl of Chesterfield เป็นท่ีนิยมใน Gentlemen’s Club ชั้นสูงในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 โดดเด่นด้วยเทคนิคการดึงดุมและท่ีวางแขนโค้งมนต่อเนื่องกันเป็น ช้ินเดียวกับพนักพิงท่ีไม่สูงมากนัก เพื่อให้สุภาพบุรุษนั่งวางแขนได้โดยไม่ทําให้เสื้อเป็นรอย หนังวัวสีเข้มเพิ่มความหรูหรา และกลายเป็นสัญลักษณ์ท่ีบ่งบอกรสนิยมของบ้านสมัยนี้ได้เป็นอย่างดี
1880 -1930 : ARTS & CRAFTS
แม้จะเริ่มมาตั้งแต่ปลาย ศตวรรษท่ี 19 แต่สไตล์นี้กลับโดดเด่นท่ีสุดในช่วงปี ค.ศ. 1910 – 1925 และ แม้จะอยู่ในช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรม แต่สไตล์นี้กลับมุ่งให้ความสำคัญกับรายละเอียดเชิงช่างการผลิตสุดประณีต และการนําไม้มาเป็นวัสดุหลัก เพื่อโชว์ลวดลายเนื้อไม้ที่สวยงามตามธรรมชาติแบบไร้การปรุงแต่ง โซฟาส่วนใหญ่จึงขึ้นรูปด้วยไม้หรือวัสดุธรรมชาติ มีโครงสร้างเรียบง่าย แข็งแรง บุผ้าทอจากเส้นใยธรรมชาติ ให้ผิวสัมผัสนุ่มสบาย
MÉRIDIENNE
โซฟามีพนักพิงไม่สมมาตร สูงเพียงด้านเดียว แล้วค่อย ๆ ไล่ระดับลงไปสู่อีกด้าน เป็นที่นิยมอย่างมากในบ้านชนชั้นสูงช่วงต้นศตวรรษท่ี 19 โดยช่ือนี้เป็นภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่า “เท่ียงวัน” เพื่อสื่อถึงการใช้งานที่ผู้คนสมัยน้ันมักชอบนอนกลางวันกัน
DAYBED (RÉCAMIER)
เดย์เบดมีพนักเท้าแขนทั้ง ส่วนหัวและท้าย ไม่มีพนักพิงหลัง มักออกแบบสไตล์นีโอคลาสสิก ตั้งช่ือตาม Madame Récamier สตรีช้ันสูงของฝรั่งเศสนั่งอยู่บนเดย์เบดในภาพวาดซึ่งเป็นผลงานของศิลปินผู้หนึ่งในช่วงปี ค.ศ.1800
1840-1910 VICTORIAN
ในช่วงรัชสมัยของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักรในช่วงต้น รูปแบบของเฟอร์นิเจอร์ได้แรงบันดาลใจมาจากยุคกอทิก มีสีสันเคร่งขรึม สัดส่วนหนักแน่น มีเส้นสายฉวัดเฉวียน และบุนวมอย่างหรูหราเหมือนยุคโรโกโก ความเปลี่ยนแปลงเด่นๆ ในปี ค.ศ. 1828 คือมีการคิดค้นสปริงสําหรับใช้บุเครื่องเบาะรูปแบบของโซฟา
1919-1933 : BAUHAUS
ยุคแห่ง Form Follows Function เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ได้รับการออกแบบมาเพื่อประโยชน์ใช้สอยเป็นหลัก รูปทรงมักเรียบง่าย ปราศจากการประดับตกแต่งใด ๆ และยึดมั่นหลักสัจวัสดุ เน้นใช้วัสดุจำพวกเหล็ก กระจก ไม้อัดดัด หนังสัตว์ และพลาสติก เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่นิยมผลิตออกมาเป็นสีขาว น้ําตาล หรือดํา บางครั้งมีการนําแม่สีมาใช้เพื่อเน้นบางจุดอย่างต้ังใจด้วย
1933-1965 : MID-CENTURY MODERN
ยุคทองของดีไซเนอร์ดังอย่าง Charles & Ray Eames ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งท่ี 2 กระแสหลักอยู่ที่สหรัฐอเมริกาและแถบสแกนดิเนเวีย ดีไซน์ในยุคนี้มีความเป็นประติมากรรมมากขึ้น แต่ยังคงอิงกับธรรมชาติ มีการใช้สีท่ีโดดเด่นและใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นรูปพลาสติก เบาะที่ทำจากโฟม หรือการขึ้นรูปด้วยโครงอะลูมิเนียมน้ำหนักเบา
1940 : MODULAR SEATING
ไอเดียของโซฟาแยกส่วน คิดค้นขึ้นครั้งแรกโดย Harvey Probber ซึ่งเป็นดีไซเนอร์ชั้นนำของยุคนั้น เน้นที่การออกแบบให้แต่ละยูนิตมีรูปทรงเรขาคณิตเล็กๆ หลายชิ้น เมื่อนำมาประกอบกันในรูปทรงต่าง ๆ ก็จะเกิดประโยชน์ใช้สอยได้หลายแบบ กลายเป็นแนวคิดต้นแบบให้แก่ดีไซเนอร์ยุคใหม่รุ่นต่อๆ มาได้นำไปประยุกต์ใช้กับผลงานของตนเอง
1970 – NOW : CONTEMPORARY
เน้นดีไซน์ท่ีเกิดจากการผสมผสาน หยิบแรงบันดาลใจจากยุคต่าง ๆ มาสร้างสรรค์เป็นโซฟารูปแบบใหม่ โดยยังคงเส้นสายที่เรียบนิ่งของยุคโมเดิร์นไว้ แล้วเสริมเส้นสายโค้งเว้าที่ช่วยเพิ่มความล้ำสมัย ทั้งยังเพิ่มรายละเอียดที่เหมาะสมกับการใช้ชีวิตในสังคมเมือง เช่น เฟอร์นิเจอร์ที่ปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้สําหรับพื้นที่จํากัด