เมื่อสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างศาลเจ้าโบราณกลางป่าในเกียวโต ถูกละเลงสีให้มีบรรยากาศแสนสนุกสนาน ราวกับทั้งผืนป่า คือแคนวาสผืนใหญ่ และที่สนุกยิ่งไปกว่านั้น คือคุณเองก็สามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนสีสันของงานศิลปะชิ้นนี้ได้ เพียงใช้ปลายนิ้วสัมผัส
Tadasu no Mori at Shimogamo งาน Lighting Festival เทศกาลแห่งฤดูร้อน ที่ย้อมสีผืนป่าริมสามเหลี่ยมปากแม่น้ำ Kamogawa ในเกียวโต ให้กลายเป็นอุโมงค์แสงอันน่าพิศวง เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มศิลปิน นักออกแบบแสง เสียง ผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ ที่รู้จักกันดีในชื่อ teamLab บริษัทออกแบบสัญชาติญี่ปุ่นที่รวมเอาทั้งศาสตร์แห่งเทคโนโลยียุคดิจิทัล และศิลปะเข้าไว้ด้วยกัน เจ้าของผลงาน Digital art และ Installation หลากหลาย ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในขณะนี้
และนี่คือเรื่องเล่า จากหนึ่งในโปรเจคของ teamLab ที่ฉันอยากจะเล่าให้คุณฟัง หรือถ้าคุณอดใจรอไม่ไหวจะข้ามไปดูลายแทงที่ย่อหน้าสุดท้ายเลยก็ไม่ว่ากัน
ในคืนที่เงียบสงัดหลังเทศกาลรำลึกถึงคนตาย อันเป็นเทศกาลสำคัญของเมืองเกียวโต ฉันเดินลัดเลาะเพียงลำพังไปตามแม่น้ำคาโมกาว่า มาจนถึงบริเวณที่แม่น้ำแยกออกเป็นสองสาย หรือที่คนทั่วไปเรียกกันว่า “เดลต้า” บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำนี้ปกคลุมไปด้วยป่า มีชื่อเรียกขานว่า Tadasu no mori หรือ ป่าทาดาสุ
ณ ใจกลางป่าเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าชิโมกาโมะ ศาลเจ้าเก่าแก่ที่ขึ้นชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งหนึ่งของเกียวโต เบื้องหน้าฉันมีถนนสายเล็กๆ ทอดตัวไปสู่ประตูป่า ตามทางมีเพียงแสงสีส้มสลัวจากโคมไฟโบราณ ฉันเดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ผ่านเสาโทริอิเก่าแก่เป็นตัวกำหนดเขตศักดิ์สิทธิ์ หูแว่วได้ยินเสียงดนตรี ฟังดูเนิบช้าแต่น่าพิศวง ฉันก้มคำนับและพึมพำขออนุญาตเข้าไปรบกวน ตามมารยาทที่เพื่อนชาวญี่ปุ่นเคยสอนไว้
เมื่อก้าวล่วงอาณาเขตเข้าไป ภาพแรกที่เห็นนั้นช่างน่าประหลาดใจ ป่ามืดข้างหน้าฉับพลันกลายเป็นสีแดงจ้า แล้วจู่ ๆ ก็เปลี่ยนก็กลายเป็นสีขาวสว่างวาบ จากนั้นไล่เฉดสีกลายเเป็นเขียว-น้ำเงิน-ชมพู เหมือนเข้าไปอยู่ในหนังเรื่อง Alice in Wonderland
บนทางเดินมีวัตถุทรงประหลาดรูปไข่ยักษ์ตั้งอยู่หลายใบ เด็กคนหนึ่งเอามือแตะเจ้าไข่ใบนั้น พลันมันก็เปลี่ยนเป็นอีกสี เมื่อหลายคนต่างลองจับบ้าง ไข่ใบอื่น ๆ ก็เปลี่ยนสีตามกันไปเรื่อย ๆ อย่างสอดประสานกัน เกิดเป็นภาพที่แปรเปลี่ยนสีไปเรื่อย ๆ โดยไม่เคยซ้ำกัน
ผู้ที่สร้างสรรค์สิ่งนี้ขึ้น คงต้องการสื่อสารกับผู้ชมถึงผลสะท้อนที่เกิดจากแรงกระทำของการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์ และธรรมชาติแวดล้อม ผ่านการเชื่อมโยงของแสง สี และเสียงดนตรี และพอรู้สึกตัวอีกที มนุษย์จำนวนมากรอบตัวฉันต่างเดินกันด้วยท่าทางที่ผิดปกติ ทุกคนเดินแหงนคอมองด้านบน บางคนไม่ยอมแม้แต่จะมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาของตัวเอง กลับมองผ่านช่องมองภาพในมือถือ ด้วยคงกลัวว่าอีกประเดี๋ยว ภาพอันสวยงามนั้นจะหายไป
ฉันค่อย ๆ เดินตามผู้คนมากมาย ผ่านอุโมงค์ป่าที่ถูกย้อมด้วยแสงสีอันสดใส ที่ปรับเปลี่ยนไปตลอดช่วงเวลา จนพบกับประตูศาลเจ้าชิโมกาโมะที่อยู่ด้านลึกที่สุดของป่า ในบริเวณศาลเจ้านั้นอัดแน่นด้วยไข่ประหลาดจำนวนมาก บางอันก็ลอยตุ๊บป่อง บางอันก็เข้าไปแออัดกันอยู่บนศาลเจ้าอย่างน่าเอ็นดู และที่น่ารักเอ็นดูกว่านั้นคือ ปฏิกริยาของบรรดามนุษย์รอบตัวฉัน คู่กิ๊ก เด็ก ครอบครัว คู่คุณลุงคุณป้า ซาราลี่มัง ฯลฯ ที่สีหน้าดูแสนมีความสุข และชี้ชวนกันเล่นกับเจ้าไข่เรืองแสงเหล่านั้น
…และแน่นอนว่าไม่มีใครเล่นกับฉัน นอกจากเจ้าไข่เรืองแสง ที่เปลี่ยนสีรับรู้ได้ถึงการมาของฉัน ฉันเดินเล่นกับพวกมันไปตามลำพัง ก่อนจะแอบเข้าไปขอพรในมุมลึกสุดของศาลเจ้า แล้วค่อย ๆ เฟดตัวออกมา โดยที่ไม่ลืมที่จะโค้งคำนับเสาตรงทางออกอีกครั้ง พร้อมพูดว่า “ขออภัยที่รบกวนค่ะ” ตามธรรมเนียม แถมในใจ “อย่าลืมที่หนูขอนะคะ”
หากตอนนี้คุณบังเอิญอยู่ที่เกียวโตเหมือนกัน ในช่วงวันที่ 17 ส.ค. – 2 ก.ย. นี้ ฉันอยากชวนคุณไปสัมผัสประสบการณ์เดินเล่นในงานศิลปะที่สัมผัสได้ชิ้นนี้ แค่นั่งรถไฟสาย Keihanไปลงที่สถานี Demachiyanagi และปล่อยให้แสงไฟนำทาง หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.teamlab.art/e/shimogamo-lightfestival2018
หรือถ้าโชคดี ปีหน้าเราอาจจะได้เจอกัน 😉
เรื่อง และ ภาพ: ID19
teamLab – ทำความรู้จัก ULTRA-TECHNOLOGIST เจ้าของงานศิลปะสุดล้ำ
เป็นเพื่อนกันเราได้ใน Line@ : https://line.me/R/ti/p/%40slo7204x