SHARING ECONOMY SHARING SPACE
ไม่น่าจะมียุคสมัยไหนที่ทุกตารางนิ้วของ “พื้นที่ว่าง” จะเป็นเงินเป็นทองได้ดังยุคนี้ ใครๆ ก็สามารถหาเงินจากห้องว่างสักห้อง หรือหาสเปซทำงานใหม่ได้ง่ายดายกว่าที่เคย ตั้งแต่อพาร์ตเมนต์เล็กๆ กลางเมืองใหญ่ ไปจนถึงบ้านพักตากอากาศที่นานๆ จะใช้สักที ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นในยุค “เศรษฐกิจแบ่งปัน”
เศรษฐกิจแบ่งปัน หรือ Sharing Economy อาจแปลกใหม่ด้วยชื่อ แต่โดยคอนเซ็ปต์ก็คือ การแลกเปลี่ยนแบ่งปันบริการ สินค้า และอาหารที่มนุษย์คุ้นเคยกันมานานนั่นเอง เมื่อก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล อินเทอร์เน็ตได้เช่ือมต่อคนท้ังโลกเข้าด้วยกันการแบ่งปันแลกเปลี่ยนผ่านเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นระหว่างคนแปลกหน้า กลายเป็นเรื่องง่ายในโลกออนไลน์ จากการแบ่งปันเฉพาะกลุ่ม มุ่งเพื่อแชร์กัน ใช้ทรัพยากรท่ีต่างคนต่างมีให้เกิดประโยชน์สูงสุดแนวคิดนี้ได้ขยายตัวไปสู่ธุรกิจรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เราถือว่าเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจ
Generation Y Renters นัก “เช่า” ตัวยง
ไม่ว่าจะเป็นวิถีชีวิต รูปแบบการอยู่อาศัย หรือแม้แต่การเดินทางท่องเท่ียว ชาวเจน Y ในวัย 18 – 35 ปี ใช้ชีวิตแตกต่างจากคนรุ่นก่อนอย่างส้ินเชิง ส่วนหน่ึงอาจเป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจโลกท่ีชะลอตัว คนรุ่นน้ีมีการวางแผนความมั่นคงเพื่อใช้ชีวิตได้อย่างอิสระตามท่ีต้องการ พวกเขาพร้อมที่จะเลื่อนกำหนดการชีวิต อย่างการแต่งงานหรือการมีลูกออกไป เพื่อทุ่มเทให้กับอาชีพท่ีรัก ด้วยเหตุน้ี พวกเขาจึงไม่เดือดร้อนกับการท่ีไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง และพร้อมจะเช่าห้องคอนโดมิเนียมอยู่ใจกลางเมือง เพื่อความสะดวกสบายแทนบ้านชานเมืองที่เดินทางลําบาก
นอกจากนี้ชาวเจน Y ยังเป็นนักท่องโลกตัวยงในสัดส่วนกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ของนักท่องเท่ียวในปัจจุบัน ส่งผลให้รูปแบบของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวต้องปรับตัวตามไปด้วย จนเป็นจุดกําเนิดของธุรกิจแนว “ตลาดชุมชนออนไลน์” ซึ่งถูกจริตคนรุ่นใหม่และกําลังมาแรงอย่างยิ่ง ธุรกิจนี้เป็นเหมือนพื้นที่ที่ให้ผู้ซื้อ-ผู้ขายมาพบกันง่ายขึ้น ตัวอย่างที่เราคุ้นเคยกันดี เช่น Airbnb หรือ Uber ฯลฯ
แม้หลาย ๆ คร้ังชาวเจน Y จะเลือก “เช่า” มากกว่า “ซื้อ” เพื่อลดภาระในการดูแลรักษาสมบัติ แต่นั่นไม่ได้แปลว่าพวกเขาต้องการคุณภาพของสินค้าหรือบริการที่ต่ำกว่ามาตรฐานเดิม เช่นเดียวกัน ในแง่มุมของอสังหาริมทรัพย์ เมื่อพวกเขามองหาสเปซหรือท่ีพักสักแห่ง ย่อมต้องมาพร้อมความแตกต่างที่สร้างสรรค์ งานดีไซน์ที่ไม่มีใครเหมือน และนี่คือโอกาสทองของธุรกิจยุคใหม่อย่างแท้จริง
Home Sharing Business “โรงแรม” หรือ “บ้านเพื่อน”?
เมื่อคนรุ่นใหม่ไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจที่จะ“แชร์”(เกือบ) ทุกอย่างแม้กระทั่ง “บ้าน” นอกจากจะเป็นการสร้างรายได้จากสเปซว่างในบ้านแล้ว พวกเขายังรู้สึกสนุกสนานในการ สร้างมิตรภาพกับเพื่อนใหม่ ด้วยเหตุนี้เองเว็บไซต์ Social Travel อย่าง Airbnb, Wimdu, Homeaway, VRBO ฯลฯ จึงฮิตในหมู่นักเดินทางเจน Y ย่ิงนัก เพราะเปิดโอกาส ให้ผู้คนจากทั่วโลกสามารถแชร์ที่พักกันได้อย่างอิสระ และนักท่องโลกก็สามารถค้นหาข้อมูล เปรียบเทียบราคา ติดต่อกับผู้ให้เช่าโดยตรงได้ตลอด 24 ชั่วโมง เหมาะกับนักท่องโลกท่ีอยากท่องเท่ียวแบบลงลึกรู้จริงซึมซับวัฒนธรรมท้องถิ่น ผ่านการไปพักโรงแรมที่เป็นเหมือนบ้านเพื่อนใหม่สักคน ในขณะเดียวกันดีไซน์ที่สะดุดสายตาพร้อมประสบการณ์การใช้ ชีวิตที่แตกต่างคือแม่เหล็กดึงดูดผู้เข้าพักได้เป็นอย่างดี
ไม่ว่าจุดหมายปลายทางของคุณจะเป็นท่ีไหน แค่ใส่คำค้น ก็รับรองว่ามีที่พักขึ้นมาให้เลือกกันไม่หวาดไม่ไหว ตั้งแต่บ้านตากอากาศหลังใหญ่ ไปจนถึงแฟลตเล็กๆ สไตล์กันเอง การรวบรวมความหลากหลายของราคา ทําเล รูปแบบ สไตล์การตกแต่งมาไว้ในที่เดียว คือข้อได้เปรียบตลาดโซเชียลออนไลน์แนวน้ี แม้ไม่สามารถทดแทนโรงแรมแบบด้ังเดิมท่ีพรั่งพร้อมด้วยบริการครบวงจร แต่ผู้นําตลาด อย่าง Airbnb (ที่เคยเกือบย่ำแย่ในปีแรกของกิจการ) ก็สร้างความสั่นสะเทือนให้วงการท่องเที่ยวและโรงแรมได้ในระดับโลกมาแล้ว
เมื่อกลายเป็นกระแสนิยมที่ใครๆ ก็เปิดบ้านให้เช่าได้ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หน้าใหม่จึงเกิดขึ้นมากมาย แต่ในความคึกคักของวงการนี้ รัฐบาลในหลายๆ ประเทศ เช่น เยอรมนีรู้สึกหวาดกลัวว่า ความอิสรเสรีในการเช่าและให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเบอร์ลินนี้จะนำไปสู่ภาวะขาดแคลนที่อยู่อาศัยสําหรับคนท้องถิ่น เพราะค่าเช่าโดยเฉลี่ยที่เพิ่มสูงขึ้น ถึงขั้นออกกฎห้ามให้อสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่อย่าง อพาร์ตเมนต์ทั้งตึกเปิดให้เช่าระยะสั้น
แต่ไม่ว่าอย่างไร กระแสการท่องเที่ยวแบบ Social Travel ก็ยังคงเป็นหัวใจหลักของการท่องเที่ยวในยุคนี้และในอีกหลายปีข้างหน้า การสร้างเครือข่ายฐานลูกค้าแบบปากต่อปาก คอมเมนต์ต่อคอมเมนต์กลายเป็นเรื่องจําเป็นที่ขาดไม่ได้สําหรับธุรกิจโรงแรมและที่พักในทุกรูปแบบ
Working Space Renting สเปซคุณ คือออฟฟิศฉัน
Co-working Space ที่เราคุ้นหูกันมาพักใหญ่ยังคงมีความต้องการเพิ่มสูงข้ึนเรื่อยๆ ช่วยเสริมความคึกคักให้วงการอสังหาริมทรัพย์ได้อีกแรง จากที่เคยเป็นเพียงพื้นที่เล็ก สําหรับรวมกลุ่มทํางานของชาวโปรแกรมเมอร์ ในวันน้ี Co-working Space กลายเป็นเทรนด์และธุรกิจทํากําไรตัวใหม่ที่ใครๆ ต่างให้ความสนใจ
นอกจาก Co-working Space ขนาดใหญ่ที่ตกแต่งอย่างดึงดูด ก็ยังมี “สเปซทำงาน” เล็กๆ หรือห้องออฟฟิศให้เช่า (ซึ่งก็คือห้องว่างในบ้านใครสักคน) ที่กระจายตัวอยู่ตามย่านต่างๆ สําหรับชาวฟรีแลนซ์หรือธุรกิจสตาร์ทอัพที่มองหาออฟฟิศคล่องตัวสูงใกล้บ้าน spacehob.com หรือ sharedesk.net คือตัวอย่างของการหาออฟฟิศสเปซ คุณสามารถค้นหาสเปซทํางานในทุกที่ทั่วโลก ซึ่งช่วยรองรับไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ที่มักท่องโลกไปพร้อม สําหรับในไทยเอง HUBBA Co-working Space เจ้าแรก ของไทยก็เตรียมตอบรับความ้องการนี้ ด้วยการคลอดโปรเจ็กต์ NODE คอมมูนิตีออนไลน์สําหรับแลกเปลี่ยนสเปซทํางานทั่วไทย ชักชวนให้ทั้งผู้เช่าและผู้ให้เช่ามาเจอกันใน www. findmynode.com
กระแส Sharing Economy แนวคิดแห่งเศรษฐกิจแบ่งปัน ที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์ของการ “แชร์” คืออีกหนึ่งบททดสอบของโลกยุคดิจิทัล แต่ดูเหมือนว่าจะเริ่มไม่ใช่การแบ่งปันแบบใสๆ เหมือนจุดเริ่มต้นอีกต่อไป เมื่อมีหลายๆ ธุรกิจเริ่มเติบโต และนายทุนรายใหญ่เริ่มลงมาในตลาด นอกจากจะไม่ใช่การแชร์ทรัพยากรที่เหลือใช้จริง แต่มันกลับทำร้ายธุรกิจดั้งเดิมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น กรณี Uber กับแท็กซี่ท้องถิ่น หรือการที่ Airbnb เป็นปัจจัยทําให้ค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ทะยานสูงขึ้น ดังนั้นจึงอยู่ที่ว่าธุรกิจดั้งเดิมจะปรับตัวตามกระแสได้ดีขนาดไหน