ทาวน์โฮมแต่งเอง อยู่ตามชอบแต่งตามใจ
ดูจากภายนอกแล้ว ทาวน์โฮมแต่งเอง หลังนี้อาจไม่ต่างจากหลังอื่นๆ สักเท่าไหร่ แต่ถ้าขยับเข้ามาใกล้อีกนิดก็จะเริ่มเห็นการตกแต่งบริเวณลานจอดรถหน้าบ้านที่มีความเฉพาะตัวและชวนให้สนใจ ทั้งของเก่าของสะสม รถมินิคันน่ารักที่จอดอยู่ ผนังกระจกในโครงเหล็ก และประตูทางเข้าบ้านที่เป็นบานตู้คอนเทนเนอร์สีน้ำเงิน
เจ้าของ-ตกแต่ง คุณก่อพงศ์ ชื่นอารมย์ และคุณวราวรรณ รังรักษ์ศิริวร
คุณน็อต-ก่อพงศ์ เจ้าของบ้านเปิดประตูมาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม และพาเราเข้าไปชมภายในบ้าน ทาวน์โฮมแต่งเอง ซึ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจได้ทันทีด้วยรูปแบบของการจัดวางและตกแต่งที่ไม่เหมือนใครเลย บ้านแต่งเอง
“เมื่อก่อนบ้านเราอยู่แถวเทพารักษ์เป็นบ้านเก่า 50 ปี เราคุ้นเคยอยู่กับชีวิตในยุคนั้นมันทำให้เราชอบของเก่าและเฟอร์นิเจอร์เก่าไปด้วย พอมาซื้อทาวน์โฮมนี้ก็อยากทะลายความเป็นบ้านทรงกล่องนี้ออกไป ทำลายความเนี้ยบแบบหมู่บ้านจัดสรร แล้วปล่อยให้ทุกอย่างดูเป็นธรรมชาติ มันเป็นความรู้สึกที่ดีสำหรับเรา”
แทนที่จะพบกับโซฟาในห้องนั่งเล่น เราจึงพบพื้นที่อเนกประสงค์ที่คุณน็อตปรับเปลี่ยนมาจากโรงจอดรถเดิมซึ่งเคยทำไว้ นั่นเป็นเหตุผลของการทำพื้นให้เป็นปูนเปลือยขัดมัน การเปลี่ยนประตูหน้าบ้านให้เป็นบานตู้คอนเทนเนอร์และการทำบานกระจกในโครงเหล็กติดล้อให้เลื่อนเปิดออกได้กว้างเพื่อนำรถเข้ามาเก็บในบ้านได้ แต่ตอนนี้เขาได้เปลี่ยนมุมนี้ใหม่ด้วยการจัดวางของเก่าที่สะสมไว้ โดยมีโต๊ะรับประทานอาหารขนาดยาวอยู่ด้านในสุด
“เราเคยทำครัวไว้หลังบ้านแต่ก็รื้อออก เพราะไม่ค่อยได้ใช้ครัวกันเท่าไหร่ เวลาทำงานเหนื่อยๆ ก็ไม่อยากทำอาหารแล้วเลยกินข้าวนอกบ้านกันมากกว่า ส่วนผนังด้านข้างเราแปะอิฐทับผนังเดิมแล้วใช้เสาเหล็กช่วยยึดไว้ เลยยืดพื้นที่หน้าบ้านออกไปได้อีก 80 เซนติเมตร ทำให้ได้ประตูกว้างๆ มันสะดวกเวลาเอาของชิ้นใหญ่เข้าบ้านด้วย”
ของชิ้นใหญ่และโดดเด่นสะดุดตาเห็นจะเป็นหุ่นกวางตัวโตและม้าที่ซื้อมาจากเครื่องเล่นม้าหมุนในแดนเนรมิต นอกจากนี้ยังมีชั้นโครงเหล็กที่โชว์ของสะสมอีกหลายอย่าง ระหว่างที่เรายืนชมของมากมายเหล่านี้คุณน็อตเลยช่วยอธิบายให้เข้าใจว่า “เราไม่แต่งบ้านตามมาตรฐานไง แต่เราเรียนจบตกแต่งภายในมาและก็ชอบแต่งบ้านเลยทำเองทั้งหมด ใช้ของเก่าจากบ้านเดิมทั้งนั้นมาจัดวางตามที่เราชอบและใช้งาน ถ้าต้องวางโซฟาตามมุมบังคับมันก็รู้สึกเครียดไป อยู่กับผนังขาวๆ ก็รู้สึกโล่งไป ฝ้าเพดานบางส่วนที่ปิดไว้เราก็รื้อออก ราวบันไดบ้านก็เอาออกให้ดูโปร่งตา แล้วก็ยังย้ายประตูหน้าบ้านเดิมมาเป็นประตูห้องน้ำแทนด้วย”
แต่มุมใช้งานหลักจริงๆ ของบ้านอยู่บริเวณชั้นสอง ซึ่งคุณหวาน-วราวรรณ ผู้เป็นภรรยาบอกว่าเธอชอบความโปร่งโล่งและสบายตาของมุมนี้ “ส่วนใหญ่เราอยู่กันตรงนี้ค่ะ นั่งอ่านหนังสือ ลูกก็มีมุมเล่นของตัวเอง บ้านเราไม่ค่อยดูทีวีกันอยู่แล้ว เลยมีโซฟาหนังตัวเก่าไว้เอกเขนก มีตู้หนังสือ และของสะสม กับมุมทำงานบ้าง ชอบเวลาที่ได้มองออกไปข้างนอกแล้วเห็นใบไม้อ่อนจากต้นจิกเศรษฐีหน้าบ้านแตกยอดมาพอดีกับระยะสายตา มองแล้วสดชื่นดี” นอกจากต้นไม้หน้าบ้านแล้ว ในห้องนี้ยังมีต้นยางอินเดียที่ช่วยฟอกอากาศและต้นฝิ่นประดับเพิ่มมุมมองธรรมชาติให้กับบ้าน
ชั้นบนสุดของบ้านเป็นห้องนอนใหญ่ที่เน้นความโล่งสบายด้วยเฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งแบบน้อยชิ้น คุณน็อตบอกว่าจริงๆ แล้วภรรยาชอบความเรียบง่ายแบบญี่ปุ่น ส่วนตัวเขาชอบออกแนวล้านนาหน่อยๆ ผลที่ได้คือฟูกนอนซึ่งวางติดกับพื้นอย่างง่ายๆ แล้วใช้โต๊ะเตี้ยขนาดยาวเป็นหัวเตียง ผนังหลักของห้องเป็นปูนเปลือยขัดมัน ที่มุมห้องมีโต๊ะเล็กๆ อยู่หนึ่งตัว พร้อมกับต้นพญาไร้ใบในกระถางปูนที่วางติดช่องหน้าต่างเพื่อรับแสงธรรมชาติ
“เวลาฝนตกเราจะชอบขึ้นมาเปิดหน้าต่างให้ต้นไม้ได้เจอกับธรรมชาติบ้าง เพราะเราเอาต้นไม้มาปลูกในบ้านก็ต้องให้หามุมที่มีแสงและลมอยู่ใกล้ๆ เราว่าบ้านสมัยก่อนเย็นมากนะเพราะเปิดช่องหน้าต่างรับลมไว้เยอะ แต่สมัยนี้เราสร้างบ้านกันปิดๆ ทำให้บ้านร้อน อากาศไม่ถ่ายเท เราเลยปลูกต้นไม้ใหญ่ไว้หน้าบ้านและเอาต้นไม้บางส่วนเข้ามาอยู่ในบ้าน นี่ยังอยากจะปลูกต้นกาฝากให้เกาะผนังทิ้งตัวลงไปถึงข้างล่างด้วยเลย น่าจะดูธรรมชาติดี”
อย่างวันที่เราได้มาเยือนนี้ นอกบ้านกำลังมีฝนโปรยสาย ทั้งคู่จึงเปิดหน้าต่างเพื่อให้ลมหอบเอากลิ่นฝนและละอองไอเย็นผ่านเข้ามาในบ้าน ราวกับไม้ใบในบ้านก็รับรู้และดูสดชื่นขึ้นมาทันที บรรยากาศในบ้านก็ยิ่งผ่อนคลายมากขึ้นอีก เสียงน้องต้นกล้าหัวเราะขณะหยอกล้อกับคุณหวานน่าจะช่วยยืนยันความสุขของครอบครัวที่เรียบง่ายแต่ไม่เหมือนใครนี้ได้เป็นอย่างดี
เรื่อง ภัทรสิริ โชติพงศ์สันติ์
ภาพ อนุพงษ์ ฉายสุขเกษม
เรื่องที่น่าสนใจ