คุณค่าที่หาซื้อไม่ได้

            ฤดูฝนค่อยๆย่างกรายเข้ามาแทนที่ฤดูร้อนอย่างช้าๆ ต้นไม้ใบหญ้าที่เหี่ยวแห้งจนเป็นสีน้ำตาลไหม้เกรียมจากไอแดดกลับเขียวขจีมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง ผู้เฝ้ามองอย่างเราก็พลอยสดชื่นและสุขใจไปด้วย ผมและทีมงาน “บ้านและสวน” ออกเดินทางไปยังอำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรีในช่วงที่ฝนแรกของปีเริ่มโปรยปราย เรากำลังไปเยี่ยมชมบ้านพักตากอากาศหลังหนึ่งที่สร้างเพื่อเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจส่วนตัว และยังเป็นที่พบปะสังสรรค์ระหว่างเจ้าของบ้านกับกลุ่มเพื่อนร่วมก๊วนที่รักในงานศิลปะและสนิมสนมคุ้นเคยกันมานาน ผมเดินทางลัดเลาะไปตามภูมิประเทศที่เป็นทิวเขาสลับไปมา กระทั่งได้พบบ้านหลังนี้ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆลูกหนึ่ง
คุณอุดม ด่านศักดิ์ชัยและคุณตั้ม – ธนกฤต ศรีศักดิ์ดา เจ้าของบ้าน เดินลงมาต้อนรับพวกเราและขันอาสาพาเดินชมบ้านทุกซอกทุกมุม ผมมองไปโดยรอบพบว่าบ้านหลังนี้ออกแบบเป็นกลุ่มอาคาร 4 หลังตั้งอยู่ใกล้กัน มีระดับสูงต่ำไล่เรียงกันไปตามส่วนโค้งเว้าของเนินเขาซึ่งเป็นที่ตั้ง มีทางเดินเล็กๆที่แวดล้อมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่เชื่อมต่อพื้นที่ทั้งหมดเข้าด้วยกัน คุณตั้มเล่าถึงไอเดียการปลูกบ้านหลังนี้ให้ฟังว่า
“เรามาตระเวนหาที่ดินเหมาะๆอยู่นาน กระทั่งได้เจอที่นี่ซึ่งมีลักษณะเป็นเนินเขาเตี้ยๆ เมื่อปีนขึ้นไปด้านบนพบว่ามีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมาก จึงตัดสินใจซื้อและเริ่มคิดวางผังอาคารจากการดูมุมมองทัศนียภาพร่วมกับทิศทางของลมและแดดเป็นหลัก”
อาคารหลักซึ่งตั้งเด่นอยู่ตรงกลางออกแบบภายในเป็นโถงรับแขกสีขาวขนาดใหญ่ต่อเนื่องออกไปยังระเบียงโล่งกว้างด้านนอก ตกแต่งฝ้าและรายละเอียดอาคารด้วยไม้จริง ทำให้บรรยากาศในส่วนนี้ดูอบอุ่นมากขึ้น เพิ่มสีสันสดใสด้วยโซฟาและอาร์มแชร์สีสดอย่างสีม่วง น้ำเงิน ส้ม และแดง ผนังโดยรอบติดหน้าต่างบานกระจกทรงสูง ทำให้มองเห็นวิวทิวทัศน์ของธรรมชาติได้รอบทิศทาง ที่น่าสนใจคือการนำงานศิลปะทั้งภาพวาดและประติมากรรมฝีมือชั้นครูจากกลุ่มเพื่อนและคนรู้จักที่เคยมาพักที่นี่มาจัดวางไว้ตามมุมต่างๆอย่างลงตัว
เมื่อเดินไปด้านหลังจะพบอาคารขนาดเล็กซึ่งเป็นส่วนของห้องพัก 2 ห้องที่วางตัวอาคารยาวขนานไปกับอาคารหลัก ออกแบบให้มีหน้าตาและกลิ่นอายของความเป็นไทยที่ผสมผสานกับความเป็นเอเชียตะวันออกได้อย่างไม่ขัดเขิน สิ่งที่สะดุดตาผมมากที่สุดคงหนีไม่พ้นบ่อน้ำขนาดใหญ่สีเขียวมรกตซึ่งอยู่ระหว่างอาคารทั้งสองหลัง โดยทำทางเดินเชื่อมดีไซน์เก๋ไก๋ที่ออกแบบเป็นรูปทรงโค้งมนสีขาวดูบางเบา เสมือนล่องลอยอยู่กลางน้ำ ถัดเข้าไปด้านในเป็นห้องนอนหลักของคุณอุดมและครอบครัว อีกด้านหนึ่งเป็นเรือนไม้แบบไทยโบราณ เจ้าของบ้านซื้อเรือนยุ้งข้าวเก่ามาปรับใหม่จนกลายเป็นเรือนพักอาศัยอีกหลังที่มีสัดส่วนสวยงาม ดูสอดคล้องกับอาคารหลังอื่นๆเป็นอย่างดี
ในการมาเยี่ยมชมบ้านหลังนี้ มีสองสิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจมากที่สุดก็คือ บ้านนี้ไม่ได้ว่าจ้างสถาปนิก เพราะเจ้าของบ้านสร้างบ้านโดยใช้ความรักในงานศิลปะ รวมไปถึงความรู้พื้นฐานทางโครงสร้างของการทำธุรกิจรับสร้างฉากเวที โฆษณา และเกมโชว์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่คุณอุดมและเพื่อนๆร่วมก่อตั้งมาด้วยกัน และไม้ที่ใช้ก่อสร้างบ้านหลังนี้เกือบทั้งหมดก็มาจากไม้เหลือใช้จากการทำฉากเวทีเหล่านั้น นำมาดัดแปลงและแปรสภาพจนกลายเป็นวัสดุหลักของบ้าน
ผมจึงมองว่าบ้านหลังนี้เป็นเสมือนงานศิลปะชิ้นหนึ่งที่ผ่านการสร้างสรรค์มาอย่างประณีต เพื่อเป็นสถานที่พบปะสังสรรค์ของกลุ่มเพื่อนรักที่มีมิตรภาพยืนยาว ซึ่งเป็นคุณค่าที่หาซื้อด้วยเงินไม่ได้จริงๆครับ

ศุภชาติ บุญแต่ง
สังวาล พระเทพ