บ้านหนึ่งหลังสามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้หลายอย่าง โดยที่คุณไม่ต้องต่อเติมอะไรมาก เพียงแค่ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อต้องดูด้วยว่าทุกอย่างสอดรับกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตของเราหรือไม่ และเมื่อคนเรามีชีวิตก้าวถึงจุดแห่งความสำเร็จการให้รางวัลชีวิตที่สามารถสะท้อนสถานะระดับความเป็นอยู่ที่เหนือกว่า และแสดงออกถึงความใส่ใจในคุณค่าของการใช้ชีวิตมากที่สุดก็คือ การมี “บ้าน” ดีๆ สักหลัง ที่ไม่ว่าจะหลังเล็กหรือหลังใหญ่ก็ไม่สำคัญเท่า บ้านหลังนั้นสามารถตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยได้มากที่สุดนั่นเอง
ด้วยเหตุนี้เอง บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย จึงออกมาประกาศเปิดตัวแคมเปญใหม่ที่ชื่อว่า “ความสุขมีตัวตน” ทั้งนี้ก็เพื่อต้องการสื่อสารให้สอดรับกับ 5 เทนด์ความต้องการใหม่ของผู้บริโภค รับกับรสนิยม การใส่ใจสุขภาพและใจของสังคมเมือง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ควรต้องปรับตัวตามให้ทัน เพราะทั้ง 5 เทรนด์นี้ เป็นที่น่าจับตามองอย่างมากในปี 2561
จากการเปิดเผยและวิเคราะห์เกี่ยวกับ 5 เทรนด์ใหม่ในธูรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ส่งผลต่อการพตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค ที่เมื่อผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาฯ ของไทยได้ฟังแล้วอาจต้องรีบปรับตัวตาม โดยได้รับการเปิดเผยจาก คุณวิวัฒน์ เลาหพูนรังษี ประธานกรรมการอาวุโส บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป พร้อมกับวิวัฒนาการที่ก้าวหน้าแบบก้าวกระโดด ทำให้ผู้ประกอบการในภาคธุรกิจโดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ต้องมีการปรับตัวและขยับเทรนด์ตามให้ทัน โดยเราสามารถสรุป 5 เทรนด์ ดังกล่าว ออกมาได้ดังนี้ คือ
- สังคมไร้เงินสด (Cashless Society) ที่ตอนนี้กลายมาเป็นเทรนด์ใหม่ที่มาแรงในกรุงเทพฯ และตามหัวเมืองในต่างจังหวัด
- เทคโนโลยีการบริการในบ้าน (Automation Becoming The New Norm) ที่ออกแบบมาเพื่อลดขั้นตอน และเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายที่ควบคุมได้จนกลายเป็นเรื่องปกติของทุกคนในบ้าน
- รสนิยมที่ยกระดับความหรูหราของสินค้า และการบริการ (Ultra – High – Net – Worth – Individuals meets Ultra Luxury real estate market)
- การมองหาชีวิตที่ดี เข้าใกล้ธรรมชาติ เน้นสุขภาพกายและใจที่ดีขึ้น (Seek for Green & Clean Living) และ
- งานบริการหลังการขาย ที่กลายมาเป็นเรื่องหลักในการตัดสินใจซื้อบ้าน (Life At Home Begins After Sales) ซึ่งข้อนี้จะเห็นได้ชัดมากที่สุดในวงการอสังหาฯ เพราะผู้บริโภคมักจะให้ความใส่ใจในบริการหลังการขายที่รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ที่ถึงแม้จะมีแอปพลิเคชั่นต่างๆ ที่เข้ามาลดบางขั้นตอนในการดำเนินงาน แต่ผู้บริโภคก็ยังคงชื่นชอบการดูแล เอาใจใส่จากตัวบุคคล หรือพนักงานที่ให้บริการหลังการขายอยู่ดี รวมถึงเรื่องของการรับประกันบ้านก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ
ทั้งนี้ 5 เทรนด์ ดังกล่าวที่พูดถึงนี้ถือได้ว่าสอดคล้องกับ 4 ยุทธศาสตร์หลักในการดำเนินธุรกิจของ อารียา พรอพเพอร์ตี้ ที่ประกอบด้วย
- งานออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นมาพร้อมกับคุณภาพ (Aesthetic Design & Premium Quality)
- ความสุขและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน (Sustainable Happiness)
- นวัตกรรมที่ส่งเสริมความเป็นอยู่ทุกรูปแบบ (Innovative Living) และ
- การให้บริการดูแลลูกบ้านตั้งแต่เริ่มต้น ไปตลอดจนบริการหลังการขายอย่างสุดความสามารถ (Best In Class After Sales Service) ซึ่งอารียา พรอพเพอร์ตี้ มีความพร้อมอย่างมากในการปรับตัวและขยับก้าวให้ทัน เทรนด์ของผู้บริโภคในทุกยุคทุกสมัย”
จากความตั้งใจในการปรับตัว เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคให้ได้มากที่สุดนั้น ส่งผลให้ภาพรวมของธุรกิจในครึ่งปีแรกบริษัทฯ มียอดขายรวม 4,852 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากโครงการแนวราบ มูลค่ารวม 3,107 ล้านบาท คิดเป็น 65% และจากโครงการแนวสูงมูลค่ารวม 1,745 ล้านบาท คิดเป็น 35% โตตามเป้า 10% ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งมีการคาดการณ์ยอดขายในครึ่งปีหลังไว้ที่ 5,045 ล้านบาท ทำให้ยอดขายรวมจนถึงสิ้นปี น่าจะมีมูลค่ารวมประมาณ 10,000 ล้านบาท
“ช่วงครึ่งปีหลัง อารียาฯ จะมีโครงการใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย เพื่อให้สอดรับกับคอนเซ็ปต์ “Aesthetic Beauty Of Living” หรือ การใช้ชีวิตให้มีสุนทรียะ ซึ่งเราเชื่อว่า อารียา พรอพเพอร์ตี้ ไม่ได้แค่สร้างที่อยู่อาศัย แต่เรากำลังสร้างรูปแบบใหม่ให้การใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยทุกคน” คุณวิวัฒน์ กล่าว
สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง เกี่ยวกับการเปิดตัวโครงการใหม่ของ อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) นั้น ได้รับการเปิดเผยจาก คุณวิศิษฎ์ เลาหพูนรังษี ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ ว่า “ในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 8 โครงงการด้วยกัน มีมูลค่าการลงทุนรวม 7,275 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้มีโครงการที่มีความโดดเด่นอยู่ 3 โครงการด้วยกัน คือ โครงการ Mandarina เอกมัย-รามอินทรา, โครงการ The Parti เกษตร-นว มินทร์ เป็นโฮมออฟฟิศที่เน้นกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ที่ชอบออกแบบชีวิตให้เป็นเรื่องง่าย มูลค่าการลงทุน 800 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียม A Space Mega บางนา 2 ที่เฟสแรกได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี จนสามารถปิดการขายได้ 100% จึงได้ดำเนินการเฟส 2 ขึ้น มีมูลค่าการลงทุนรวม 2,500 ล้านบาท
ส่วนอีก 5 โครงการที่เหลือ ได้แก่ โครงการ The Village บางนา, โครงการ COMO PRIMO บางนา, โครงการ The Colors บางนา, โครงการ The Colors บางบัวทอง และ โครงการบ้านเดี่ยว Busaba”
อย่างไรก็ตาม อารียา พรอพเพอร์ตี้ฯ ยังคงชูคอนเซ็ปต์เรื่อง Sustainable Happiness อย่างต่อเนื่อง โดยมีกิจกรรมที่น่าสนใจต่าง ๆ มากมาย เช่นเรื่องของ Green and Clean ที่ชูความสมาร์ท 2 เรื่อง ได้แก่ สมาร์ทด้วยเทคโนโลยี Clean Air and Energy Saving โดยได้มีพาร์ทเนอร์ใหม่อย่าง พานาโซนิค ที่จะมาช่วยเสริมด้านเทคโนโลยี Clean Living ให้อากาศภายในบ้านปลอดโปร่ง สะอาด ปราศจากเชื้อโรค รวมถึงช่วยประหยัดพลังงาน และสมาร์ท ด้วยเทคโนโลยีควบคุมบ้านผ่านปลายนิ้วสัมผัส ด้วยระบบ Self-Managed Home Automation at Fingertips รวมถึงกิจกรรม Recycle Day ที่ได้มีการพัฒนาระบบในรูปแบบของแอปพลิเคชั่น ที่ช่วยให้การคัดแยกขยะของลูกบ้านง่ายและสะดวกขึ้น จนได้รับการตอบรับเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการปรับภาพลักษณ์ใหม่ อารียา พรอพเพอร์ตี้ฯ ยังได้มีการปรับโฉมใหม่ของเว็บไซต์หลัก www.areeya.co.th ให้มีความทันสมัยมากขึ้น ใช้งานง่าย เพื่อความรวดเร็วในการค้นหาข้อมูล ทำให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ อารียา พรอพเพอร์ตี้ฯ ต้องการสื่อสารเพื่อให้สอดรับกับความต้องการเทรนด์ใหม่ของผู้บริโภค เพราะเข้าใจดีว่าความต้องการพื้นฐานในการใช้ชีวิตในบ้านกลายเป็นเรื่องสำคัญของไลฟ์สไตล์ชีวิต จึงไม่น่าแปลกใจที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อารียา จะได้รับความสนใจจากผู้บริโภคในทุกๆ โครงการ เพราะทุกแนวคิดการออกแบบที่พักอาศัยต้องเกิดความคุ้มค่า และมีความสมบูรณ์แบบที่สุด รวมถึงการบริการที่เหนือระดับเพื่อให้ผู้อยู่อาศัยเกิดสะดวกสบาย สมดังคอนเซ็ปต์ที่ว่า “ความสุขที่ยั่งยืน” นั่นเอง