จัดสวนในบ้าน สวนในบ้าน หลายคนที่มีโอกาสได้ไปงานบ้านและสวนแฟร์ Midyear 2018 คงต้องได้ไปเยือนโซน Green House ซึ่งจัดแสดงพรรณไม้รวมถึงไอเดียการตกแต่งสวนไว้มากมาย ไอเดียจัดสวนในบ้าน
โดยได้แรงบันดาลใจมาจากหนังสือ everyday with plants ทุกวันมีต้นไม้ และ MINI GARDEN สร้างสรรค์สวนจิ๋วด้วยตัวเอง ของสำนักพิมพ์บ้านและสวน เพื่อแนะนำวิธีการจัดสวนให้คนเมืองซึ่งอาจมีพื้นที่จำกัด เริ่มตั้งแต่สวนขนาดย่อมไปจนถึงสวนขนาดจิ๋ว ลองไปติดตามกันดูว่ามีสวนรูปแบบไหนที่จะเหมาะกับ จัดสวนในบ้าน ของคุณ ไอเดียจัดสวนในบ้าน
Indoor Garden
สวนภายในบ้าน
หากรู้สึกว่าห้องที่เราอยู่อาศัยดูโล่งและขาดชีวีตชีวา การมีมุมสีเขียวสักมุมก็ช่วยแก้ปัญหาได้ ในเบื้องต้นเราควรหาทำเลที่วางต้นไม้ ซึ่งต้องได้แสงแดดอย่างน้อยครึ่งวัน เพื่อให้ต้นไม้ยังสามารถสังเคราะห์แสงสำหรับสร้างอาหารได้ และไม่ควรอยู่ใกล้เครื่องใช้ไฟฟ้าหรือเครื่องมือที่ปล่อยความร้อนออกมามากเกินไป หากอยู่ภายในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศควรปรับอุณหภูมิให้อยู่ที่ 25 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นสภาวะที่น่าสบาย ไม่ควรให้อากาศภายในเย็นจนเกินไป เพราะต้นไม้จะปรับตัวลำบากและใบร่วงมาก
ควรศึกษาลักษณะนิสัยต้นไม้ที่เลือกปลูกก่อนว่าปรับตัวได้ในที่ซึ่งมีแสงแดดจำกัดไหม ส่วนมากต้นไม้ที่มีลักษณะใบมันจำพวกไทรและฟิโลเดนดรอนจะทนร่มได้ดี การรดน้ำก็รดปกติในช่วงเช้าและเย็น อาจให้ปุ๋ยละลายช้าเพิ่มเติม เพื่อให้สารอาหารค่อยๆละลายลงดิน
หากเป็นคนไม่ค่อยอยู่บ้านหรือไม่มีเวลาดูแลต้นไม้ การสร้างพื้นที่สีเขียวอาจทดแทนได้ด้วยการสร้างช่องเปิดหรือติดตั้งกระจกแบบโปร่งใสไว้ในบริเวณที่มองออกไปเห็นสวนภายนอก เพื่อช่วยดึงบรรยากาศธรรมชาติเข้ามาสู่ภายในบ้าน อีกทั้งสวนภายนอกบ้านยังดูแลได้ง่ายกว่า เนื่องจากต้นไม้สามารถแตกรากหาอาหารเองได้ และมีแสงแดดเพียงพอ นอกจากนี้ยังสามารถติดตั้งระบบให้น้ำอัตโนมัติหรือสปริงเกลอร์ได้อีกด้วย
Potted Plants
ไม้กระถาง
การนำไม้กระถางมาตั้งในมุมใดมุมหนึ่งของบ้านถือเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับผู้ต้องการมีพื้นที่สีเขียวภายในบ้าน กระถางต้นไม้ที่ขายอยู่ในท้องตลาดมีรูปแบบและขนาดให้เลือกอย่างหลากหลาย เจ้าของบ้านสามารถเลือกสรรได้ตามความชอบหรือเข้ากับรูปแบบการตกแต่งภายใน
สำหรับต้นไม้ที่ชื่นชอบแสงแดดทั่วไปสามารถย้ายออกไปตั้งรับแสงแดดข้างนอกได้ทุก 2-3 วัน ตามลักษณะนิสัยของต้นไม้ หากนำมาวางประดับภายในบ้านควรหาถาดมารองก้นกระถางเพื่อป้องกันน้ำล้นแฉะบริเวณพื้นบ้านเป็นคราบสกปรก และควรโรยถ่านที่โคนต้นเพื่อช่วยดูดกลิ่นไม่พึงประสงค์ของปุ๋ยหรือดินปลูก รวมถึงหมั่นทำความสะอาดใบเพื่อกำจัดคราบฝุ่นหรือสิ่งสกปรกที่เกาะบริเวณผิวใบ ทำให้ใบดูมันวาวสวยงามอยู่เสมอ สำหรับผู้ที่มีพื้นที่จำกัดสามารถประยุกต์รูปแบบสวนกระถางเป็นสวนแนวตั้งได้ ปัจจุบันมีแผงกระบะสวนแนวตั้งวางขายในท้องตลาดหรืออาจทำด้วยตัวเองก็ได้
การจัดต้นไม้ในกระถางอีกลักษณะหนึ่งก็คือการนำพรรณไม้หลากหลายชนิดที่มีรูปทรงต่างกันมาปลูกรวมกันคล้ายการจัดดอกไม้ในแจกัน เรียกว่า Container Combinations โดยพรรณไม้ที่จัดอยู่ด้วยกันควรมีลักษณะนิสัยคล้ายกัน เช่น ชอบแสงแดดจัดหรือชอบแสงแดดรำไรเหมือนกัน ซึ่งจะช่วยให้ผู้จัดใส่จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ในการจัดได้มากยิ่งขึ้น อาจนำไปจัดวางคู่กับไม้กระถางต้นอื่นๆหรือวางเป็นจุดเด่นในมุมต่างๆ รวมถึงนำไปประยุกต์ใช้กับกระบะต้นไม้ริมหน้าต่างหรือทางเดินด้วยก็ได้ การดูแลโดยทั่วไปก็คล้ายกับไม้กระถางปกติที่ต้องรดน้ำอย่างสม่ำเสมอและตัดแต่งต้นไม้ให้มีรูปทรงตามต้องการ ไม่ขึ้นเบียดเสียดกันจนเกินไป
Tiny Plants
ต้นไม้จิ๋ว
จากศิลปะบอนไซหรือการตัดแต่งพรรณไม้ประเภทหนึ่งจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการนำธรรมชาติมาย่อส่วนลงในภาชนะที่คนสามารถดูแลตัดแต่งได้ง่าย โดยเลือกใช้ไม้ยืนต้นที่เพาะมาจากต้นกล้า จากนั้นนำมาปลูกลงในภาชนะขนาดเล็กและตัดแต่งให้ต้นไม้ที่เริ่มเจริญเติบโตมีขนาดเล็กและรูปทรงเหมือนต้นไม้ใหญ่ที่ถูกย่อส่วนลง นิยมนำไปวางบนแท่นในระดับสายตาเพื่อโชว์ให้เจ้าของบ้านหรือผู้ชมสวนสามารถมองเห็นได้ง่าย ซึ่งพบได้ทั้งในสวนสไตล์ญี่ปุ่น จีน และไทย
จากบอนไซนำไปสู่การปลูกต้นไม้จิ๋วหรือบอนไซจิ๋ว โดยนิยมใช้ขนาดความสูงตั้งแต่ 3-10 เซนติเมตร มีตั้งแต่ไม้ยืนต้น ไม้พุ่ม ไปจนถึงไม้คลุมดิน แต่ไม่นิยมปลูกไม้ล้มลุก ต้นไม้ที่เลือกใช้มักมีใบขนาดเล็กละเอียดรูปทรงลำต้นและกิ่งก้านสวย โดยส่วนมากใช้วิธีเพาะโดยเมล็ดและปักชำ นำไปปลูกในวัสดุปลูกที่ระบายน้ำได้ง่ายอย่างทรายผสมขุยมะพร้าว สิ่งสำคัญคือภาชนะที่ปลูกควรมีความสวยงามโดดเด่น เพื่อช่วยส่งเสริมให้ต้นไม้จิ๋วดูโดดเด่นขึ้นได้ โดยอาจหยิบวัสดุเหลือใช้ที่บ้านอย่างแก้วหรือขวดที่มีรูปทรงแปลกตามาเจาะรูที่ก้นก็ได้ เมื่อปลูกแล้วควรหมั่นตัดแต่งและรดน้ำ รวมถึงนำไปวางในตำแหน่งที่ได้รับแสงแดดอย่างสม่ำเสมอด้วย
Terrarium
เทอร์ราเรียม
ย้อนไปในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 วงการพฤกษศาสตร์ได้รู้จักเทอร์ราเรียมในฐานะเป็นเทคนิคการเก็บรักษาพรรณไม้จากต่างถิ่น เพื่อนำมาเพาะพันธุ์ต่อในประเทศอังกฤษ โดยใช้ทฤษฎีการสร้างระบบนิเวศขนาดเล็กในวัสดุปิดที่มีความโปร่งแสง ภายในประกอบด้วยชั้นดิน น้ำ และก๊าซเหมือนบรรยากาศบนผิวโลก แสงแดดจะทำหน้าที่ช่วยให้กระบวนการสังเคราะห์แสงของต้นไม้สามารถดำเนินต่อไปได้
ในยุคสมัยนั้นเทอร์ราเรียมยังเป็นของตกแต่งบ้านที่แสดงถึงฐานะของผู้เป็นเจ้าของ จึงมักใช้วัสดุและพรรณไม้ที่สวยงามแปลกตา มีความหรูหรา โดยเฉพาะภาชนะที่ครอบปิดสนิท แต่ปัจจุบันมีการใช้วัสดุที่หลากหลาย อย่างขวดน้ำหรือโหลแก้วที่เหลือใช้ในครัวเรือนก็สามารถนำมาใช้ทดแทนได้ตามความชอบของเจ้าของ หรือบางชนิดสามารถเปิดปากออกได้ แต่ต้องรดน้ำอยู่เรื่อยๆให้ต้นไม้มีน้ำเพียงพอกับการเจริญเติบโต
สำหรับเทอร์ราเรียมแบบปิดไม่จำเป็นต้องเปิดภาชนะบ่อย เพื่อให้น้ำหมุนเวียนอยู่ภายในขวดได้เพียงพอ โดยหมั่นสังเกตว่าถ้าน้ำบริเวณหินกรวดชั้นล่างสุดแห้ง จึงค่อยหยดน้ำเพิ่มลงไปให้พอปริ่มชั้นกรวดด้านล่าง ตำแหน่งที่วางเทอร์ราเรียมควรอยู่ในห้องที่อากาศไม่ร้อนจัดหรือในที่ซึ่งไม่ได้รับแสงแดดโดยตรง เนื่องจากอุณหภูมิภายในเทอร์ราเรียมจะร้อนมาก เพราะรังสีความร้อนไม่สามารถสะท้อนกลับออกไปภายนอกได้ เกิดเป็นปรากฏการณ์เรือนกระจก ทำให้ต้นไม้ภายในเหี่ยวและเฉาตาย ตำแหน่งที่วางควรเป็นมุมที่สามารถมองเห็นได้ง่าย ใกล้ระดับสายตา ไม่ควรอยู่ในซอกหรือมุมห้อง เพื่อให้เราสามารถสัมผัสธรรมชาติใกล้ตัวได้มากยิ่งขึ้น
Miniature Landscape
สวนถาด
อีกหนึ่งไอเดียการจัดสวนภายในบ้านที่กำลังได้รับความนิยมในตอนนี้คงหนีไม่พ้นสวนถาดที่เป็นรูปแบบการจัดที่จำลองสวนขนาดใหญ่มาย่อส่วนให้มีขนาดเล็กลง เหมาะมากสำหรับคนที่มีพื้นที่จำกัดและชื่นชอบจัดสวนขนาดจิ๋วเป็นงานอดิเรก โดยดึงเอาลักษณะของการปลูกต้นไม้คลุมดิน มอสส์ ต้นไม้จิ๋วหรือบอนไซมาผสมผสานกัน เพื่อให้บรรยากาศภายในสวนถาดมีสัดส่วนที่ดูสมจริงมากที่สุด
นอกจากพรรณไม้แล้ว พวกวัสดุตกแต่งก็มีส่วนช่วยให้เกิดความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย เช่น บ้านจำลองหรือฟิกเกอร์รูปคนและสัตว์ตามความชอบและจินตนาการของผู้แต่งสวน ซึ่งช่วยเติมเต็มเรื่องราวและส่งเสริมให้สวนถาดดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น โดยภาชนะปลูกควรมีปากกว้าง มีความสูงเหมาะสมกับให้ต้นไม้เจริญเติบโตได้ขนาดพอเหมาะ ที่สำคัญต้องสามารถยกไปตั้งในบริเวณต่างๆได้
โดยทั่วไปสวนถาดมีการดูแลไม่ต่างจากต้นไม้กระถางจิ๋วทั่วไป ซึ่งต้องดูแลรดน้ำอย่างน้อยวันละครั้ง และหมั่นคอยตัดแต่งสวนถาดให้มีขนาดเหมาะสมอยู่เสมอ รวมถึงหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีในการกำจัดแมลงหรือศัตรูพืช เพราะสวนถาดเหมาะสำหรับวางประดับใกล้กับคน และเป็นสวนที่เด็กชอบมาเล่นอยู่เสมอ สามารถวางประดับได้ทั้งพื้นที่ภายในและภายนอกบ้าน โดยต้องคำนึงถึงชนิดพรรณไม้ที่ปลูกว่าต้องการแสงแดดแค่ไหน หากต้นไม้ที่อยู่ภายในเริ่มแน่นเกินไปควรเปลี่ยนเอาพรรณไม้บางชนิดออกและปลูกต้นใหม่ทดแทน
Kokedama
โคเคดามะ
หลายคนอาจไม่คุ้นเคยกับชื่อนี้ แต่หากเรียกว่า “มอสส์บอล” อาจคุ้นหูมากกว่า ซึ่งเป็นศิลปะการจัดต้นไม้ที่พัฒนามาจากบอนไซที่ปลูกในกระถางปกติ แต่เปลี่ยนมาหุ้มด้วยดินเหนียวและมอสส์รอบก้อนดินเป็นทรงกลม ทำหน้าที่เป็นประติมากรรมที่วางเป็นจุดเด่นตามบริเวณต่างๆของบ้าน โดยพรรณไม้ที่ปลูกภายในควรเป็นบอนไซหรือไม้ประดับที่สามารถปรับตัวได้กับสภาพความชื้นที่หลากหลาย
โคเคดามะสามารถปลูกแบบแขวนห้อยบนอากาศหรือวางบนภาชนะ เช่น จานหรือชามที่มีลวดลายสวยงามก็ได้ สิ่งสำคัญคือต้องรดน้ำเป็นประจำทุกวันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ให้วัสดุปลูกมีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ หากไม่มีเวลารดน้ำควรเลี้ยงโคเคดามะในภาชนะที่มีน้ำหล่อไม่เกินหนึ่งในสามของขนาดตุ้มดิน และไม่ควรปลูกในบริเวณที่ได้รับแสงแดดหรือมีลมแรง เพราะต้นไม้จะสูญเสียน้ำและแห้งตายได้ง่าย ควรได้รับเพียงแสงแดดอ่อนๆเท่านั้น
เรื่อง : ปัญชัช
ภาพ : คลังภาพบ้านและสวน และนิตยสารmy home
เรื่องที่น่าสนใจ