ไม่ว่าจะอยู่ในย่านธุรกิจกลางเมือง รอบๆ ฝั่งพระนคร หรือข้ามแม่น้ำมายังฝั่งธนบุรี ถ้าลองได้หลุดออกจากถนนสายหลักแล้วเดินลัดเลาะเข้าตรอกซอกซอย โฮมออฟฟิศ
ก็ยังจะพบเห็นบ้านสไตล์ทาวน์เฮ้าส์หรือแม้แต่ตึกแถวขนาดเล็กที่ซ่อนตัวกันอยู่เป็นชุมชนสงบเงียบ ราวกับว่ากาลเวลาของบ้านตามซอยเล็กๆ เหล่านี้แทบจะไม่ได้เคลื่อนไหวหรือเปลี่ยนแปลงรวดเร็วไปตามอาคารที่อยู่ติดถนนใหญ่เลย
อาคารเหล่านี้บ้างก็มีอายุเป็นร้อยปี บ้างก็ร่วมครึ่งศตวรรษ ด้วยโครงสร้างที่ยังคงแข็งแรงและบันทึกเรื่องราวจากอดีตไว้มากมายจนกลายเป็นเสน่ห์สำหรับหนุ่มสาวรุ่นใหม่ เหมือนกับกลุ่มอาคารตึกแถวที่อยู่ในซอยเล็กๆ แยกย่อยออกมาจากซอยสุขุมวิท 36 ที่ คุณชารีฟ ลอนา บังเอิญเดินเข้ามาพบเจ้าของเดิมกำลังขนย้ายข้าวของออกไปอยู่บ้านหลังใหม่พอดี จึงเกิดความสนใจที่จะขอเช่าต่อเพื่อทำ โฮมออฟฟิศ ออกแบบของตัวเอง
“ผมไม่ได้อยากทำออฟฟิศอยู่ในตึกสูง จากประสบการณ์ที่เคยทำงานในสตูดิโอออกแบบที่ลอนดอน เลยมีแนวคิดการทำงานออกแบบที่ผสมผสานไปกับศิลปะแขนงอื่นๆ โดยเฉพาะการได้ลงมือทำทุกอย่างเอง ผมอยากได้พื้นที่เปิดกว้างให้คนทำงานได้พูดคุย แลกเปลี่ยน และทดลองทำอะไรใหม่ๆ ด้วยกัน คิดไว้ว่าอยากได้ออฟฟิศแบบทาวน์โฮมหรือเป็นตึกเล็กๆ ที่จัดฟังก์ชันภายในได้หลากหลาย พอมาเจอที่นี่ก็ชอบเลย ข้างนอกมีหน้าตาเหมือนๆ กันและส่วนใหญ่เป็นชุมชนครอบครัวคนจีนที่อยู่กันอย่างเงียบๆ”
ด้วยกลุ่มอาคารที่ออกแบบมาให้ใช้ผนังร่วมกันทั้งหมดทำให้โครงสร้างค่อนข้างตายตัวและเปลี่ยนแปลงไม่ได้ คุณชารีฟจึงเน้นงานรีโนเวตภายในตั้งแต่การเลาะพื้นและผนังกระเบื้องเดิมบริเวณชั้นล่างออกหมด แต่เมื่อกะเทาะออกแล้วเกิดเป็นร่องรอยหยาบที่ดูสวยแปลกตา เขาจึงคงผิวสัมผัสแบบนั้นไว้แล้วทาสีขาวทับ ส่วนพื้นทาสีอีพ็อกซี่เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างไม่ต้องกังวล โดยตกแต่งบริเวณนี้ให้เป็นเหมือน Showcase หรือพื้นที่จัดแสดงผลงานจาก Studio Act of Kindness ของเขาเอง
“เหมือนเป็นคอลเล็กชั่นส่วนตัวให้ทุกคนในทีมได้ทดลองทำงานต่างๆ ทั้งงานเหล็ก งานไม้ งานผ้าและเป็นที่โชว์ศักยภาพให้ผู้มาเยือนได้รู้จักเราด้วย พอขึ้นมาชั้น 2 ก็เป็นพื้นที่ทำงานของเรา ผมเลือกทาผนังห้องเป็นสีขาว กั้นห้องด้วยกรอบหน้าต่างโค้งที่ล้อมาจากหน้าต่างโค้งเดิมด้านหน้าอาคาร เหมือนมองงานสถาปัตยกรรมผ่านเฟรมภาพของงานจิตรกรรม ข้างๆ ห้องทำงานเราเรียกว่า ‘ห้องดำ’ ผมได้แรงบันดาลใจจากตอนไปเที่ยวต่างประเทศและได้เข้าไปนั่งในโบสถ์ รู้สึกชอบแสงเงาสลัวๆ ที่ดูสงบนิ่ง เลยเอาสีดำและการจัดแสงแบบนั้นมาใช้กับห้องนี้ แล้วเจาะพื้นตรงกลางทำเป็นที่นั่งแบบห้อยขาที่มองลงไปเห็นความเคลื่อนไหวชั้นล่างได้ โครงสร้างของที่นั่งกับฝ้าเพดานยังสามารถใช้แขวนงานโปรเจ็คท์เวลานำเสนอลูกค้าด้วย ส่วน Material Board ก็วางตามพื้นเลย ผมชอบเอาสองสิ่งที่ต่างกันมาผสมใหม่อย่างงานเก่ากับงานโมเดิร์น ลูกค้าเคยบอกว่างานผมเหมือนนักร้องเพลงแจ๊สที่มีฮิปฮอปปนอยู่ด้วย” (หัวเราะ)
อีกมุมที่คุณชารีฟให้ความสำคัญคือห้องหนังสือภายในพื้นที่ทำงาน โดยทำชั้นวางบิลท์อินสีขาวติดผนังพร้อมมุมนั่งอ่านหนังสือ ใช้ขั้นบันไดโปร่งๆ เป็นฉากกั้นแยกพื้นที่ และยังใช้ชานพักบันไดบริเวณชั้น 2วางเล้านจ์แชร์ตัวสวยผลงานของ Le Corbusier เพื่อให้เห็นถึงการใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่าในทุกมุม
“ผมยังเชื่อในวัฒนธรรมการอ่านหนังสืออยู่มาก คอมพิวเตอร์อาจช่วยให้งานเราเร็วขึ้นได้ แต่ความคิดดีๆ มาจากการอ่านในรายละเอียดและผมเชื่อว่าทุกศาสตร์เชื่อมโยงกันได้หมด ยิ่งยุคนี้ทำงานอยู่ในขอบเขตงานเดียวไม่ได้แล้ว แม้แต่เปิดดูภาพศิลปะสวยๆ อย่างพินิจก็ช่วยพัฒนาแนวคิดของเราได้ ทุกเช้าผมเลยชอบเข้ามานั่งอ่านหนังสือในห้องนี้ และก็สนับสนุนให้ทีมเข้ามาอ่านหนังสือที่เราแชร์ร่วมกัน”
จากห้องหนังสือเดินขึ้นมาถึงชั้น 3 ซึ่งเปิดโล่งเป็นห้องอเนกประสงค์ที่คุณชารีฟอธิบายว่าเป็นทั้งมุมผ่อนคลาย พื้นที่สังสรรค์ ห้องดนตรี และสามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องนอนได้ด้วยเช่นกัน
“ผมเปิดฝ้าเพดานออกให้เปลือย เน้นหน้าต่างกระจกทรงโค้ง ย้ายหน้าต่างที่เปิดรับลมได้ไว้ด้านล่าง ขยายพื้นที่ระเบียงด้านนอกให้เป็นพื้นที่ใช้งานด้านใน เพราะเราไม่ต้องใช้ระเบียงเล็กๆ นั้นอยู่แล้ว ตรงนี้ผมทำประตูไม้บานสูงกั้นส่วนไว้ ด้านหลังบ้านก็ต่อเติมให้เป็นแพนทรี่เล็กๆ กับโต๊ะอาหารซึ่งปรับใช้เป็นโต๊ะประชุมได้ โดยขยายระเบียงด้านหลังและติดกลาสบล็อก ใส่บานเกล็ดกระจก และสกายไลท์เพื่อรับแสงธรรมชาติเข้ามาภายใน”
แม้ข้อเสียของตึกแถวเก่าจะอยู่ตรงพื้นที่จำกัด แต่คุณชารีฟก็ท้าทายเงื่อนไขนี้ด้วยการทำให้ทุกพื้นที่มีคุณภาพต่อการใช้งานมากที่สุด พื้นที่เล็กๆ จึงช่วยกระชับความสัมพันธ์ของคนที่อยู่ด้วยกันในบรรยากาศของความเป็นบ้านมากขึ้น และการนำดีไซน์ใหม่มาใช้โดยคงความเคารพถ่อมตนต่อสถานที่เก่าแก่ก็สร้างความกลมกลืนกับชุมชนเดิม เกิดเป็นความเอื้อเฟื้อในการอยู่อาศัยร่วมกันต่อไป
เจ้าของ-ตกแต่ง: คุณชารีฟ ลอนา
เรื่อง: ภัทรสิริ โชติพงศ์สันติ์
ภาพ: อนุพงษ์ ฉายสุขเกษม
เรื่องที่น่าสนใจ
- “Chez Mou”ตึกแถวรีโนเวท ที่สร้างบ้านหลังใหม่ซ้อนในกรอบบ้านหลังเก่า
- 7 ไอเดียตกแต่งหน้าร้านตึกแถวให้สวยปัง !
- TA.THA.TA Studio โฮมออฟฟิศหน้าจั่วสีขาว ความสบายจากธรรมชาติแสนละมุน
โฮมออฟฟิศ