ถือเป็นอีกครั้งที่ กรุงเทพฯ ได้มีโอกาสต้อนรับศิลปินระดับโลก JISBAR ศิลปินชาวฝรั่งเศส ผู้ที่กำลังมาแรงในวงการ Street Art ระดับนานาชาติ ด้วยผลงานที่ทรงพลัง การใช้สีสันจัดจ้าน และ แฝงความหมายเชิงเศรษฐกิจและสังคมตามวิถีชาว Street Art ทำให้ผลงานของเขาได้ไปแสดงทั่วโลกหลายประเทศ อาทิ อิตาลี สวีเดน ฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกา และแถม ยังได้ร่วมงานกับแบรนด์หรูชั้นนำของโลกอย่าง Armani, J.M. WESTON และ BMW (ประเทศฝรั่งเศส) เป็นต้น
Lobby ชั้น 9 ของ โรงแรม So Sofitel Bangkok ขณะนี้ได้กลายเป็นสถานที่จัด นิทรรศการ JISBAR’S PLAYGROUND แสดงผลงาน Collection ล่าสุดที่ไม่เคยแสดงที่ไหนมาก่อน 20 ชิ้น ของ JISBAR ซึ่งเจ้าตัวเองบินลัดฟ้ามาจากปารีส เพื่อมาร่วมเปิดตัวงานนิทรรศการนี้ ซึ่งถือเป็นการมาแสดงงานเต็มรูปแบบครั้งแรกที่ทวีป เอเชีย ของเขา และ ในโอกาสสำคัญเช่นนี้ baalaesuan.com ก็ไม่พลาดที่จะไปพูดคุยกับ JISBAR กันแบบ Exclusive
ความน่าสนใจเริ่มตั้งแต่คำถามแรกที่เราถามเขาว่าทำไมเขาถึงใช้ชื่อ JISBAR ศิลปินวัย 29 คนนี้บอกว่า จริงๆแล้วเขาชื่อ Jean-Baptiste และเขาชื่นชอบ Serge Gainsbourg (1928-1991) ผู้ซึ่งเป็นศิลปิน นักแต่งเพลง นักแสดง พูดง่ายๆว่าเป็น Pop Icon หัวก้าวหน้า ที่มีอิทธิพลอย่างมากกับวัยรุ่นยุค 60s โดยหนึ่งวีรกรรมที่ Gainsbourg ได้ทำไว้อย่างโด่งดังคือการจุดไฟธนบัตร 500 ฟรังก์ (ซึ่งผิดกฏหมาย) ขณะกำลังสัมภาษณ์ออกอากาศสดเพื่อประท้วงการเก็บภาษีที่มากเกินไป เมื่อนำคำอ่านของชื่อเขา Jean-Baptiste กับ คำว่า Gainsbarre (ซึ่งเป็นคำที่ Gaionsbourg เอาไว้เรียกตัวละครสมมุติ ซึ่งคือตัวเขาในเวอร์ชั่นที่กล้าบ้าบิ่น) มารวม เลยได้ออกมาเป็นคำว่า JISBAR
“ซึ่งแน่นอนว่า JISBAR ก็เป็นเวอร์ชั่นที่กล้าบ้าบิ่นของ Jean-Baptiste เช่นกัน (หัวเราะ)” JISBAR หรือ Jean-Baptiste กล่าว
ย้อนกลับไปตั้งแต่วัยเด็ก JISBAR เล่าให้ฟังว่าตัวเขาเป็นคนที่เก็บตัวเงียบ และ ไม่ค่อยแสดงออกทางความรู้สึกมากนัก จนกระทั้งวันนึง ในขณะที่เขาอายุ 15 คุณแม่ของ JISBAR ได้เอาชุด Furniture เก่าๆมาให้เขา วาดรูปเล่น ซึ่งจุดนี้เองที่เขาได้ค้นพบว่า ศิลปะ คือช่องทางในการปลดปล่อยความคิดที่ดีที่สุดสำหรับเขา และ เขาตั้งใจตั้้งแต่นั้นมาว่าวันหนึ่งจะเป็นศิลปินอาชีพที่ประสบความสำเร็จให้ได้
“ผมว่าจุดที่ผมก้าวเข้าสู่ความเป็นมืออาชีพจริงๆ นั้นน่าจะอายุสักประมาณ 20 ได้ ผมลองถูก ลองผิดเยอะมาก ทั้งในเรื่องของสื่อต่างๆที่ใช้ ไม่ว่าจะเป็น ปากกา สีสเปรย์ สีน้ำมัน กระดาษ ผ้าใบ ผมลองมาหมด รวมถึงการใช้สื่อ ใช้รูปทรงต่างๆ ผมไม่ได้เรียนจบมาทางด้านนี้ ผมฝึกฝนทุกอย่างด้วยตัวเอง และศึกษาผลงานของ ยอดบรมครูศิลปินในอดีต ไม่ว่าจะเป็น Frida Kahlo, Johannes Vermeer, Jean Micheal Basquait และ อีกหลายท่าน จนทำพัฒนามาเป็นสไตล์แบบในปัจจุบันนี้”
ซึ่งแน่นอนว่าความเข็มข้น ในการศึกษาประวัติศาสตร์ศิลปะของ JISBAR นั้นต้องบอกว่าไม่ธรรมดา เพราะทุกภาพต่างแฝงไปด้วยสัญลักษณ์จากผลงานของศิลปินชื่อดังทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็น สัญลักษณ์มงกุฎ ของ Basquait นาฬิกาที่อ่อนยวบ ของ Dali และ นกพิราบสีขาวของ Banksy
“ผมพยายามสื่อแนวคิดที่ผมได้จากการศึกษางานของศิลปินดังๆในอดีต ในรูปแบบที่ผมอยากให้คนเข้าใจง่าย อย่างเช่น ภาพของ Mona Lisa ของ Leonardo da Vinci ที่ผมใส่องค์ประกอบต่างๆของ Basquait เข้าไป เพื่อแสดงให้เห็นว่างานของทั้งสองคนนั้นมีบางอย่างที่เชื่อมโยงสื่อถึงกัน ซึ่งเมื่อคนได้มาเห็นผลงานของผมแล้ว เขาอาจจะไป Google หาข้อมูลของศิลปินทั้งสองท่านต่อก็ได้ โดยเวลาทำงานผมไม่ได้ทำทีละชิ้น ผมวาดพร้อมกันหลายๆรูปเลย บางทีก็เอาผ้าใบเจ็ดแปดผืนมาวางเรียงกันกัน แล้ววาดภาพตรงนั้นนิด ภาพนี้หน่อย เพื่อให้ภาพทั้งหมดกลายเป็น Collection ที่มีความต่อเนื่องกันอย่างสมบูรณ์แบบมากที่สุด”
ก่อนจากกันเราถามเขาว่า เวลาทำงานเขาชอบฟังเพลงอะไร JISBAR ตอบแบบไม่ต้องคิดว่า “Rolling Stones”
สำหรับใครที่สนใจอยากจะชมนิทรรศการ JISBAR’S PLAYGROUND จากศิลปะระดับโลกเช่นนี้สามารถไปชมได้ที่ Lobby ชั้น 9 ของ โรงแรม So Sofitel Bangkok ตั้งแต่วันนี้ – 13 มีนาคม 2562
เรื่่อง: สิงหนาท นาคพงศ์พันธุ์
ภาพ: ศุภกร, สิงหนาท
นิทรรศการ From Monet to Kandinsky ‘Visions Alive’ in BANGKOK!
ฌอง มิเชล บาสเกีย ศิลปินอัจฉริยะที่ชีวิตเต็มไปด้วยแสงสีและความเจ็บปวด
หวง หย่ง ผิง ปรมาจารย์ แห่ง ความขบถ ย้อนแย้ง และ การพลัดถิ่น ใน บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ 2018
เป็นเพื่อนกันเราได้ใน Line@ : https://line.me/R/ti/p/%40slo7204x