ปลั๊กสามขา
แม้ว่าปัจจุบัน บ้านที่ยื่นขอมิเตอร์ใหม่จากการไฟฟ้าจะต้องมีระบบสายดินในบ้านด้วย เพื่อความปลอดภัยจากกระแสไฟฟ้าเกิน แต่ก็ยังมีบ้านจำนวนไม่น้อยที่ใช้เต้ารับแบบ 2 รู ซึ่งไม่มีระบบสายดิน
เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ขายทั่วไปตามท้องตลาดหรือร้านค้าออนไลน์ ก็มีทั้งแบบปลั๊กไฟ 3 ขา คือมีขาสายดิน และแบบ 2 ขา คือไม่มีขาสายดิน โดยมีการแบ่งเป็นประเภท เช่น ทีวี พัดลม และวิทยุ จัดอยู่ในเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทที่ 2 คือ ปลั๊กเป็นแบบ 2 ขา เพราะมีฉนวนหุ้มหนาเป็นสองเท่าของปกติและไม่มีพื้นผิวที่เป็นโลหะ ทำให้เราสัมผัสได้ (แม้ว่าตะแกรงพัดลมเป็นโลหะ แต่มีฝาพลาสติกครอบมอเตอร์อยู่ จึงไม่มีโอกาสสัมผัสกับตัวมอเตอร์ที่เป็นโลหะได้เลย ตะแกรงพัดลมจึงปลอดภัยจากไฟดูดแน่นอน)
หากปลั๊กของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เราซื้อมามี 3 ขา แสดงว่ามันสำคัญ จัดอยู่ในเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทที่ 1 ได้แก่ เครื่องซักผ้า ตู้เย็น และเครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นต้น ควรต่อสายดินด้วย เพราะมีส่วนพื้นผิวเป็นโลหะ ผู้ใช้งานมีโอกาสสัมผัสโครงโลหะเหล่านั้น จึงไม่ควรหักขาสายดินทิ้ง เผื่อมีโอกาสได้เปลี่ยนระบบไฟภายในบ้านใหม่จะได้ไม่ต้องตัดต่อสายไฟเพื่อเปลี่ยนหัวปลั๊กใหม่ แต่หากต้องการหักทิ้งจริงๆก็ทำได้ครับ เพราะยังไงก็มีรูเสียบแค่ 2 รูอยู่ดี
การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่เหมาะสม คือ ใช้ขาแปลงปลั๊กไฟไปก่อน ซึ่งต้องตรวจสอบให้แน่ใจด้วยว่าเสียบปลั๊กได้แน่นหนาดี ไม่มีปัญหาเรื่องปลั๊กหลวม และก็ควรจะต่อสายไฟจากจุดต่อสายดินของเครื่องใช้ไฟฟ้านั้นลงดิน เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน
ระบบสายดินหรือที่เรียกทับศัพท์ว่า กราวนด์ ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าได้ปลอดภัยมากขึ้น แต่ไม่ได้ช่วยให้รอดพ้นจากความประมาท อย่าคิดว่ามีระบบสายดินแล้วปลอดภัย ไม่มีทางเป็นอะไร หลายคนเทน้ำใส่กระติกน้ำร้อนโดยไม่ถอดปลั๊กไฟออกก่อน โดยเฉพาะตามออฟฟิศ น้ำเป็นสื่อนำไฟฟ้าได้ ถ้ากระติกน้ำร้อนใบนั้นมีกระแสไฟรั่ว และเราไม่ได้ใส่รองเท้ายืนอยู่บนพื้นที่เป็นปูนหรือกระเบื้อง ไฟฟ้ารั่วจะวิ่งผ่านน้ำมายังตัวเราและลงสู่พื้น ทำให้เกิดอันตรายได้ ซึ่งเรื่องของไฟฟ้าต้องคอยระวังครับ ซึ่งระบบสายดินเป็นสิ่งที่ดี แต่อาจทำให้ผู้ใช้งานประมาทเกินไป เพราะคิดว่า ยังไงก็ไม่โดนไฟดูดซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องอย่างมาก ควรคิดเสียว่าไฟฟ้าเหมือนงูเห่า อย่าให้มันกัดเราได้ครับ
เรื่องและภาพ บ้านนายช่าง
