อาจเรียกได้ว่า Gardens by the Bay เป็นสวนที่เต็มไปด้วยรายละเอียด ความยิ่งใหญ่ ความทันสมัย และรวบรวมพรรณไม้ไว้มากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลายปีที่ผ่านมาสวนแห่งนี้จึงเป็นจุดหมายห้ามพลาดหากเดินทางไปประเทศสิงคโปร์ ด้วยทำเลที่ตั้งบริเวณอ่าวมารีนา ใกล้แลนด์มาร์กสำคัญคือตึก Marina Bay Sands อาคารที่โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์เรือลอยอยู่บนตึก 3 หลัง
ใครก็ตามที่มาที่นี่ก็มักแวะมาดูตึกนี้ให้เห็นกับตาสักครั้ง จากอาคารหลังนี้สามารถเดินเชื่อมต่อไปยัง Gardens by the Bay ได้ และถึงไม่สังเกตคุณก็สามารถเห็นความโดดเด่นของสวนแห่งนี้ได้แต่ไกลจาก Supertrees ต้นไม้ยักษ์โครงเหล็กสีชมพูดสด ความสูง 25-50 เมตร เทียบเท่ากับตึก 8-16 ชั้น อันที่จริงต้องบอกว่าสามารถมองเห็นได้ตั้งแต่อยู่บนเครื่องบินเลยทีเดียว
“Gardens by the Bay” เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาที่ดินริมน้ำบริเวณรอบอ่าวมารีนา ใช้เป็นทั้งพื้นที่จัดแสดงงานและพื้นที่สาธารณะสำหรับกิจกรรมต่างๆ กินบริเวณถึง 250 เอเคอร์ (ราว 630 ไร่ ) นักท่องเที่ยวสามารถเดินจากอ่าวมาที่สวนนี้โดยใช้เวลาเพียง 5 นาทีเท่านั้น สวนแห่งนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ สวนริมอ่าวทางใต้ สวนริมอ่าวทางตะวันออก และอ่าวกลาง แต่ละส่วนยังแบ่งออกเป็นส่วนย่อยต่างๆอีก 7 โซน ได้แก่ Flower Dome, Cloud Forest, Supertree Grove, Heritage Gardens, Dragonfly & Kingfisher Lakes, Bay East Garden และ World of Plants การเดินทางสามารถนั่งรถไฟใต้ดินสาย circle line ไปลงที่ Bay Front จากนั้นเดินข้ามไปยัง Marina Bay Sands เพื่อเดินไปยังสะพานลอยที่จะเข้าสู่อาณาจักร Gardens by the Bay
ส่วนแรกที่เราหยุดแวะก็คือบริเวณริมน้ำ Dragonfly & Kingfisher Lakes จุดนี้เป็นพื้นที่สาธารณะที่ประชาชนทั่วไปเข้ามาใช้บริการได้ มีทางเดินไม้กว้างเลียบเลาะยาวตลอดริมฝั่ง จึงเต็มไปด้วยครอบครัวมานั่งพักผ่อน ผู้คนวิ่งออกกำลังกาย โดยเฉพาะเวลาเย็นที่นี่จะคึกคักเป็นพิเศษ พื้นที่ส่วนนี้ยังเต็มไปด้วยสัตว์น้ำนานาชนิด การปลูกพืชน้ำภายในทะเลสาบนอกจากจะเป็นที่อยู่อาศัยและแหล่งอาหารของสัตว์น้ำแล้ว ยังทำหน้าที่กรองและดูดซับอินทรียสารต่างๆ รวมทั้งไนโตรเจนและฟอสฟอรัสส่วนเกิน เนื่องจากทะเลสาบแห่งนี้เชื่อมต่อกับอ่าวมารีนาจึงช่วยสร้างสมดุลให้น้ำมีคุณภาพดี จุดเด่นอีกอย่างของทะเลสาบนี้คือฝูงแมลงปอมากมายซึ่งเป็นที่มาของชื่อ Dragonfly รวมทั้งนกน้ำชนิดต่างๆและนกกระเต็นซึ่งเป็นที่มาของคำว่า Kingfisher กลายเป็นชื่อสุดน่ารักของที่นี่ไปโดยปริยาย
เมื่อเดินข้ามสะพานโครงเหล็กสีชมพูผ่านทะเลสาบเข้ามาด้านในจะพบกับโซน Supertree Grove ต้นไม้โครงเหล็กขนาดยักษ์สีชมพู มีต้นไม้จำพวกสับปะรดสี เฟินชนิดต่างๆ กล้วยไม้ และไม้เลื้อยหลากชนิด รวมทั้งสิ้น 162,900 ต้น ปลูกเป็นสวนแนวตั้งบนลำต้นสูงขึ้นไป มีทางเดินลอยฟ้าเชื่อมระหว่างต้นไม้ให้ขึ้นไปชมทัศนียภาพในมุมสูง โซนนี้ถือได้ว่าเป็นโซนที่ใหญ่ที่สุดและได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะสามารถเข้ามาเที่ยวชมได้โดยไม่ต้องเสียค่าบัตร เว้นแต่ว่าจะขึ้นทางเดินลอยฟ้า (OCBC Skyway) ก็มีค่าบริการผู้ใหญ่ 8 เหรียญสิงคโปร์ เด็ก 3 เหรียญสิงคโปร์ จุดเด่นของ Supertree ไม่ได้เป็นเพียงแค่ต้นไม้ขนาดใหญ่รูปทรงแปลกเท่านั้น แต่ยังมีการออกแบบให้มีฟังก์ชันที่สามารถเก็บเกี่ยวพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ได้ นึกง่ายๆว่าเหมือนต้นไม้เหล่านี้มีระบบภายในตัวที่เลียนแบบต้นไม้ในธรรมชาติ การเก็บพลังงานแสงอาทิตย์ก็คือการสังเคราะห์แสง รวมทั้งโครงสร้างด้านบนที่รับน้ำฝนและทำหน้าที่เก็บกักน้ำได้ในตัวก็เหมือนเซลล์ของต้นไม้ที่เต็มไปด้วยน้ำ ซึ่งน้ำเหล่านี้ยังนำมาใช้กับส่วนต่างๆภายในสวน รวมทั้งยังช่วยให้ความเย็นในบริเวณสวนแห่งนี้ทั้งหมด
Heritage Gardens เป็นอีกส่วนที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คอนเซ็ปต์หลักของโซนนี้คือการนำเอาความหลากหลายของชาติพันธุ์ชาวสิงคโปร์มาถ่ายทอดออกเป็นสวนในวัฒนธรรมต่างๆทั้งหมด 4 รูปแบบ ได้แก่ Indian Garden, Chinese Garden, Malay Garden และ Colonial Garden ซึ่งมีการนำเอาจุดเด่นของสวนแต่ละอย่างมาใส่ไว้ได้เป็นอย่างดี รวมทั้งพรรณไม้ทั้งหมดก็เป็นไม้เมืองร้อนและไม้ท้องถิ่นที่สื่อถึงเอกลักษณ์ของชนชาตินั้นๆ และยังมีสถาปัตยกรรมบางส่วนที่เกี่ยวเนื่องกัน เหมือนได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจไปพร้อมๆกับการเดินชมสวน