หลายๆ ครอบครัวมักสร้างหรือต่อเติมบ้านหลังใหม่เมื่อต้องการขยายพื้นที่ใช้งาน เพื่อรองรับสมาชิกในครอบครัวที่เพิ่มขึ้น ต่างจากครอบครัวนี้ที่ต้องการลดขนาดพื้นที่ใช้งานในบ้านให้น้อยลงตามจำนวนสมาชิกที่ลดลง เพราะเมื่อคุณแม่เสียไปแล้ว ส่วนพี่สาวก็แต่งงานออกเรือนแล้ว คงเหลือแต่ คุณมิ่ง-วสุธรา นาราคามกับคุณพ่อ เธอจึงตัดสินใจบอกขายบ้านหลังเดิม แล้วมองหาบ้านใหม่ในขนาดกะทัดรัดขึ้น
DESIGNER DIRECTORY
ออกแบบ: Kukkong Thirathomrongkiat
“ไม่ชอบอยู่บ้านจัดสรรค่ะ เลยมองหาแต่บ้านเดี่ยวที่พอจะมีพื้นที่รอบบ้านในราคาไม่แพงเกินไป ซึ่งหายากมากๆ แล้วก็มาเจอบ้านไม้หลังนี้ แม้ราคาเกินงบไปหน่อยแต่รู้สึกสนใจก็เลยลองมาดูกับแฟนซึ่งเป็นสถาปนิก ตอนนั้นเป็นบ้านไม้ผุๆ ปลวกขึ้นเต็มอยู่บนพื้นที่ 50 ตารางวา แต่เราชอบโครงสร้างบ้านไม้และความร่มรื่นของมะม่วงสองต้นใหญ่ที่อยู่หน้าบ้านและหลังบ้าน เลยคิดกันว่าสามารถ รีโนเวทบ้านไม้เก่า ได้ ก็ต่อรองราคาดูเพราะเจ้าของเดิมอยากขายแล้ว” คุณมิ่งเล่าถึงเหตุผลที่ตัดสินใจซื้อบ้านไม้เก่ามาทำใหม่ โดยมี คุณเอ็กซ์-กึกก้อง ถิรธำรงเกียรติ สถาปนิกคู่ใจคอยดูแลจัดการงานรีโนเวตทั้งหมด
คุณเอ็กซ์เล่าว่า “ปกติคนทำบ้านมักเจอปัญหาเยอะทั้งงบประมาณและผู้รับเหมา แต่บ้านหลังนี้ค่อนข้างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมาก แม้งบรีโนเวทกับเวลาเราจะน้อย เพราะมิ่งขายบ้านไปแล้วต้องเช่าบ้านอยู่เลยไม่อยากเสียค่าเช่านาน แต่การไม่ได้ตั้งความหวังไว้สูงก็มีส่วนช่วยให้เราทำงานได้ง่ายขึ้นเวลาเจอเงื่อนไขต่างๆ ของบ้าน อย่างห้องนอนที่ต้องลดให้เหลือแค่สองห้อง เพราะผมตัดพื้นที่กลางบ้านออกให้เป็นคอร์ตเพื่อให้บ้านมี Open Space ที่เปิดโล่ง หรือห้องน้ำที่อยู่นอกห้องนอน เพราะไม่อยากย้ายระบบต่างๆ ให้ยุ่งยาก หลายอย่างจึงต้องให้เจ้าของปรับพฤติกรรมการใช้งานไปตามพื้นที่ ซึ่งช่วยให้งานซ่อมแซมทำได้เร็วมาก”
คุณเอ็กซ์ยังแก้ปัญหาเรื่องปลวกในบ้านไม้เดิมด้วยการดึงผนังออกจากโครงสร้างทั้งหมด ปล่อยให้โครงสร้างลอยเพื่อสามารถดูแลจัดการได้ง่ายขึ้นในอนาคต เสาบางต้นที่ผุก็เปลี่ยนเป็นเหล็ก และรื้อพื้นไม้ส่วนหนึ่งแล้วออกถมดินปรับพื้นที่ด้วยการโรยหินให้เป็นพื้นที่อเนกประสงค์กึ่งกลางแจ้ง
“ที่สำคัญคืออยากมีคอร์ตกลางบ้านมาก ผมว่าเข้ากับสภาพอากาศและการใช้งานตามสไตล์ทรอปิคัล เลยเจาะพื้นที่ตรงกลางบ้านออก ทำหลังคาใหม่เป็นแบบลอนคู่ซึ่งราคาไม่แพงและกันความร้อนได้ดี พื้นไม้ข้างล่างที่รื้อออกก็นำไปใช้ที่ชั้นบน แล้วก็ต่อเติมห้องนอนของมิ่งเพิ่มไว้ด้านหน้าโดยใช้ผนังเบารับกับโครงสร้างเหล็ก เปิดช่องหน้าต่างช่องลมให้หมุนเวียนรอบบ้าน เพราะเราชอบอยู่กับธรรมชาติโปร่งๆ ไม่ชอบอยู่ในแอร์ตลอด คอร์ตกลางบ้านก็โดนแค่แดดอ่อนๆ เฉพาะช่วงเช้าเลยทำเป็นที่นั่งเล่นกับโต๊ะยาวๆ ไว้ใช้งานได้ทั้งวัน”
ด้วยโทนสีไม้เก่าของบ้านค่อนข้างออกแดงเข้มซึ่งเป็นสีที่ทั้งคู่ไม่ชอบ จึงทาทับด้วยโทนสีดำเพื่อให้ง่ายต่อการใช้งานและดูแลรักษา ส่วนกรอบประตูหน้าต่างไม้ใหม่ที่เพิ่มเข้าไปในบริเวณห้องนั่งเล่นก็เลือกใช้โทนสีไม้อ่อน ภายในบ้านใช้ผนังสีขาวอมฟ้าอ่อนๆ ให้ดูสว่างแต่ไม่แข็งจนเกินไป จัดวางเฟอร์นิเจอร์เก่าจากบ้านเดิมซึ่งยังใช้งานได้ดีอยู่ และเพิ่มโซฟาตัวใหม่เข้าไปให้พอดีกับพื้นที่และการใช้งาน
“มิ่งทิ้งของจากบ้านเดิมไปเยอะมากๆ ค่ะ และยังทิ้งจากบ้านเช่าไปอีกชุดหนึ่ง แม้จะอยากได้บ้านเรียบๆ แบบญี่ปุ่น แต่ก็เหมือนที่เอ็กซ์บอกว่าเราต้องปรับตัวให้เข้ากับบ้านหลังใหม่นี้ เลยเน้นใช้เฟอร์นิเจอร์เก่าที่มีและเลือกเฉพาะที่จำเป็นจริงๆ เพื่อไม่ต้องหาซื้อใหม่ทั้งหมด ซึ่งก็ทำให้ได้บ้านโล่งและรู้สึกสบายใจดี เพราะเฟอร์นิเจอร์เก่าช่วยสร้างความคุ้นเคยกับบ้านใหม่ได้ง่าย หลายชิ้นก็เป็นเรื่องราวความทรงจำ อย่างเปียโนของแม่ มิ่งก็เอามาไว้ตรงใต้บันได หรือโต๊ะกินข้าวที่ดูไม่สวยนักก็เอาผ้าคลุม ถ้าไม่ทำอย่างนี้งบแค่ 6-7 แสนก็คงเอาไม่อยู่ค่ะ”
สิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นมาสำหรับบ้านหลังนี้ คุณมิ่งบอกว่า “คือการเลือกต้นไม้ค่ะ มิ่งว่าเป็นศาสตร์ใหม่สำหรับตัวเองเลย เพราะบ้านเดิมมีต้นไม้อยู่แล้วเลยไม่ได้ใส่ใจ พอมาแต่งบ้านใหม่นี่ต้องคิดเลยว่าจะหาต้นอะไรมาวางตรงไหน อย่างต้นแก้วที่เลือกมาปลูกกลางบ้านเพราะฟอร์มสวยดี แต่หลายต้นที่ลองปลูกแล้วตายไปก็มี เลยต้องเอาหินมาวางแทน (หัวเราะ) โชคดีมีต้นมะม่วงใหญ่สองต้นที่หน้าและหลังบ้านเป็นไม้หลักที่ทำให้บ้านสวยและเย็นสบายดี ทำให้เราได้ใช้พื้นที่คอร์ตกลางบ้านได้ทั้งวันตามที่ตั้งใจไว้เลยค่ะ”
เจ้าของ: คุณวสุธรา นาราคาม
สถาปนิก: คุณกึกก้อง ถิรธำรงเกียรติ
เรื่อง : ภัทรสิริ โชติพงศ์สันติ์
ภาพ: ศุภกร ศรีสกุล
เรื่องที่น่าสนใจ