บ้านหลังเล็กที่แต่งแต้มสีสันไว้ภายใน พร้อมปลูกต้นไม้อยู่ในทุกมุมของบ้าน

ในเช้าวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส อากาศสบายๆ เพราะยังมีความเย็นหลงเหลืออยู่จากพายุฝนที่เพิ่งผ่านไป ต้นหลิวสูงใหญ่พลิ้วไสวตามแรงลมเหมือนเป็นการโบกมือทักทายให้คนคุ้นเคย บ้านหลังเล็ก สองชั้นบนพื้นที่ 55 ตารางวาดูสดชื่นด้วยต้นไม้เขียวชอุ่มที่โอบล้อมไว้

ครอบครัวสุนทรโรจน์ ประกอบด้วย คุณปอย-สุภาพรรณ คุณเอก-เอกราช และน้องกีต้าร์ สุนทรโรจน์ เปิดประตูต้อนรับพวกเราด้วยความสดชื่น ไม่แพ้ต้นไม้สีเขียวที่อยู่รอบบ้าน

บ้านหลังน้อยกับหลิวต้นใหญ่หน้าบ้านที่สะบัดใบพลิ้วไสวยามต้องลม ช่วงเย็นออกมาขี่จักรยานด้วยกันทั้งครอบครัว หรือลงมือประดิษฐ์อะไรสนุกๆด้วยกัน เป็นกิจกรรมที่บ้านนี้ขาดไม่ได้

“ถึงจะมีประสบการณ์ย้ายบ้านมาแล้ว 2 ครั้ง พอมาถึงบ้านนี้ทำให้ได้เรียนรู้ที่จะกล้าทำในสิ่งที่เราชอบ อาจมีบ้างที่ทำออกมาแล้วไม่ได้ดั่งใจ แต่เราก็เรียนรู้และปรับแก้กันใหม่ เป็นเรื่องสนุกๆที่ทำให้ทุกคนในบ้านได้มีส่วนร่วมและประกอบกันขึ้นมาเป็นบ้านหลังนี้”

ชั้นล่างเปิดเป็นพื้นที่โล่งรวมมุมต่างๆไว้ด้วยกัน ทั้งมุมทำงานของคุณเอก โต๊ะกินข้าวริมกระจกใสมองเห็นต้นไม้ในสวน มุมนั่งเล่นกับโซฟาตัวใหญ่บรรยากาศสบายๆและเป็นมุมโปรดประจำบ้านอีกด้วย ชั้นล่างไม่มีการกั้นพื้นที่ เพราะต้องการให้บ้านโล่ง และเลือกใช้บานเลื่อนกระจกใส เพื่อเปิดรับแสงได้อย่างเต็มที่ จุดเด่นของบ้านนี้คือการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านที่สวยแปลกตา

มุมโปรดประจำบ้านกับโซฟาตัวใหญ่ในโทนสีอบอุ่นสบายตา นำต้นไม้สายพันธุ์ต่างๆ มาตกแต่งในบ้านหมุนเวียนกันไป ยิ่งช่วงบ่ายที่แดดร้อนแรง ยังมีเฟินที่แขวนอยู่ด้านนอกช่วยกรองแสงได้อีกด้วย

มุมนั่งเล่นหน้าบ้าน หยิบเก้าอี้เก่าสไตล์เรโทรมาใช้ เข้าคู่กับม้านั่งยาวในสวนที่พบเห็นได้จนชินตา ผนังตกแต่งด้วยแผงเหล็กดัดของเก่าที่มีลวดลายน่าสนใจกลายเป็นมุมนั่งพักหน้าบ้านที่แปลกตาชวนมอง

ห้องครัว — ครัวปูนหน้าบานสีเทาตกแต่งด้วยคิ้วไม้ให้อารมณ์เรียบหรูรับกับท็อปหินอ่อน ผนังกรุกระเบื้องสีขาวเพื่อความสะดวกในการเช็ดล้างทำความสะอาด แต่งแต้มความสดใสด้วยเหล่าเครื่องครัวหลากสีที่จัดวางให้พร้อมหยิบใช้งานได้ทันที

“ส่วนมากจะเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ โดยจะผสมผสานทั้งเฟอร์นิเจอร์ใหม่และเก่าไว้ด้วยกัน ชอบไปเดินดูตลาดมือสอง ร้านขายของเก่า หลายชิ้นก็ซื้อมาเก็บไว้ก่อน ซึ่งบางทีตอนที่ซื้อมาก็ยังนึกไม่ออกนะว่าจะเอามาทำอะไร หลายชิ้นยังรอเวลาเหมือนเป็นการรอเนื้อคู่ที่ต้องค่อยๆเก็บจนครบ พอได้ของมาแต่ละอย่างก็มาใส่ไอเดียเข้าไป ต่อเติมบางส่วนเพิ่ม หรือตัดบางส่วนที่ดูรกทิ้งไป ซึ่งเราไม่รู้หรอกนะว่าที่เราทำออกมาจะเรียกว่าสไตล์อะไร แต่มันคือสิ่งที่เราชอบ สไตล์ที่เราชอบก็พอ”

นอกจากตัวบ้านหลักแล้วยังมีการต่อเติมมุมพิเศษบริเวณหลังบ้าน คล้ายเรือนกระจกที่ใช้หลังคาใสเปิดรับแสงจากด้านบน ผนังก่ออิฐโชว์แนวให้ความรู้สึกดิบๆตัดกับโครงเหล็กสีแดงกรุกระจกใส โต๊ะตัวใหญ่กลางห้องเรียงรายไปด้วยต้นกระบองเพชรน้อยใหญ่หลากหลายสายพันธุ์ ยังไม่รวมในกระบะข้างๆอีกหลายกระถางที่กำลังเติบโต

โรงเรือนแคคตัส — ส่วนต่อเติมหลังบ้านใช้หลังคากระเบื้องลอนใส เพื่อเปิดรับแสงได้อย่างเต็มที่ จึงทำให้ห้องนี้อบอุ่นเหมาะสำหรับการปลูกกระบองเพชรและต้นไม้ในสายพันธุ์ใกล้เคียง โต๊ะตัวใหญ่กลางห้องเป็นของมือสองจากการขายทิ้งของโรงงาน นำมาทาสีและใส่ท็อปไม้เพิ่มเข้าไป กลายเป็นโต๊ะทำงานสุดเท่ที่เข้ากับห้องนี้เป็นอย่างลงตัว

ส่วนต่อเติมใช้โครงเหล็กทาสีแดงกรุกระจกใสเพื่อให้แสงสว่างส่องผ่านได้จากทุกด้าน บานกระทุ้งเปิดให้อากาศในห้องต้นไม้ถ่ายเทได้สะดวก แอบมีลูกเล่นเล็กๆของการใช้แปรงทาสีที่ไม่ใช้แล้วเป็นตัวค้ำบานเปิดได้อย่างพอดิบพอดี

“ห้องนี้ต่อเติมออกมาเพียงเพราะอยากเปลี่ยนจากพื้นหญ้าแฉะๆหลังบ้าน ที่ใช้งานไม่สะดวกให้มีพื้นที่อเนกประสงค์ไว้ทำโน่นทำนี่ได้ แต่พอเห็นแสงที่ส่องลงมาจากด้านบนก็รู้สึกว่าตรงนี้น่าจะเหมาะสำหรับการปลูกกระบองเพชร เพราะเป็นต้นไม้ที่ดูแลง่าย รดน้ำแค่อาทิตย์ละครั้ง แล้วยังเป็นการฝึกให้กีต้าร์มีหน้าที่รับผิดชอบ กลับมาจากโรงเรียนก็จะได้ดูว่าแต่ละต้นเติบโตไปแค่ไหน มีปัญหาอะไรไหม ได้รดน้ำ ได้ดูแล ได้เรียนรู้ขั้นตอนต่างๆในการปลูกต้นกระบองเพชร ตั้งแต่การผสมดิน การเพาะพันธุ์ ได้มีประสบการณ์จากการเรียนรู้ด้วยตัวเอง”

เพียงเวลาไม่นานที่เราได้พูดคุยกัน บ้านหลังนี้ดูมีเรื่องราวสนุกๆซ่อนอยู่ในทุกมุมของบ้าน ไอเดียหลากหลายและสร้างสรรค์ ทั้งจากฝีมือคุณพ่อที่ชอบคิดชอบประดิษฐ์ มีคุณแม่ที่คอยช่วยเสริมไอเดียและกำลังใจ และน้องกีต้าร์ที่เป็นลูกมืออยู่ใกล้ๆ คอยช่วยคุณพ่อหยิบจับเป็นกำลังเสริมอยู่ไม่ห่าง เสียงหัวเราะที่มีให้กันและกันของคนในครอบครัว เป็นส่วนเติมเต็มกันและกันของบ้านหลังนี้ได้อย่างอบอุ่นใจ