บ้านโมเดิร์นทรอปิคัล อยู่สบายตามธรรมชาติ ลดการใช้พลังงาน พร้อมเเนวคิด “ที่ว่างเเละระยะความสัมพันธ์” ซึ่งสะท้อนผ่านการออกแบบพื้นที่ที่ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว ขณะเดียวกันก็เปิดโล่งเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัว เติมความสุขของทุกคนให้ค่อยๆ เติบโตในบ้านหลังใหม่
DESIGNER DIRECTORY:เจ้าของ: ครอบครัวมีกุศล / สถาปนิก : GreenDwell โดยคุณรักศักดิ์ สุคนธะตามร์ / ตกแต่ง : Crafttrade Studio โดยคุณวรียส แววสว่างวงศ์ / ภูมิสถาปัตย์ : คุณมทณพรรณ สินธพประเสริฐ
เมื่อบ้านไม่ใช่เพียงวัตถุหรือโปรแกรมการออกแบบ เเต่บ้านคือส่วนเติมเต็มของชีวิต หลังจากที่ ครอบครัวมีกุศล มีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นมา บ้านทาวน์เฮ้าส์หลังเก่าจึงไม่เพียงพอสำหรับเด็ก ๆ คุณโหน่งเเละคุณอันจึงเริ่มวางแผนสร้างบ้านหลังใหม่บนที่ดินประมาณ 100 ตารางวา เพื่อเตรียมพร้อมให้ลูกสาวทั้งสองเติบโตมาในบ้านที่มีบรรยากาศอบอุ่น พร้อมเเนวคิดการออกแบบให้ บ้านโมเดิร์นทรอปิคัล หลังนี้ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานที่จะเปลี่ยนผ่านไปตามเเต่ละช่วงวัย
ความสุขที่ออกเเบบได้
บ้านหลังนี้มีตัวอาคารด้านนอกที่โดดเด่นด้วยโครงสร้างเหล็กที่ออกแบบเป็นหลังคาผืนใหญ่ และฟาซาดระแนงไม้เทียมของระเบียงชั้น 2 เพื่อปิดล้อมบ้านไว้จากมุมมองของคนภายนอก เเต่ภายในกลับอยู่สบาย ไม่ปิดทับเหมือนอย่างในทาวน์เฮ้าส์หลังเก่า เป็นโจทย์ข้อหนึ่งที่เจ้าของบ้านต้องการ ตามมาด้วยโจทย์ข้อต่าง ๆ ที่จะค่อย ๆ คลี่คลายผ่านการออกเเบบของคุณเเตน -รักศักดิ์ สุคนธะตามร์ สถาปนิกจาก GreenDwell ร์น
“อาจเป็นเพราะเคยอยู่ทาวน์เฮ้าส์ที่มีข้อจำกัดหลายอย่าง บ้านใหม่จึงอยากให้มีบรรยากาศที่โล่ง โปร่ง ได้รับแสงธรรมชาติ มีลมพัดเข้าบ้านได้ และไม่อยากเปิดแอร์ตลอดเวลา พอดีเห็นผลงานของ GreenDwell จากรายการบ้านและสวนทีวี ซึ่งมีแนวทางตรงกับที่เราชอบจึงติดต่อไปคุย มีการสัมภาษณ์เจ้าของบ้านและให้ตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับวิถีชีวิตของครอบครัว ความชอบไม่ชอบ ความคาดหวังและสิ่งที่ต้องการหลายหน้ากระดาษ ซึ่งเขานำไปวิเคราะห์ให้เป็นบ้านอย่างที่เราต้องการ และตกแต่งภายในโดย คุณอาร์ต – วรียส แววสว่างวงศ์ แห่ง Crafttrade Studio”
“เราโฟกัสความสุขของคนอยู่อาศัยเเละสำหรับบ้าน และสำหรับบ้านของครอบครัวที่กำลังเริ่มต้น เราจะให้ความสำคัญกับกิจกรรมภายในบ้านซึ่งส่งผลต่อความเป็นไปของครอบครัวอย่างมาก เนื่องจากคุณโหน่งเดินทางบ่อย โจทย์แรกที่เราคิดให้คือ ทำอย่างไรให้เวลาเขาอยู่บ้านจะได้ใช้เวลากับครอบครัวได้อย่างมีคุณภาพ ได้อยู่กับลูก และใช้พื้นที่ทำกิจกรรมร่วมกันได้มากที่สุด เมื่อมาดูหน้างานพบว่าข้างบ้านสร้างค่อนข้างชิดรั้วและอยู่สุดซอย จึงมีผลกับการวางแปลนบ้านที่ค่อนข้างถูกบีบ พร้อมทำแบบจำลองเรื่องแดดและลม แล้วลองนำพื้นที่กิจกรรมมาวางดูและปรับให้เหมาะสม เราไม่ได้ออกแบบบ้านจากฟังก์ชันหรือรูปทรง แต่ออกแบบด้วยรูปแบบการใช้งานและกิจกรรมที่ทำ และกิจกรรมนั้นจะทำให้คนในบ้านมีความสุข” คุณเเตนผู้เป็นสถาปนิกเล่า
ประหยัดพลังงานตั้งเเต่ต้นทางของการออกแบบ
“เมื่อออกแบบการเปิดมุมมองภายในบ้านให้เป็นส่วนตัวและแดดไม่ส่องเข้าตรง ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องปิดม่าน ทำให้เปิดหน้าต่างระบายอากาศได้ เมื่อบ้านมีการระบายอากาศได้ดี ไม่ร้อน ก็ลดการใช้เครื่องปรับอากาศไปเอง และสิ่งที่ตามมาก็คือ คุณภาพชีวิตที่ดี ทำให้คนอยากอยู่บ้าน”
จากโจทย์ที่อยากให้เป็นบ้านที่อยู่สบาย ดังนั้นจะทำอย่างไรให้บ้านเย็นได้เองตามธรรมชาติ สถาปนิกจึงดูเรื่องของทิศทางลม การป้องกันเเสงเเดด การวางตำเเหน่งสวน การใช้เเสงธรรมชาติ เเละการทำรูปทรงอาคารให้สร้างร่มเงาบังเเดด ผนวกเข้ากับสิ่งที่เจ้าของบ้านต้องการอย่างการทำให้บ้านช่วยประหยัดพลังงานจากต้นทางซึ่งดีกว่าการใช้เทคโนโลยี การประหยัดพลังงานจากการออกแบบจึงเป็นใจความสำคัญของบ้านหลังนี้ เเม้มุมมองจากภายนอกจะให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว จากการออกแบบฟาซาดไม้ระเเนงเพื่อปิดล้อมอาคารไว้ เเต่ไม่ถึงขั้นทึบตันเกินไป เพราะไม้ระเเนงสามารถช่วยกรองเเสงจึงเเทบไม่จำเป็นต้องปิดม่าน ทั้งยังยอมให้ลม เเสงเเดด เเละอากาศถ่ายเทได้สะดวก หน้าต่างสามารถระบายอากาศได้ดี ไม่ร้อน ช่วยลดการใช้เครื่องปรับอากาศลงไปได้เอง เเละสิ่งที่ตามมาคือคุณภาพชีวิตที่ดีอันเป็นสิ่งสำคัญของการอยู่อาศัย
ไม่ได้มองเเค่ความสวยงามเเต่ยังนึกถึงผู้อยู่เป็นสำคัญ
นอกจากเรื่องการออกพื้นที่ให้ตอบโจทย์การใช้งานเเล้ว สถาปนิกยังมองเห็นความสำคัญด้านจิตวิทยาการอยู่อาศัยของครอบครัว เพื่อให้เด็ก ๆ เติบโตสมวัย โดยยังคงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับครอบครัว ช่วงวัยเด็กพ่อแม่ลูกมักจะใกล้ชิดกัน แต่พอลูกเริ่มโตเข้าสู่วัยรุ่นเขาจะมีความเป็นตัวเอง เเละมีความเป็นส่วนตัวสูง หากปล่อยให้มีพื้นที่ส่วนตัวเฉพาะในห้องนอน เขาก็จะแยกตัวตัดขาดจากครอบครัวไปเลย ผู้ออกแบบจึงใส่ใจกับการออกแบบให้มีพื้นที่ส่วนกลางที่ลูก ๆ จะรู้สึกถึงความเป็นส่วนตัวและยังคงเชื่อมต่อกับคนในครอบครัวได้ ด้วยการออกแบบบริเวณแพนทรี่และส่วนรับประทานอาหารให้เปิดโล่งมองเห็นทุก ๆ มุมของบ้าน โดยไม่ต้องตามไปอยู่ในทุกที่ เปิดโอกาสให้ลูกได้มีชีวิตเป็นของตัวเอง และถ้าถึงวันที่ลูกรู้สึกแย่พ่อแม่จะยังพอสังเกตและรับรู้ได้ เราคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่บ้านควรมี เพราะสิ่งแวดล้อมกำหนดพฤติกรรมเราเสมอ ถ้าอยากเปลี่ยนหรือกำหนดพฤติกรรมก็ต้องสร้างสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปในทิศทางนั้น
เมื่อคุณโหน่งเเละคุณอันได้เข้ามาใช้ชีวิตในบ้านทำให้พบความสุขที่ต่างจากเดิม “บ้านตอบโจทย์ได้ดี ช่วงอากาศร้อนก็ไม่ร้อนมาก อยู่ได้โดยไม่ต้องเปิดแอร์จริง ๆ จะเปิดก็เมื่อเวลามีปาร์ตี้ หรือมีคนมาบ้านเยอะ ๆ จึงช่วยประหยัดพลังงานได้มาก เรามีกิจกรรมทำกับลูกมากขึ้น มีการจัดสัดส่วนพื้นที่ได้ดี เรามองเห็นกันเเละกันตั้งเเต่เปิดประตูห้องนอนออกมาเลย ตอนนี้ทั้งบ้านกลายเป็นที่เล่นของลูกเเละเพื่อน ๆ เเละเราจะได้เห็นลูก ๆ เติบโตไปพร้อมกับบ้านหลังนี้”
ทุกความสัมพันธ์ย่อมมีระยะที่เหมาะสม การถอยออกมาให้พ้นระยะประชิด ย่อมเพิ่มที่ว่างให้ความสัมพันธ์นั้นได้เติบโต เเละปล่อยให้ความสุขได้ไหลเข้ามาเติมเต็มในหัวใจ
เรื่อง : ศรายุทธ ศรีทิพย์อาสน์
ภาพ : ศุภกร ศรีสกุล
สไตล์ : jeedwonder