ใครๆ ต่างยกให้ ต้นไทรใบสัก เป็นต้นไม้ปราบเซียน ทั้งๆ ที่หากรู้วิธีปลูกเลี้ยง เจ้าต้นไม้ใบสวยชนิดนี้จะอยู่กับบ้านเราไปนานมาก แต่นั่นก็ต้องประกอบด้วยปัจจัยหลายอย่าง ทั้งสภาพแวดล้อม การให้น้ำให้ปุ๋ย หรือแม้แต่บริเวณที่วางกระถางซึ่งต้องเหมาะสมกับความต้องการของต้นไม้ด้วย จะปลูกไทรใบสักให้งาม ไม่ยากไม่ง่ายเสียทีเดียวลองปลูกเลี้ยงด้วยวิธีเบื้องต้นเหล่านี้ อาจจะช่วยให้ชีวิตของต้นไม้แสนรักยืนยาวขึ้น ไทรใบสัก
รู้จัก ต้นไทรใบสัก และดูแลอย่างถูกวิธี
ไทรใบสัก ชื่อวิทยาศาสตร์: Ficus lyrata Warb. อยู่ในวงศ์: Moraceae เป็นไม้พุ่ม ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำกิ่งและตอนกิ่ง ธรรมชาติหากปลูกลงดินจะสูงได้ถึง 5-12 เมตร ชอบแสงแดดปานกลางถึงรำไร โตช้า ชอบดินร่วนระบายน้ำดี ปลูกในกระถางจะโตช้ามาก
การเช็ดใบ มีหลายคนคาดหวังให้ใบมีความเงางามวิบวับ เลยใช้สารเคลือบใบเป็นตัวช่วย ซึ่งนั้นเป็นวิธีที่ผิด ควรหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีต่างๆ แม้แต่น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันมะพร้าว ให้ใช้เพียงผ้าชุบน้ำสบู่อ่อนๆ หรือนม เช็ดใบๆ ที่ใบ ทุกสัปดาห์ ก็เพียงพอแล้ว หรือจะใช้น้ำเปล่า ก็ไม่ผิดนัก
ปัญหาส่วนใหญ่ที่พบคือมีอาการขอบใบเหลือง ไปจนถึงแห้งหรือกลายเป็นสีน้ำตาล ปัญหานี้มีที่มาจากการรดน้ำมากจนเกินไป ควรรดน้ำให้น้อยลงหรือเปลี่ยนวัสดุปลูกให้ระบายน้ำและมีอากาศถ่ายเทดียิ่งขึ้น รดน้ำเพียงหนึ่งครั้งทุก 4-5 วัน เนื่องจากต้นไม้อยู่ในพื้นที่ร่ม ปริมาณแสงน้อย ต้นไม้ต้องการน้ำเพื่อใช้ในกระบวนสังเคราะห์ด้วยแสงน้อยลง และควรรดในช่วงเช้าให้ต้นไม้ได้มีเวลาสังเคราะห์แสงและไม่มีน้ำค้างอยู่ที่ใบจนเน่าได้
วิธีดูแลที่บอกว่าให้พาต้นไม้มาโดนแสงแดดบ้าง อันนี้ต้องระวัง หากแดดแรงไปใบก็เหี่ยวและไหม้ได้ แสงแดดที่เหมาะคือแสงอ่อนๆ ในช่วงเช้าหรือบริเวณที่มีร่มเงา อากาศถ่ายเทไม่ร้อนอบอ้าว
เมื่อซื้อมาส่วนใหญ่วัสดุปลูกในภาชนะที่ได้มาจะเป็นกาบมะพร้าวสับ ซึ่งมีสารอาหารน้อยและเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคในอนาคต ดังนั้นจึงควรเปลี่ยนเครื่องปลูกโดยนำเอากาบมะพร้าวออก แล้วเปลี่ยนเป็นดินปลูกอย่างดินใบก้ามปูผสมกับเม็ดดินเผา ใช้เม็ดดินเผา หินภูเขาไฟ เศษอิฐรองที่ก้นกระถางก่อนเสมอเพื่อให้ดินโปร่งมีอากาศถ่ายเท กระถางที่เหมาะกับไทรใบสักสามารถเลือกใช้ได้ทั้งทรงมาตรฐานและทรงสูง และควรเปลี่ยนกระถางเมื่อต้นเริ่มแตกกิ่งขยายใหญ่เกินทรงตัวและรากขยายอัดแน่นเต็มกระถาง
ควรตั้งหรือจัดวางให้ต้นไทรใบสักอยู่ในตำแหน่งที่ได้รับแสงแดดอยู่เสมออย่างน้อยครึ่งวัน อย่างเช่นริมหน้าต่างจะเป็นพื้นที่ที่เหมาะมาก
ทั้งนี้ห้องที่วางควรเป็นห้องนั่งเล่นหรือห้องโถงซึ่งสามารถเปิดประตูหนือหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ปิดทึบ เพื่อป้องกันปัญหาด้านเชื้อรา อีกทั้งยังมีเรื่องความสะอาดของภาชนะปลูกอีกด้วย
เรื่อง ปัญชัช /JOMM YB