สวนป่าธรรมชาติ บนพื้นที่กว่า 50 ไร่ ของไร่ท็อปฟาร์ม ที่เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ มีลำน้ำแม่กวงไหลผ่านกลางพื้นที่ รวมทั้งอ่างเก็บน้ำ
นอกจากเป็นไร่สำหรับทำการเกษตรแล้ว ที่นี่ยังเป็น สวนป่าธรรมชาติ สถานที่พักตากอากาศสำหรับเครือญาติและเพื่อนฝูงที่สนิทของเจ้าของอีกด้วย
“ต้นสนเหล่านี้ เจ้าของท่านเป็นผู้ปลูกลงดินตั้งแต่ยังเป็นต้นกล้าเล็ก ๆ เมื่อตอนที่เพิ่งซื้อที่ดินมาใหม่ ๆ ผ่านไปสิบกว่าปีก็กลายเป็นต้นใหญ่อย่างที่คุณเห็น” คุณเหรียญ ศิริจันทร์ ผู้จัดการไร่ เล่าให้ผมฟังขณะที่เรากำลังเดินทอดน่องลงจากแนวเขา ข้างทางคือแนวต้นสนสามใบขนาดใหญ่ที่ยืนต้นเรียงรายขนานกันไป ถัดไปคือลำน้ำแม่กวงที่ไหลรินมาจากป่าลึก อากาศที่ดอยสะเก็ดนี้เย็นกว่าในตัวเมืองเชียงใหม่มาก บางวันอาจลดลงเหลือเพียง 1 – 2 องศาเซลเซียส แต่วันนี้อากาศยังสบาย ๆ ไม่หนาวจนเกินไป เหมาะกับการเดินชมบรรยากาศในยามเช้าเป็นอย่างยิ่ง
ผมเดินทางมาถึงไร่ท็อปฟาร์มแห่งนี้ตั้งแต่เมื่อคืน ทันทีที่หัวถึงหมอนก็ได้ยินเสียงน้ำในลำธารไหลอยู่ไกล ๆ จึงตั้งใจตื่นแต่เช้าตรู่ เพื่อไปชมบรรยากาศรอบ ๆ เพราะ ไม่บ่อยนักที่จะรู้สึกเหมือนถูกโอบล้อมด้วยธรรมชาติถึงเพียงนี้ ภายในพื้นที่กว่า 50 ไร่ของไร่ท็อปฟาร์มถูกจัดสรรเป็นสัดส่วน มีทั้งแปลงไม้ดอกสำหรับตัดดอกขาย เช่น กล้วยไม้ดิน หน้าวัว และกุหลาบสายพันธุ์ต่าง ๆ สวนผลไม้ อย่าง พวกลิ้นจี่ ลำไย มะม่วง และส่วนไม้ประดับที่ปลูกไว้เพื่อขายต้น อย่าง หนวดปลาดุกแคระ ซึ่งคนที่นี่เรียกว่า “พรมมรกต” พรรณไม้ที่ไร่ท็อปฟาร์มปลูกไว้ขายส่งไปยังตลาดต้นไม้ทั้งในเชียงใหม่และกรุงเทพฯ ทั้งยังปลูกประดับทำหน้าที่ไม้คลุมดินให้สีเขียวเข้มตัดกับต้นไม้อื่น ๆ อย่างสวยงาม
พื้นที่บางส่วนยังคงเก็บต้นไม้เดิมเอาไว้เพื่อให้ดูเป็นป่าตามธรรมชาติ มีลำน้ำแม่กวงไหลผ่านกลางพื้นที่ รวมทั้งอ่างเก็บน้ำ นอกจากเป็นไร่สำหรับทำการเกษตรแล้ว ที่นี่ยังเป็นสถานที่พักตากอากาศสำหรับเครือญาติและเพื่อนฝูงที่สนิทของเจ้าของอีกด้วย จึงไม่แปลกที่ตลอดทางที่เดินมาจะมีบ้านพักหลังเล็ก ๆ กระจายตัวแทรกไปกับธรรมชาติโดยรอบอย่างกลมกลืนสวนนี้ดูเผิน ๆ เหมือนเป็นป่าธรรมชาติที่ปราศจากการปรุงแต่ง แต่แท้จริงแล้วมีการออกแบบจัดองค์ประกอบต่าง ๆ ในพื้นที่เป็นอย่างดี ทางเดินขนาดเล็กพาเราข้ามสะพานไม้มาพบกับสระบัวที่แทรกตัวอยู่ในสวนอันอุดมด้วยความเป็นธรรมชาติ ข้างๆ เป็นกอไผ่ขนาดใหญ่ที่ค่อย ๆ โอนเอนตามสายลมอย่างช้า ๆ พลางทิ้งใบเล็กร่วงลงสู่แผ่นน้ำที่ใสราวกระจก เกิดเป็นคลื่นวงกลมเบา ๆ ที่แผ่กระจายไปรอบสระ ระเบียงไม้ริมสระชวนให้นั่งชมความสุนทรีย์ของบรรยากาศโดยรอบ และเบื้องหน้าคือบ้านพักรับรองอีกหลังหนึ่งที่มีน้ำตกจำลองขนาดเล็กไหลลงมายังสระน้ำ เป็นภาพที่ชวนให้หยุดชมอยู่ที่นี่สักพักเมื่อเดินต่อไปบนทางเดินที่ทอดยาวไปตามความชันของเนินเขา ผ่านพืชพรรณนานาชนิดที่แข่งกันประชันความงาม
ผมเดินเรื่อยมาจนถึงสะพานแขวนข้ามลำน้ำแม่กวงสู่ไร่อีกฝั่งหนึ่ง ที่เต็มไปด้วยไม้ใหญ่และไม้ดอกสวยงามไม่แพ้กันเดินไปได้สักพัก ผมก็พบบ่อเก็บน้ำที่ทำหน้าที่กักเก็บน้ำฝนไว้ใช้ทำการเกษตรในฤดูแล้ง แดดกำลังทอแสง เกิดเป็นไอหมอกบาง ๆ ลอยอยู่ในอากาศ เป็นบรรยากาศที่สวยจับใจจริง ๆ แสงตะวันเริ่มทอประกายแรงกล้าอยู่เหนือยอดไม้และขุนเขา ปลุกให้เหล่าดอกไม้และสรรพชีวิตภายในไร่เบ่งบานและทำมาหากินอย่างเต็มที่ ใต้ร่มเงาของไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาไปทั่วมีสิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่อาศัยอยู่มากมาย ตั้งแต่กระรอกตัวอ้วนไปจนถึงผีเสื้อตัวเล็ก ๆ ไม่น่าเชื่อว่าพื้นที่สีเขียวแห่งนี้มีจุดกำเนิดมาจากต้นกล้าเล็ก ๆ ที่ปลูกลงดิน ผ่านวันเวลาและความเอาใจใส่จนเติบใหญ่แข็งแรง ไร่ท็อปฟาร์มจึงไม่ได้เป็นเพียงแค่ผืนดินทำกินในเชิงเกษตรกรรม แต่เป็นเหมือนบ้านหลังใหญ่ของสิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่ ที่ได้มาพึ่งพิงอาศัยสุดอาณาเขตของไร่เต็มไปด้วยไม้ใหญ่ขึ้น หนาทึบจนแยกไม่ออกระหว่างเขตของป่ากับสวน เหมือนเป็นรอยต่อที่ช่วยเติมเต็มพื้นที่ระหว่างคนกับป่าเข้าด้วยกันขากลับผมเดินผ่านฝายหินเล็ก ๆ ที่เชื่อมแผ่นดินของสองฝั่งลำน้ำแม่กวงเข้าด้วยกัน ในใจยังคงรู้สึกชุ่มชื่นด้วยความสุขจากความงามของไร่แห่งนี้ ที่ซึ่งไม้ใหญ่กำลังผลิใบหล่อเลี้ยงให้ทุกชีวิตมีแต่ความร่มเย็น
ร่มไม้ในขุนเขา
สถานที่ : ไร่ท็อปฟาร์ม จังหวัดเชียงใหม่
เรื่อง : “ปัญชัช ชั่งจันทร์”
ภาพ : ชัยพฤกษ์ โพธิ์แดง
ติดตาม บ้านและสวน
l l l l l l l l l l l l l
l l l l l l l l l l l l