ในสวนขนาดเล็กที่ดูเรียบง่ายและไม่ได้ดูสวยงามโดดเด่นกว่าสวนอื่นๆในครั้งแรกที่มอง แต่กลับมีนิยามความงามในแบบของตัวเอง ในฐานะของแหล่งอาหารและสร้างสุขภาพที่ดีในการดำเนินชีวิตให้เกิดสุขภาพที่ดีแบบคนในเมือง เป็นสวนขนาดเล็กหน้าบ้านแต่สามารถปลูกผักและเลี้ยงไก่ไข่ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและไอเดียที่น่าสนใจทีเดียวที่สามารถนำไปใช้ได้กับทุกคน
คุณตี๋-ศุภวุฒิ บุญมหาธนากร เจ้าของบริษัท ใจบ้าน สตูดิโอ จํากัด การพบปะในครั้งนี้นอกจากเป็นการไปเยี่ยมเยือนพี่ชายที่ผมเคารพรักแล้ว ยังตั้งใจไปชมสวนซึ่งก่อนหน้านี้เขาเคยเล่าให้ฟังว่า“พี่ตั้งใจว่าจะทําสวนเพื่อเป็นแหล่งอาหารไว้รับประทานเอง” ทําให้ผมอยากมาเห็นด้วยตาสักครั้ง ผ่านไป2ปี ต้นไม้เริ่มเติบโตตามที่คุณตี๋ได้ตั้งปณิธานเอาไว้ หากดูเผินๆเหมือนว่าเติบโตเองตามธรรมชาติ แต่แท้จริงแล้วเป็นสวนที่ปรับมาจากสวนแนวบาหลี ซึ่งเป็นสไตล์ที่คุณตี๋ชื่นชอบและจัดออกมาได้สวยงามไม่แพ้ใครผมถามถึงสาเหตุที่ทําให้เขาตัดสินใจเปลี่ยนมาจัดเป็นสวนอย่างที่เห็นก็ได้รับคําตอบว่า “เมื่อก่อนหากจะจัดสวนให้บ้านในเมือง เราต้องซื้อดิน ซื้อต้นไม้ ซื้อทุกอย่างมาลง เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติในมุมมองของมนุษย์ แต่จริงๆอาจไม่เป็นธรรมชาติในมุมมองของแมลงหรือสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติจริง ก็เลยอยากลองเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่อง Permaculture เอง
ผมคุยเรื่องแนวคิดPermacultureกับคุณตี๋อยู่พักใหญ่ จึงทราบว่าแท้จริงแล้วการจัดสวนในรูปแบบนี้ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษไปกว่าการทําเกษตรแบบยั่งยืนที่เน้นการบํารุงดินด้วยธรรมชาติโดยไม่ใช้สารเคมี รวมถึงการปลูกไม้พื้นถิ่นหลากหลายชนิดแม้สวนของคุณตี๋จะมีเนื้อที่แค่เพียง100ตารางวาแต่เขาเล่าให้ฟังว่าในหนึ่งวันสามารถรังสรรค์เมนูอาหารได้หลากหลาย เพราะต้นไม้เกือบทั้งหมดในสวนเป็นชนิดที่รับประทานได้และพบเห็นได้ทั่วไปอย่างมะละกอ มะม่วง บวบ ขิง ข่า พริกตะไคร้ ชะอม แทรกไปกับไม้สมุนไพรและผักสวนครัวพื้นบ้านที่ปลูกง่ายและไม่ต้องดูแลมากเช่น ฟักข้าว ผักเชียงดา อ่อมแซบ ลูกใต้ใบบอน หม่อน และผักปลัง โดยในครั้งแรกเริ่มจากทดลองปลูกผักสวนครัวไม่กี่อย่าง เมื่อประสบความสําเร็จ สามารถเก็บผลผลิตได้ จึงเริ่มต่อยอดทดลองปลูกต้นไม้คละกันแบบมาซาโนบุ ฟูกูโอกะ ผู้ริเริ่มเกษตรกรรมธรรมชาติ โดยปลูกต้นไม้หลายชั้นหลายระดับรวมกัน ก็ได้ผลผลิตค่อนข้างดี มีผักหลากหลายชนิดให้รับประทานมากขึ้น นอกจากนี้ยังเสริมด้วยโปรตีนจากไข่ไก่วันละ2ฟอง ซึ่งได้จาก“แจ่ม”และ“จันทร์” ไก่พันธุ์ไข่2ตัวที่เลี้ยงเอาไว้ อีกทั้งยังนํามูลไก่ไปหมักกับเศษใบไม้เพื่อใช้เป็นปุ๋ยเพิ่มแร่ธาตุให้ต้นไม้
“เรื่องหลักคือดิน จะทําอย่างไรให้ดินมีชีวิตตอนที่ไปทํางานช่วยวางผังชุมชนกับเกษตรอินทรีย์ที่แม่ทาก็ได้เรียนรู้ว่าการปลูกผักให้งาม ดินต้องดี แต่ทุกทีเราบํารุงดินโดยการซื้อปุ๋ยซื้ออะไรมาใส่ ทีนี้เราทดลองไม่ซื้อดินหรือปุ๋ยมาใส่เลยทําให้ดินเป็นธรรมชาติใบไม้ร่วงก็เก็บไปสุมๆจนกลายเป็นดิน อันไหนรกเกินก็นําไปทําเป็นปุ๋ยผสมกับมูลไก่เพิ่มแร่ธาตุในดิน”คุณตี๋เล่าพลางพลิกใต้เศษใบไม้เพื่อให้ผมเห็นความร่วนและสมบูรณ์ของเม็ดดิน ก่อนจะพาไปชมสวนและแนะนําต้นไม้ต่างๆ พร้อมเล่าสรรพคุณให้ฟังและทิ้งท้ายด้วยแง่คิดเรื่องความงามของสวนว่า
“เมื่อก่อนตอนเราเรียนเรื่องการออกแบบก็มักมองนิยามความงามตามทฤษฎีที่สอนมา แต่พอได้มาจัดสวนและดูแลสวนเองก็ได้เห็นความงามอีกแบบ เมื่อก่อนเราเน้นแต่ต้นไม้ ไม่เน้นดินแต่ต้นไม้จะงาม ดินก็ต้องงาม มันมีสิ่งมีชีวิตมีไส้เดือน มีแมลง มีผีเสื้อ มีนกกินแมลง เป็นการสร้างวงจรของระบบนิเวศที่สวยงาม”
จริงอย่างที่คุณตี๋ว่า เราอาจเคยเห็นสวนที่ตัดแต่งดูแลอย่างสวยงาม ออกดอกออกผลให้เห็นตลอด แล้วก็เพลิดเพลินกับความงามเหล่านั้นเมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่งเราก็จะเคยชินและรู้สึกปกติกับความงามแบบนั้น แต่หากความงามได้รับการถ่ายทอดไปมากกว่าสิ่งที่ตาเห็น เป็นสิ่งที่สัมผัสและเคลื่อนไหวเติบโตได้อยู่เสมอ ผมคิดว่าความมีชีวิตของธรรมชาติจะเติบโตและสร้างสรรค์ความสวยงามให้เราได้ชื่นชมอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เรื่อง : “ปัญชัช”
ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข, ศุภกร ศรีสกุล