ทาสี บ้าน ให้ติดทนนานที่เหมือนการแต่งหน้าให้สวยคงทนตลอดวัน

หากพูดถึงการแต่งหน้า เชื่อว่าผู้หญิงแทบทุกคนรู้จักและเข้าใจจุดมุ่งหมายกันดี เพราะนี่คืออีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยเสริมความมั่นใจ ช่วยสร้างสีสันมองแล้วมีชีวิตชีวา ทำให้ดูเยาว์วัย เพื่อสร้างความประทับใจและความดึงดูดให้กับผู้อื่น ทั้งยังสะท้อนรสนิยมและสไตล์ของผู้หญิงให้ออกมาใน “ลุค” ที่โดดเด่น ทั้งยังสื่อถึงคาแรกเตอร์ที่สะท้อนตัวตนออกมาได้ด้วย ทาสี

แล้วการแต่งหน้าเกี่ยวข้องกับการ ทาสี บ้านได้อย่างไร? แม้ทั้งสองศาสตร์จะฟังดูแตกต่างแต่มีความเหมือนซ่อนอยู่ เพราะสีทาบ้านกับเครื่องสำอาง ต่างก็ทำหน้าที่เช่นเดียวกัน นั่นคือ ปกปิดและปกป้องผิว ทั้งพื้นผิวผนังและผิวพรรณใบหน้า ให้มองดูสวยงามในลุคที่หลากหลาย สีทาบ้านจึงต้องมีคุณสมบัติอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพพื้นผิวของผนังแต่ละบ้านด้วย ไม่ต่างจากผิวพรรณบนใบหน้าที่แต่ละคนก็เหมาะกับ Make up ที่ต่างกัน ทั้งผิวมันหรือผิวแห้ง ผู้หญิงจึงต้องเลือกผลิตภัณฑ์ Make up ที่เหมาะกับสภาพผิว มีคุณภาพ และละเมียดในขั้นตอนแต่งหน้าให้ถูกวิธี

สำหรับผนังบ้าน เรียกได้ว่าต้องรับบทหนัก เพราะอยู่กลางแจ้งรับสภาพอากาศรุนแรงทั้งแดด ฝน ยังมีปัญหารอยแตกลายงา เป็นฝุ่นชอล์ก คราบด่างคราบเกลือ ผนังลอกล่อนอันเกิดจากความชื้น การเลือกสีทาบ้านจึงต้องมีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับปัญหาต่างๆ ตามสภาพผนัง ทั้งยังต้องมีคุณสมบัติพิเศษอื่นๆ เช่น การสะท้อนความร้อน ป้องกันรังสี UV ทำหน้าที่เป็นฉนวนความร้อนช่วยให้อุณหภูมิในบ้านลดลง สามารถกำจัดเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย และฟอกสารฟอร์มัลดีไฮด์ในอากาศ ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ทำให้สีแต่ละแบรนด์มอบคุณค่าให้กับลูกค้าได้ต่างกัน

เมื่อสีทาบ้านกับเครื่องสำอาง ทำหน้าที่เหมือนกัน แล้วขั้นตอนการทาสีนั้นเหมือนกับการแต่งหน้าอย่างไร มาดู 7 สเต็ปความเหมือนที่อธิบายขั้นตอนทั้งสองศาสตร์แบบชัดๆ

1. เมื่อความสวยเริ่มจากภายใน

ผิวพรรณที่สวยเนียน เปล่งปลั่ง อันเกิดจากสารพัดวิธีปรนนิบัติผิว ทำให้การแต่งหน้าลุคไหนก็ทำได้ง่าย Make up ติดสวยนาน เช่นเดียวกับการทาสีที่ต้องเริ่มจากผนังที่ดี วัสดุที่มีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นผนังก่อฉาบ ที่ต้องเลือกอิฐก่อ วางอิฐให้ได้ระนาบ ปูนฉาบต้องได้สัดส่วน และต้องบ่มน้ำให้ผนังอย่างสมบูรณ์ พร้อมสำหรับงานทาสี

2. ผิวสะอาดสำคัญเสมอ

ขั้นตอนแรกก่อนการแต่งหน้าคือการทำความสะอาดหน้า เพื่อล้าง กำจัดสิ่งสกปรก ฝุ่นควัน ความมัน หรือเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป เพื่อให้ผิวพรรณสดใส เช่นเดียวกับการทำงานสีที่ขั้นตอนการเตรียมพื้นผิวและทำความสะอาดคือสิ่งสำคัญที่สุด โดยผนังปูนจะต้องแห้งสนิท ไม่มีคราบฝุ่น ขี้ปูน คราบไขมัน คราบเชื้อราและตะไคร่น้ำ หรือสิ่งสกปรกอื่นใด ซึ่งงานทาสีที่มีคุณภาพก็จะต้องตรวจวัดความชื้นและค่าด่างของผนังก่อนทาสี ป้องกันไม่ให้ด่างและเกลือในปูนมาทำลายให้ฟิล์มสีซีดจางและเกิดคราบขาวหลังจากทาสีเสร็จสิ้น

3. ผิวแข็งแรง ผนังก็ต้องแข็งแรงด้วย

หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า ผนังบ้านก็ไม่แข็งแรงได้ โดยอาการที่บ่งบอกคือ ผิวผนังมีฝุ่นชอล์กอย่างผิวสกิมโค้ทฉาบบางชนิดซีเมนต์ ซึ่งจำเป็นต้องทาสีรองพื้นใสสูตรน้ำมันก่อน หรือที่เรียกกันว่าสีรองพื้นปูนเก่า คุณสมบัติของสีรองพื้นปูนเก่านี้จะแทรกซึมได้ลึกมากกว่ารองพื้นปูนใหม่ ทำให้ผนังที่เป็นฝุ่นคล้ายชอล์กมีความแข็งแรงขึ้น และช่วยเสริมการยึดเกาะให้กับสีทับหน้า เช่นเดียวกับการแต่งหน้า ผิวพรรณที่แข็งแรง สุขภาพดี ด้วยการบำรุงผิว หรือ “skin care routine” ไม่ว่าจะเป็นโทนเนอร์ เอสเซ้นส์ เซรัม หรือครีมบำรุง ที่ดีมีคุณภาพจะสามารถช่วยเติมเต็มให้ผิวดูเปล่งปลั่ง เติมความชุ่มชื้น หรือสารอาหารต่าง ๆ ให้แก่ผิว เพื่อให้ผิวดูมีสุขภาพที่ดี เปลี่ยนผิวที่อ่อนแอให้แข็งแรงขึ้นเพื่อพร้อมสำหรับการแต่งหน้า

4. ปกปิดทั้งริ้วรอยและรอยแตกลายงา

การปกปิดที่มากกว่า เป็นอีกคุณสมบัติของเครื่องสำอาง ซึ่งช่วยให้ผิวพรรณใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย ทั้งปัญหาจุดด่างดำ ริ้วรอยบนใบหน้า ใต้ตาดำคล้ำ รูขุมขนกว้าง “คอนซีลเลอร์” เพื่อการปกปิดคือการแก้ปัญหาปกปิดผิวหน้าในเนียนเรียบ ไม่ต่างกับผนังบ้านที่ไม่เรียบเนียนก็ไม่ชวนมองเช่นกัน การซ่อมแซมรอยแตกร้าว รูพรุนตามด รอยตะเข็บแบบ หรือการปรับระนาบผนัง จึงต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและใส่ใจในขั้นตอนการซ่อมอย่างประณีตก่อนทำงานสี ทั้ง ปูนฉาบ สกิมโค้ท หรือวัสดุอุดโป๊ว เพื่อให้ร่องรอยต่าง ๆ ไม่ก่อปัญหาในภายหลัง

5. ปรับผิวให้พร้อมก่อนเติมสีสัน

ผิวหน้าเรียบเนียนสม่ำเสมอ Make up ติดทนนาน ไพรเมอร์หรือรองพื้น คือหัวใจสำคัญที่ช่วยให้สีผิวดูเนียนใส ปกปิดจุดบกพร่องเล็ก ๆ ซึ่งไพรเมอร์บางตัวก็ช่วยปรับสีผิวให้ขาวขึ้น เป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ช่วยรักษาความชุ่มชื้น ผสมสารกันแดด และเป็นเบสรองพื้นก่อนแต่งแต้มเครื่องสำอาง การทาไพรเมอร์ก่อนแต่งหน้าก็ไม่ต่างจากการทาสีรองพื้นก่อนทาสีทับหน้า ซึ่งสีรองพื้นทำหน้าที่ยืดสีทับหน้าที่ติดแน่นกับผิวผนังปูนได้อย่างแนบแน่น ทั้งยังมีคุณสมบัติช่วยเติมเต็มรูพรุนที่มีเล็กมากของผนัง ทำให้ฟิล์มสีดูเรียบเนียนขึ้นมาได้ และที่สำคัญสีรองพื้นยังช่วยป้องกันคราบด่าง คราบเกลือ จากผนังปูนที่เป็นตัวการสำคัญที่ทำลายฟิล์มสีทับหน้า สาเหตุสำคัญที่ทำให้สีทาบ้านซีดจาง

6. แต่งแต้มสีสันสร้างลุคที่ใช่

การแมทช์ Make up บนใบหน้าเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่เนรมิต “ลุค” ตามสไตล์ โดยมีเฉดสีของเครื่องสำอางเป็นสื่อเล่าเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น อายแชโดว์ ลิปสติก บรัชออน ที่แต่งเติมลงไปให้เกิดการแมทช์ในเฉดเดียวกัน เกิด “ลุค” ที่โดดเด่น ไม่ว่าจะเป็น Every day Look ที่เหมาะกับทุกวัน Vintage Look ที่ดูมีเสน่ห์เร้าร้อน หรือ Colorful Look ที่เต็มไปด้วยความสดใส เครื่องสำอางจึงไม่ต่างจาก สีทาทับหน้า ซึ่งมีเฉดสีต่างๆ เป็นตัวกำหนดสไตล์และสร้างสีสันให้บ้านมีเอกลักษณ์ที่ชัด ส่งผ่านความรู้สึกในแบบต่างๆ ให้กับบ้าน อย่างสีโทนร้อนที่จะทำให้บ้านดูตื่นเต้นสดใส แต่สีโทนเย็นจะทำให้รู้สึกสงบ ผ่อนคลาย สีทับหน้าก็ยังมีคุณสมบัติอื่น ๆ ที่เกิดจากนวัตกรรมและเทคโนโลยีลิขสิทธิ์ที่คิดค้นเพื่อคุณภาพที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเสริมสร้างความทนทาน สะท้อนความร้อน ยับยั้งและกำจัดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อรา มากไปถึงนวัตกรรมสีฟอกสารพิษในอากาศอย่างสารฟอร์มัลดีไฮด์ ซึ่งต่างก็เสริมให้สีทาทับหน้ามีมากกว่าความสวยงามทั้งสิ้น

7. Touch up ให้สวยเนี้ยบไร้ที่ติ

การใช้ชีวิตระหว่างวัน อาจทำให้ Make up หลุดเพราะทำปฏิกิริยากับอากาศ การ Touch up จึงช่วยให้ใบหน้าหน้ายังดูสดใส อย่างการซับหน้ามัน เติมแป้ง เติมลิปสติก เช่นเดียวกันกับผนังบ้านที่อาจจะเกิดร่องรอยขูดขีด วาดเขียน เลอะเปื้อนแบบไม่ได้ตั้งใจก็เกิดขึ้น จึงต้องมีการเก็บงานสีหรือ Touch up ให้เรียบร้อย ซึ่งสีทาทับหน้าที่ดีต้องทำให้เก็บงานสีได้ง่ายขึ้น ทาแล้วได้เฉดที่ใกล้กับสีเดิม ความเงาไม่แตกต่าง กลับมาเก็บงานสีซ้ำ ฟื้นชีวิตให้ผนังสวยเนี้ยบไร้ที่ติ

ดังนั้น ใบหน้าและผนังบ้าน ต่างก็ทำหน้าที่สะท้อนภาพลักษณ์ ตัวตน รสนิยม ใน “ลุค” ต่างๆ เหมือนกัน หากพิถีพิถันในการเลือกชนิดของ Make up แล้ว การเลือกสีทาบ้าน ก็ควรละเมียดใส่ใจในการเลือกด้วย อย่างคุณสมบัติ คุณภาพของสีจะต้องตอบโจทย์ของผนังในทุกรูปแบบ เช่น ทนสภาวะอากาศรุนแรง ไม่ลอกล่อน หรือเป็นฝุ่นผง ทนทานอายุการใช้งานนานถึง 15-20 ปี สามารถปกปิดรอยแตกลายงาบนผนังได้ ป้องกันการเกิดสนิมของเหล็กและโลหะในสภาวะที่แตกต่างกัน ช่วยสะท้อนความร้อน ลดอุณหภูมิของบ้าน ทำให้ประหยัดไฟและบ้านเย็นขึ้น สร้างลวดลายได้หลากหลายเสมือนมอบชีวิตให้บ้านมีชีวิต ที่สำคัญคือ ไร้สารระเหยที่เป็นพิษหรือ VOC ต่ำ กำจัดยับยั้งไวรัสและแบคทีเรีย เพื่อให้บ้านเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยต่อสุขภาพอย่างแท้จริง