เรือนไม้หลังงามจากยุคล่าอาณานิคมของเมืองไทย
มีคนเคยพูดว่า “ศิลปะเป็นสิ่งสากล ซึ่งอยู่เหนือกฎเกณฑ์ของศาสนา เชื้อชาติ และกาลเวลาเสมอ” บ้านหลังนี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ช่วยยืนยันได้อย่างดี ด้วยรูปแบบการสร้างที่มีกลิ่นอารยธรรมทั้งจากตะวันตกและอิสลามผสมผสานกัน แสดงถึงลักษณะงานศิลปะในรัชสมัยรัชกาลที่ 4-6 อันเป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของสถาปัตยกรรมในประเทศไทย
เจ้าของ: คุณชัยรัตน์ – คุณนาตยา สมันตรัฐ
บ้านไม้โบราณ หลังนี้เปี่ยมด้วยเรื่องราวความผูกพันอันยาวนานเกือบร้อยปี ซึ่งบอกเล่าโดยลูกหลานผู้สืบเชื้อสายมาจากหลวงโกชาอิศหาก ต้นสกุลของเจ้าของบ้านหลังนี้
“เดิมพระยาสมันตรัฐบุรินทร์ซึ่งเป็นคุณพ่อรับราชการประจำอยู่ที่จังหวัดสตูล แต่มาซื้อที่และปลูกบ้านหลายหลังเพื่อให้ลูกหลานอยู่รวมกันได้เรียนหนังสือและใช้เป็นที่รับรองแขกในกรุงเทพฯ เลยได้วิ่งเล่นในบ้านหลังนี้มาตั้งแต่ยังเล็ก”
ด้วยเชื้อสายที่เป็นชาวมุสลิมจากทางภาคใต้ ประกอบกับบ้านหลังนี้สร้างขึ้นในยุคล่าอาณานิคมของเมืองไทย จึงไม่น่าแปลกใจที่จะมีการใช้ลักษณะของศิลปะผสมผสานกันอย่างหลากหลาย โดยเฉพาะการใช้ไม้เป็นวัสดุหลักในการสร้างและตกแต่ง โดยการฉลุเป็นลวดลายแบบแขกมัวร์ (Mauresque Art) และแบบลายขนมปังขิง อันเป็นเอกลักษณ์งานไม้แห่งอิสลาม โดยเน้นลวดลายพรรณพฤกษาในกรอบทรงเรขาคณิตเป็นหลัก ติดตามบริเวณต่างๆรอบบ้าน ทั้งขอบกันสาดของส่วนที่ยื่นออกมาเหนือประตู หน้าต่าง แผ่นไม้ที่ติดระหว่างช่วงเสา ขอบชายคาโดยรอบบ้าน สันหลังคา หน้าจั่ว มุขหน้า ขอบลูกกรงระเบียง และส่วนกันแดดตอนบนของระเบียง ส่วนที่ติดเพดาน เป็นต้น นอกจากนี้ยังเน้นเรื่องการถ่ายเทอากาศภายในบ้าน ด้วยการออกแบบโครงสร้างมีประตูหน้าต่างมากมาย และเจาะช่องลม ทั้งบริเวณใต้หลังคา ส่วนที่เป็นกรอบอยู่เหนือหน้างต่างประตู และตอนบนของผนังที่อยู่ใต้ฝ้าเพดานลงมา เพื่อให้ลมผ่านและช่วยระบายความร้อนใต้ฝ้าออกไป
“การฉลุไม้ลวดลายแบบแขกมัวร์ (Mauresque Art) เป็นเอกลักษณ์งานไม้แห่งอิสลามที่ได้รับความนิยมมากในสมัยรัชกาลที่ 5-6 เพราะมีความกลมกลืนกับสภาพอากาศของไทยเรามากกว่าการตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้นบนตึกหนาทึบแบบจีนผสมตะวันตกอย่างสมัยรัชกาลที่ 4
“รูปแบบของตัวบ้านจะแสดงถึงวิธีคิดและเจตนาของผู้สร้าง ซึ่งไม่ใช่เพียงความสวยงามที่ปรากฏ แต่ยังสะท้อนถึงความยอดเยี่ยมของคนไทยที่รู้จักเลือกรับและปรับใช้ให้เข้ากับบ้านเมืองของเราได้เป็นอย่างดี”
การวางตัวบ้านจะค่อนไปทางด้านหลังของที่ดินและหันด้านจั่วหรือด้านหน้าอาคารออกสู่ริมคลอง มีลานกว้างเป็นที่นั่งเล่น ซึ่งแต่เดิมใช้เป็นท่าน้ำให้ขึ้น-ลงเรือ แม้จะออกแบบผังพื้นอย่าง่ายๆตรงไปตรงมา แต่ก็สามารถเอื้อความสะดวกในการใช้เนื้อที่ได้เป็นอย่างดี คุณลุงคุณป้าเจ้าของบ้านปัจจุบันบอกกับเราว่า ตั้งใจจะรักษาโครงสร้างและบรรยากาศของบ้านให้เหมือนเมื่อแรกสร้างให้มากที่สุด เพราะของทุกชิ้นในบ้านหลังนี้เป็นเสมือนความทรงจำครั้งเก่าที่ไม่เคยเลือนหายไปจากครอบครัว และยังได้ช่วยสืบต่องานสถาปัตยกรรมของไทยให้คงอยู่ต่อไป
เรื่อง : Moonless Night
ภาพ: เมธา,วิรุฬห์