ต้นไม้ต่างถิ่นหรือต้นไม้นําเข้าจากต่างประเทศที่เห็นตามท้องตลาด บางประเภทก็ปลูกได้ดีในประเทศที่อากาศร้อนแบบบ้านเรา ผ่านไป2-3เดือนก็ยังออกดอกออกผลได้ ดูแข็งแรง ส่วนมากจะเป็นต้นไม้แดดที่มาจากประเทศในทวีปออสเตรเลีย อเมริกาใต้ และแอฟริกา บางชนิดถูกนำเข้ามานานจนหลายคนคิดว่าเป็นต้นไม้พื้นถิ่นของบ้านเราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างเช่น จามจุรี มะละกอ หางนกยูงฝรั่ง ชมพูพันธุ์ทิพย์ เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบันก็มีต้นไม้นำเข้าชนิดใหม่ที่กำลังนิยมใช้จัดสวนกันอยู่ในขณะนี้ บางชนิดปลูกได้ดีในประเทศไทยอยู่แล้ว บางชนิดอยู่ได้แค่บางสถานที่่ บางชนิดถูกปรับปรุงสายพันธุ์ให้ปลูกได้ดีในประเทศมากขึ้น จะมีอะไรบ้างนั้นมาดูกัน
1.ซิลเวอร์บอตทอน หรือ กระดุมไม้ใบเงิน
ชื่อวิทยาศาสตร์: Conocarpus erectus var. sericeus E.Forst. ex DC. ต้นไม้นำเข้า
วงศ์: Combretaceae
ต้นไม้นำเข้ายืนต้นขนาดเล็ก สูง 5-15 เมตร มีถิ่นกำเนิดในอเมริกา บราซิล และเม็กซิโก ต้นโตช้าเหมาะ ปลูกเป็นไม้เด่นในสวนใบมีสีเขียว เหลือบเงินเมื่อโดนแสงแดดจะทําให้ มีสีเหลือบตามแสงที่ตกกระทบชอบอากาศเย็นแสงแดดครึ่งวันถึงตลอดวัน แต่ก็เจริญเติบโตได้ดีในอากาศปกติ ทนแล้ง ทนดินเค็ม สามารถปลูกริมทะเลได้
2.มะกอกโอลีฟ
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Olea europaea L.
วงศ์ : Oleaceae
ต้นไม้นำเข้า จากยุโรปแถบเมดิเตอร์เรเนียน ไม้ต้นอายุหลายปีสูง3-15เมตร ลําต้นกลม เปลือกต้นขรุขระสีน้ําตาลอมเทา ใบเดี่ยวออกตรงข้าม รูปรี โคนและปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ สีเขียวอมเทา ด้านล่างใบมีนวลสีขาว ดอกสีขาวออกเป็นช่อบริเวณซอกใบ ผลรูปไข่ออกเป็นพวง ผลอ่อนมีสีเขียว เมื่อสุกเปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้มเกือบดํา มีรสชาติฝาดเฝื่อน นิยมนําไปสกัดน้ํามันและกินผลเป็นอาหาร
3.สนเกรวิลเลีย
ต้นไม้พื้นถิ่นจากทวีปออสเตรเลีย ไม้พุ่มสูงถึงไม้ต้นขนาดเล็ก ใบเหลือบสีเงิน ดอกสีชมพูอ่อนเหมาะสําหรับปลูกเพิ่มสีสว่าง โดยเฉพาะเมื่อปลูกใกล้กับต้นสน ฟอร์มที่ไปกันได้และใบสีเหลือบเงินก็เด่นออกมาจากทิวสนเขียวๆได้ดี
4.ซิลเวอร์โอ๊ก
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Grevillea robusta A. Cunn. exR. Br.
วงศ์ : Proteaceae
ถือเป็นไม้ต้นโตเร็วที่ปลูกเลี้ยงง่าย ชอบดินระบายน้ําดี เป็นกรดเล็กน้อยถึงปานกลาง ทนแล้ง แต่ค่อนข้างอ่อนแอต่อโรครากเน่า จึงไม่ควรปลูกในบริเวณที่มีน้ําขังแฉะ นอกจากมีใบสวยเป็นจุดเด่นแล้ว ยังมีทรงพุ่มค่อนข้างโปร่ง ทําให้แสงแดดส่องทั่วถึงโคนต้น จึงสามารถปลูกไม้ประดับชนิดอื่นที่ไม่ต้องการแสงแดดมากร่วมได้ ถือเป็นไม้จัดสวนที่น่าสนใจไม่น้อย
5.บานไม่รู้โรยญี่ปุ่นแคระ
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Gomphrena decumbens “Airy Bachelor Buttons”
วงศ์ : Amaranthaceae
ต้นไม้นําเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น จัดเป็นไม้ล้มลุกหรือไม้พุ่มขนาดเล็กอายุหลายปี มีกิ่งใบและก้านดอก ชูดอกระโยงกระยาง สีชมพูม่วงขนาดเล็กสวยงาม ดอกออกเป็นช่อกระจุกออกดอกมากช่วงหน้าหนาวจนถึงหน้าร้อน และจะหมดดอกช่วงหน้าฝนซึ่งช่วงนี้เองที่ต้นจะเจริญเติบโตเต็มที่และสูงขึ้นมาเป็นไม้พุ่มสูง 40-50 เซนติเมตรเลยทีเดียวกระทั่งถึงฤดูถัดไปก็จะออกดอกตามปกติอีกครั้งเหมาะสําหรับปลูกเป็นกลุ่มในสวน โดยเฉพาะสวนสไตล์สวนอังกฤษจะเข้ากันมากเพราะให้ความรู้สึกอ่อนนุ่ม
6.บลูแซลเวีย
ชื่อวิทยาศาสตร์: Salvia sp.
วงศ์: Lamiaceae
มีถิ่นกำเนิดในเท็กซัส แม็กซิโก และอเมริกาไม้ดอกวงศ์โหระพา ชอบแสงแดดเต็มวันถึงครึ่งวัน ชอบอากาศเย็น มีสีน้ําเงินถึงม่วง ช่อดอกตั้งตรง ดูแปลกตาจากไม้ดอกชนิดอื่น จึงนิยมปลูกกลุ่มใหญ่หรือแทรกกับไม้ดอกชนิดอื่นๆในแปลง หรือแปลงขนาดใหญ่กลางแจ้ง เพิ่มสีสันให้สวนได้ดี หรือปลูกเป็นไม้กระถาง จัดในสวนอังกฤษ
7.อกาแพนทัส
ชื่อวิทยาศาสตร์: Agapanthus spp.
วงศ์: Amaryllidaceae
อกาแพนทัสมีถิ่นกําเนิดในแอฟริกาใต้ที่ปลูกกันในบ้านเราเป็นลูกผสมหลากหลายพันธุ์ ออกดอกเป็นช่อแบบซี่ร่ม มีทั้งสีขาว ม่วง และฟ้า เป็นไม้ดอกที่คุณแอนเดรียกําลังชื่นชอบและขยายพันธุ์ไว้จํานวนมาก พรรณไม้ชนิดนี้จะออกดอกได้ดีปีละสองครั้ง ให้สังเกตว่าช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงจากหน้าร้อนเข้าสู่หน้าฝนช่วงหนึ่ง อีกช่วงคือหลังจากหน้าฝนเข้าหน้าหนาวช่วงที่กระทบอากาศเย็นเป็นไม้ดอกที่มีรูปทรงสวยงาม ทั้งยังตัดปักแจกันได้ทนนาน
8.ไฮเดรนเยีย
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Hydrangea macrophylla (Thunb.) Ser.
วงศ์ : Hydrangeaceae
พืชพื้นเมืองในแถบเอเชียตะวันออก อเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้ ปลูกเลี้ยงในเมืองไทยมานานจนสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศร้อนได้ เพียงแต่ดอกอาจไม่ใหญ่และดกเหมือนกับปลูกในที่อากาศหนาว หากปลูกเป็นไม้กระถางต้นจะสูง 50-70 เซนติเมตรหรือปลูกลงดินต้นสูงถึง 1.50 เมตร ถ้าปลูกลงแปลงดินควรปลูกแบบสลับฟันปลาระยะปลูกระหว่างต้น และระหว่างแถว คือ 50×50 เซนติเมตร สิ่งสําคัญในการปลูกคือความชุ่มชื้นของดินต้องสม่ําเสมอ ถ้าดินปลูกเดิมมีแกลบเป็นส่วนผสมอยู่มากก็ควรเปลี่ยนเครื่องปลูกใหม่ให้มีส่วนผสมของใบก้ามปูหรือขุยมะพร้าวสับลงไปบ้าง ปลูกหรือวางในที่ได้รับแสงแดดครึ่งวันเช้า รดน้ําทั้งเช้า-เย็น หากขาดน้ําใบจะเหลืองขอบใบแห้งและร่วงจนเหลือแต่ใบที่ยอด
ติดตามข่าวสารจากบ้านและสวนได้ที่ www.facebook.com/baanlaesuanmag