เพราะทุกความงามต่างมีเบื้องหลังและที่มาที่ไป เช่นเดียวกับสวนสวยหลายแห่งซึ่งเป็นผลงานของ Bensley Design Studios ที่เราเคยได้ชม ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมระดับโลกอย่าง Four Seasons Tented Camp , Four Seasons Koh Samui , Kempinski Udaipur , The Siam หรือ Indigo Pearl นอกเหนือจากการออกแบบอย่างพิถีพิถันของคุณบิล เบนสเลย์ และคุณหนึ่ง–จิระชัย เร่งทองกับทีมงานแล้ว พระเอกที่ช่วยให้สวนของ Bensley Design Studios ยังคงเอกลักษณ์และความงามแบบนี้ได้ก็คือไม้ใบสีสันฉูดฉาดสไตล์สวนป่าเขตร้อนชื้น ซึ่งส่วนใหญ่นํามาจากเนิร์สเซอรี่ไม้ใบ “สวนโบทานิก้า” ของคุณหนึ่งที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่
เนิร์สเซอรี่แห่งนี้คือสถานที่เก็บรวบรวมพรรณไม้หลายร้อยสายพันธุ์สําหรับใช้ในการจัดสวนของ Bensley Design Studios ซึ่งบางส่วนก็นําไปจําหน่ายให้ผู้รักต้นไม้และบุคคลทั่วไปที่ตลาดคําเที่ยงในตัวเมืองเชียงใหม่อีกด้วยตลอดระยะเวลาหลายสิบปีนับจากที่คุณหนึ่งได้เริ่มสร้างที่นี่ด้วยจุดประสงค์เพื่อสะสมพรรณไม้ใบและไม้เขตร้อนชื้นจากทั่วทุกมุมโลก โดยเฉพาะตระกูลสับปะรดสี หมากผู้หมากเมีย ฟิโลเดนดรอน อโกลนีมา หน้าวัว คล้า และอากาเว่ โดยทําโรงเรือนในลักษณะเปิดโล่ง คลุมหลังคาด้วยซาแรนหรือตาข่ายพรางแสงสีดําเพื่อให้พรรณไม้เบื้องล่างได้รับแสงรําไร โดยมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดทั้งวัน
“ พอเราซื้อต้นไม้ทั้งหมดมาก็ต้องนํามาทดลองปลูกว่าเหมาะสมที่จะปลูกเลี้ยงที่นี่ได้ไหม จากนั้นจึงนําไปขยายพันธุ์ต่อ โดยเน้นพรรณไม้ที่มีถิ่นกําเนิดในแถบเส้นศูนย์สูตรเป็นหลัก ต้องศึกษาการใช้งานและนิสัยอย่างละเอียด บางพันธุ์ปลูกเลี้ยงที่นี่จะให้สีของใบที่สดกว่าในกรุงเทพฯ บางพันธุ์ปลูกลงดินแล้วสีไม่สวย บางพันธุ์สามารถอยู่ในบริเวณแดดจัดได้ บางพันธุ์อาจต้องอยู่แต่ในบริเวณแสงรําไร อย่างหมากผู้หมากเมียจะชอบดินมากกว่ามะพร้าวสับ ถ้าใช้เครื่องปลูกที่มีดินเยอะมันจะไม่ค่อยทิ้งใบ แต่ถ้าใช้มะพร้าวสับมากมักจะทิ้งใบ ส่วนการขยายพันธุ์ควรใช้วิธีตอนจะดีกว่า เพราะใบจะไม่ค่อยร่วง ถ้าใช้วิธีชําใบแล้วใบจะร่วงมาก ควรปลูกเลี้ยงในกระถางมากกว่าปลูกลงดินเพราะจะให้รูปทรงที่สวยงามกว่า ต่างจากไม้ตระกูลฟิโลเดนดรอนที่ควรใช้เครื่องปลูกอย่างมะพร้าวสับเป็นหลักไม่นิยมใช้ดินเอาจริงๆแล้วพรรณไม้ตระกูลเดียวกันจะมีนิสัยคล้ายกัน ลักษณะการปลูกก็ใกล้เคียงกันอยู่ ” คุณหนึ่งอธิบาย
นอกจากการนํามาเพาะขยายพันธุ์เพื่อนําไปใช้งานและจําหน่ายแล้ว คุณหนึ่งยังผสมระหว่างสายพันธุ์ต่างๆให้เกิดสายพันธุ์ใหม่ที่มีความเฉพาะตัวไม่เหมือนใครอีกด้วย เช่น หมากผู้หมากเมียที่มีสีชมพูอ่อนและสีแดงต่างเฉดกับสายพันธุ์อื่น หรืออโกลนีมาที่มีใบลายด่างแตกต่างกัน ซึ่งก็จําเป็นต้องดูแลให้ได้รับแสงและสารอาหารเพียงพอมากกว่าต้นไม้ทั่วไป หรือเพาะลงดินเพื่อให้ต้นไม้เจริญเติบโตและสามารถขยายพันธุ์ได้ต่อไป
“ บางครั้งเราก็ได้ต้นไม้พันธุ์ใหม่ๆโดยที่เราไม่ต้องผสมเอง เพราะการที่เราปลูกต้นไม้ไว้หลายต้นทําให้มีโอกาสที่แมลงในธรรมชาติจะช่วยผสมเกสรจนเกิดเป็นพันธุ์ใหม่ได้ โดยการดูแลต้นไม้ทุกต้นส่วนใหญ่จะใช้เพียงปุ๋ยออสโมโค้ทใส่ที่โคนต้นทุก3เดือน กับปุ๋ยสูตร 16–16–16 เดือนละครั้งเท่านั้นแต่ถ้าเป็นพวกสับปะรดสี เฟิน และฟิโลเดนดรอน ควรใช้ปุ๋ยออสโมโค้ทเพียงอย่างเดียวก็พอ เพราะถ้าไปใส่ปุ๋ยสูตร 16–16–16 จะแรงเกินไป ปุ๋ยสูตรนี้จะใช้กับไม้กระถางที่เราต้องการเร่งให้โตเร็ว กับเฟินก็ใช้ได้ แต่เราต้องละลายน้ําเพื่อให้เจือจางแล้วค่อยฉีดพ่น ส่วนศัตรูพืชก็มีอยู่บ้างแต่น้อย เช่น เพลี้ยสนิม เพลี้ยแดง และเชื้อราในฤดูฝน ก็อาศัยการฉีดยาผสมสารจับใบตามอาการต้นไม้อย่างฟิโลเดนดรอนหรือหน้าวัวสามารถเลี้ยงในบ้านได้ แต่ควรให้น้ําอย่างเหมาะสม อย่าให้น้ําขัง ควรระบายน้ําได้ดี วางให้อยู่ในที่ซึ่งอากาศถ่ายเทสะดวก อย่าให้ชื้นเกินไปจะเกิดเชื้อรา พรรณไม้ทุกชนิดถ้ามีลมพัดผ่านสะดวกก็สามารถอยู่ได้ ” คุณหนึ่งกล่าวปิดท้าย
หากใครต้องการมาเที่ยวชมหรือเลือกซื้อพรรณไม้เขตร้อนชื้น โดยเฉพาะไม้ใบประดับคุณภาพที่มีความสวยงามไม่เหมือนใคร สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สวนโบทานิก้า จังหวัดเชียงใหม่ เบอร์โทรศัพท์ 083-833-3011 (คุณหนึ่ง) หรือที่ตลาดคําเที่ยง ล็อกที่B77–78โทรศัพท์ 09-8750-3040(ติดต่อคุณช้าง)
เรื่อง:ปัญชัช
ภาพ:สิทธิศักดิ์ น้ําคํา