ว่ากันว่าธรรมชาติช่วยเยียวยาเราได้เสมอ ตั้งแต่ให้อากาศบริสุทธิ์ในการหายใจ สร้างความสดชื่นทุกครั้งที่ได้มองเห็น และในบางครั้งก็ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีภายในครอบครัวอีกด้วย เหมือนเช่นสวนสไตล์ผสมผสานกันในบ้านจัดสรรสองหลังนี้
เจ้าของ: นายแพทย์เชาวณิชย์ โพธาธนายง และแพทย์หญิงพิณประภัสร์ พาปาน
ออกแบบ : บริษัทสวนลีลา จำกัด โทรศัพท์ 08-7051-8000
คุณหมอเชาว์- นายแพทย์เชาวณิชย์ โพธาธนายง และคุณหมอแนน-แพทย์หญิงพิณประภัสร์ พาปาน สองสามีภรรยาตัดสินใจเลือกบ้านแปลงริมสุดสองหลังที่หันหลังชนกัน ซึ่งตำแหน่งของบ้านถูกจัดวางไว้อย่างเป็นสัดส่วน โดยไม่สร้างกำแพงกั้นระหว่างบ้าน เพื่อให้ทั้งสองหลังหันหน้าเข้าหากันโดยมีสวนเป็นตัวเชื่อม
“ผมเชื่อว่าบ้านจะสวยได้ก็ต้องมีสวนที่สวยด้วย ถึงจะเป็นบ้านที่สมบูรณ์ เราจึงมองหานักจัดสวนเก่งๆว่ามีใครบ้าง ก็ได้ข้อมูลจากหนังสือและคลิปวิดีโอของบ้านและสวน จนได้ติดต่อกับ คุณศักดิ์และคุณเอ๋ – ลีลาวดี เรืองพร้อม แห่ง สวนลีลา ก็ดีใจที่ได้ทั้งสองมาจัดสวนให้ ผมและครอบครัวมีบ้านเกิดที่จังหวัดราชบุรี บวกกับเป็นคนชอบต้นไม้อยู่แล้ว ก็เลยอยากให้สวนของเรามีบรรยากาศชุ่มฉ่ำอยู่ตลอดเวลา ขณะเดียวกันก็อยากให้มีกลิ่นอายของสวนยุโรปปะปนอยู่ด้วย” คุณหมอเชาว์เล่า
เริ่มจากบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน ซึ่งมีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุดในบ้าน คุณศักดิ์ตั้งใจออกแบบให้กลายเป็นมุมเด่น โดยด้านหนึ่งจัดเป็นสวนน้ำพุที่ลดทอนแบบมาจากประติมากรรมในสวนสไตล์อิตาลี สำหรับให้เจ้าของบ้านมานั่งเล่นชมสวนเพลินๆตา พร้อมฟังเสียงน้ำตกกระทบบ่อเป็นจังหวะตลอดทั้งวัน ด้านข้างมีซุ้มศาลาสีขาวขนาดใหญ่สำหรับนั่งเล่นกลางแจ้งได้หลายคน นอกจากนี้ยังมีบริเวณที่กั้นรั้วเป็นสัดส่วนอยู่ไม่ไกลจัดเป็นที่อยู่ของสัตว์เลี้ยงอย่างหนูตะเภาและไก่แจ้อีกด้วย ทุกคนในบ้านจึงสามารถออกมาทำกิจกรรมกลางแจ้งที่ชื่นชอบร่วมกันได้อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
“ผมออกแบบซุ้มศาลาหลังนี้โดยไร้หลังคา เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้รู้สึกถึงการอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ ซึ่งไม่นานก็จะแผ่กิ่งก้าน ผมไม่ปลูกไม้เลื้อยเพราะจะดูรกเกินไป แต่ก็เลือกปลูกฟิโลเดนดรอนให้เกาะกำแพงเป็นฉากหลังแบบสวนแนวตั้ง กรอบซุ้มที่ประดับเป็นฉากหลังเป็นรูปวงกลม อาจไม่ได้ดูแปลกตานักสำหรับสวนแบบยุโรปและเอเชีย แต่เราก็ทำให้เกิดงานออกแบบที่แปลกใหม่ได้ เมื่อนำไปใช้ร่วมกับฉากหลังที่เป็นอิฐทาสีขาว ซึ่งในอนาคตเจ้าของสามารถติดหลังคาหรือกั้นกระจกและติดเครื่องปรับอากาศเพื่อให้กลายเป็นอีกห้องหนึ่งได้” คุณศักดิ์เล่า
พื้นที่หลังบ้านทั้งสองหลังเป็นห้องรับประทานอาหาร ออกแบบเป็นคอร์ตยาร์ดที่ปูพื้นกระเบื้องหินซึ่งมีน้ำพุอยู่ตรงกลาง คอร์ตยาร์ดแห่งนี้มีข้อจำกัดทั้งขนาดพื้นที่ แสงแดด และแรงปะทะของน้ำฝน จึงเลือกปลูกลีกวนยูให้ห้อยลงจากกระถางด้านบน ทำให้สวนมุมนี้ดูสบายตาและช่วยลดทอนความแข็งของอาคารและงานฮาร์ดสเคป ประกอบกับบริเวณรั้วบ้านที่ปลูกเหลืองชัชวาลให้เกาะผนังเพื่อป้องกันแสงสะท้อนจากหลังคาพอลิคาร์บอเนตของพื้นที่ด้านข้าง ก็ทำให้มุมดังกล่าวสามารถนั่งชมได้จากภายในบ้านและได้ความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น มุมนี้เมื่อมองลงมาจากหน้าต่างห้องนอนก็จะเห็นเป็นมุมคอร์ตยาร์ดที่มีน้ำพุล้อมรอบด้วยต้นไม้ กลายเป็นมุมมองที่สวยมาก แม้ว่าสวนนี้จะเน้นไม้ใบสีเขียว แต่รอบบ้านก็มีดอกไม้หลากหลายสีสันที่ปลูกแซมและทยอยออกดอกเรื่อยๆ ให้ดูได้ไม่เบื่อ
“ทุกวันนี้จะรีบทำงานให้เสร็จและรีบกลับบ้าน มองเห็นสวนทีไรก็ชื่นใจทุกครั้ง เราเห็นความเปลี่ยนแปลงของสวนที่ดูสวยขึ้นทุกวัน เรามีห้องกินข้าวที่เปิดไปเจอสวนคอร์ตยาร์ดตรงกลาง ทำให้บรรยากาศของการกินข้าว พักผ่อน และชมสวนมันเต็มอิ่มมากๆ ทั้งที่เมื่อก่อนบริเวณนี้ร้อนมาก แต่พอจัดสวนเสร็จ มีทั้งต้นเสม็ดแดงและลีกวนยู ก็ทำให้เรามีความสุขกับการอยู่บ้านมากยิ่งขึ้น” คุณหมอเชาว์เล่าด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข
สิ่งสำคัญในการออกแบบสวนนี้คือการนำหลายๆสิ่งมาผสมผสานให้กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างลงตัว ทั้งแสงและเงา ภายในและภายนอก ต้นไม้และอาคาร ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์และช่วยแก้ไขปัญหาระหว่างกันได้ รวมไปถึงช่วยสานความสัมพันธ์ให้ทั้งสองบ้านกลายเป็นบ้านหลังเดียวกันด้วย
เรื่อง : ปัญชัช
ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข
นิตยสารบ้านและสวน เดือนมิถุนายน 2563