เสน่ห์ของดอกไม้หอมไม่เคยห่างหายไปจากใจหรือสวนไหนๆ ไม่ว่าจะกี่ยุค กี่สมัย ซึ่งไม้ดอกหอมแต่ละชนิดก็จะมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวแตกต่างกันไป บ้างหอมมาก หอมน้อย หอมอ่อนๆ ถูกใจแต่ละคนต่างกัน ซึ่งในประเทศไทยพบต้นไม้ดอกหอมในธรรมชาติหลากหลายชนิด บางชนิดเป็นที่นิยมนำมาตกแต่งสวนหรือใช้พรรณาความงามในงานวรรณกรรมไว้มากมาย ไม้ดอกหอมหายาก
แต่ยังมีต้นไม้หอมหลายชนิดที่พึ่งถูกค้นพบหรือไม่ค่อยเป็นที่รู้จักแพร่หลายนัก แม้จะมีกลิ่นหอมและความงามไม่แพ้ไม้หอมที่เป็นที่นิยมแต่อย่างใด ซึ่งเราได้รวบรวมไม้ดอกหอมหายากมาให้ทุกท่านได้รู้จัก ดังนี้ ไม้ดอกหอมหายาก
มังตาน
ชื่อวิทยาศาสตร์ Schima wallichii (DC.) Korth.
วงศ์ THEACEAE
ต้นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูง 15-20 เมตร ไม่ผลัดใบ ออกดอกในช่วงเดือนธันวาคมถึงเมษายน แต่ละช่อดอกทยอยบานเต็มต้นอยู่ราว 2 สัปดาห์ บานได้ 2 วันถึงจะร่วง ส่งกลิ่นหอมอ่อนตลอดวัน ควรปลูกไว้กลางแจ้งห่างจากต้นอื่นอย่างน้อย 5 เมตร บริเวณที่มีอากาศเย็นจะออกดอกดกกว่าบริเวณพื้นที่ที่อากาศร้อนจัด
อรัญญิการ์
ชื่อวิทยาศาสตร์ Faradaya splendida F.Mu..ll.
วงศ์ LAMIACEAE
ไม้เลื้อยทอดยาวได้ไกล ทยอยออกดอกตลอดปี มองเห็นช่อดอกสีขาวตัดกับสีเขียวเข้มของใบได้ชัดเจน ดอกจะทยอยบานทั้งช่อ บานเพียงวันเดียวก็โรย ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆในช่วงเย็น เหมาะกับปลูกตามซุ้มทางเดินบริเวณที่แสงแดดจ้าเพื่อกันความร้อน หากตัดแต่งทรงพุ่มอยู่เสมอจะดูเป็นระเบียบและออกดอกได้สวยงาม
จันทน์กะพ้อ
ชื่อวิทยาศาสตร์ Vatica diospyroides Symington
วงศ์ DIPTEROCARPACEAE
ต้นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก สูง 6-12 เมตร เป็นไม้เนื้อแข็งโตช้า ออกดอกในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม บนเกือบพร้อมกันทั้งช่อ ดอกจะบานและโรยภายใน 2 สัปดาห์ ส่งกลิ่นหอมแรงมากแม้กลีบจะร่วงอยู่โคนต้นก็ยังหอมฟุ้งไปไกล เป็นพรรณไม้ที่ชอบที่ลุ่มที่ชื้นแฉะ ทนต่อน้ำท่วมได้ดี ไม่ชอบความแห้งแล้ง
มณฑา
ชื่อวิทยาศาสตร์ Talauma candollii Bumel.
วงศ์ MAGNOLIACEAE
ต้นไม้พุ่มขนาดเล็ก แต่สามารถเจริญเติบโตเป็นต้นไม้ยืนต้นได้สูงถึง 6 เมตร ออกดอกในช่วงเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม หากได้รับความชื้นเพียงพอจะทยอยออกดอกตลอดเวลา ดอกบานได้ 2 วันแล้วโรย มีกลิ่นหอมอ่อนๆตลอดทั้งวัน แต่จะหอมแรงในช่วงเช้าและใกล้ค่ำ เหมาะกับปลูกในกระถางขนาดใหญ่ หากปลูกลงแปลงควรอยู่ในที่แสงรำไรและความชื้นสูง ถ้าได้แดดจัดไปใบจะไหม้และตายนึ่ง
นางแดง
ชื่อวิทยาศาสตร์ Mitrephora maingayi Hook.f. & Thomson
วงศ์ ANNONACEAE
ไม้ยืนต้นขนาดกลาง แตกกิ่งจำนวนมาก ออกดอกช่งเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม ดอกบานพร้อมกันหรือทยอยบานทั้งกระจุก ดอกบานวันเดียวแล้วโรย ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆช่วงเย็น ควรปลูกบริเวณกลางแจ้ง ควรปลูกให้ห่างจากต้นอื่นประมาณ 5 เมตร ให้ร่มเงาได้ดี ชอบที่แห้งแล้งมากกว่าชุ่มชื่น
ปาหนันเมืองกาญจน์
ชื่อวิทยาศาสตร์ Goniothalamus aurantiacus
วงศ์ ANNONACEAE
หนึ่งในพรรณไม้ที่พึ่งค้นพบใหม่ จัดเป็นต้นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ทรงพุ่มกลมโปร่ง ออกดอกช่วงเดือนมีนาคมถึงมิถุนายน ดอกจะทยอยบานอยู่ได้ 2 วันแล้วจึงโรย ส่งกลิ่นหอมอ่อนในช่วงพลบค่ำทั้งคืน ชอบบริเวณที่มีร่มเงาและความชื้นสูง ไม่ทนแล้ง ดินระบายน้ำดีและมีอินทรียวัตถุสูง
ปาหนันช้าง
ชื่อวิทยาศาสตร์ Goniothalamas giganteus Hook.f. & Thomson
วงศ์ ANNONACEAE
ต้นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ออกดอกตามกิ่งขนาดดอกใหญ่และยาวมาก ดอกบานช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายน ตั้งแต่เริ่มแย้มและบานเต็มที่จนกระทั้งโรยและร่วงใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ จึงเห็นดอกบานเต็มต้นได้นาน ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆในช่วงเย็น ชอบดินร่วมระบายน้ำดี แต่ต้องรดน้ำทุกวัน ควรปลูกห่างจากต้นอื่นอย่างน้อย 3 เมตร หากแล้งเกินไปจะไม่ออกดอก
กลาย
ชื่อวิทยาศาสตร์ Mitrephora keithii Ridl.
วงศ์ ANNONACEAE
ไม้พุ่มขนาดเล็ก กลีบดอกหนา 6 กลีบ ออกดอกตลอดทั้งปี แต่จะเยอะในช่วงฤดูฝน ดอกบานเพียงวันเดียวก็จะโรย ส่งกลิ่นหอมในช่วงเช้า เมื่อสายแดดแรงกลิ่นจะหอมอ่อนลง บางก็ไม่หอมเลย ควรปลูกในบริเวณที่ร่มรำไร เมื่อเจริญเติบโตเต็มที่จะสามารถปรับตัวกลางแจ้งได้ ชอบดินชุ่มชื่น ระบายน้ำดี
มหาพรหมราชินี
ชื่อวิทยาศาสตร์ Mitrephora sirikitiae Weerasooriya
วงศ์ ANNONACEAE
ต้นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก พึ่งถูกค้นพบใหม่ กลีบดอกชั้นนอกสีขาว กลีบดอกชั้นในสีม่วงแเดง ออกดอกเดือนเมษษยนถึงพฤษภาคม ดอกบานได้ 2 วันถึงโรย ส่งกลิ่นหอมอ่อนตลอดทั้งวัน แต่จะหอมแรงในช่วงใหกล้ค่ำ ควรปลูกบริเวณเนินกลางแจ้ง ควรหมั่นตัดแต่งให้ทรงพุ่มกลม ออกดอกดกทั้งต้น หากปลูกร่มเกินไปหรือชิดกับต้นอื่นจะไม่ออกดอก ยิ่งแห่งแล้งจะทิ้งใบก่อนออกดอกทั้งต้น โตเร็ว