จากความต้องการสร้างบ้านที่มีความยูนีค สะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น นำมาสู่ แบบบ้านโมเดิร์น ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก ภูเขา แม้น้ำ และต้นไม้ องค์ประกอบทางธรรมชาติที่มาผสมผสานราวกับงานประติมากรรม
เจ้าของ : คุณเทพลักษณ์ หิรัญชูสกุล, คุณจิรารัตน์ ดิลกรังสรรค์
ออกแบบสถาปัตยกรรม : HAA STUDIO
ออกแบบ-ตกแต่งภายใน : MONO TONE และ TREND DÉCOR STUDIO
ออกแบบภูมิสถาปัตยกรรม : HAA STUDIO และ ณรงศักดิ์ เขียวรัตนา
ออกแบบโครงสร้าง : DREAMCATCHER ENGINEERING
“เจ้าของบ้านอยากให้รูปลักษณ์ภายนอกดูว้าว ดูสะดุดตา โดดเด่นจากบ้านหลังอื่น ๆ ในหมู่บ้าน”
คำบอกเล่าของสถาปนิกจาก HAA STUDIO ผู้รับหน้าที่สานฝันของเจ้าของบ้านอย่าง คุณเค-เทพลักษณ์ หิรัญชูสกุล และ คุณหน่อย-จิรารัตน์ ดิลกรังสรรค์ ให้เป็นจริง โดยเจ้าของบ้านมีเพียงโจทย์ดังกล่าวที่ฟังดูเหมือนไม่มากไม่มาย แต่นำมาซึ่งความท้าทายให้กับทีมออกแบบไม่น้อยเลยทีเดียว ผู้ออกแบบจึงเริ่มต้นจากวิเคราะห์พื้นที่ก่อน โดยตัวไซต์เป็นที่ดินในหมู่บ้านซึ่งตั้งอยู่บริเวณโค้งถนนทำให้มีด้านที่ติดกับเพื่อนบ้านเพียงด้านเดียว และอีกด้านติดกับทะเลสาบซึ่งสามารถใช้เป็นวิวส่วนตัวได้อย่างเต็มตา แต่ก็มาพร้อมข้อจำกัดที่ว่าด้านนั้นเป็นฝั่งทิศใต้ซึ่งจะได้รับความร้อนตั้งแต่ช่วงเที่ยงถึงเย็น
“ความโชคดีอีกอย่างคือในที่ดินเดิมมีต้นไม้ใหญ่สองต้น ต้นหนึ่งอยู่หน้าบ้านและอีกต้นอยู่ริมทะเลสาบ เรามองแล้วว่าในอนาคตมีประโยชน์แน่ ๆ เลยเลือกที่จะเก็บไว้”
ช
หลังจากทำการวิเคราะห์ของที่มีอยู่เรียบร้อย จึงค่อย ๆ นำบริบทมาร้อยเรียงเป็นเรื่องราวโดยสร้างความพิเศษให้กับพื้นที่ผ่านการเนรมิตเนินภูเขาหินแล้วนำตัวอาคารสีขาวไปวางไว้ด้านบน จำลองความเป็นธรรมชาติมาไว้ในเมือง โดยมีทั้งน้ำ ต้นไม้ และภูเขาหิน
ภูเขาหินที่เกิดขึ้นนี้อุปมาให้เป็นส่วนของอาคารชั้นหนึ่ง จึงมีการออกแบบให้ตัวอาคารเอียงไปมาและมีการยุบยื่นของตัวแมสอาคารให้ดูไม่เป็นระเบียบนักเพื่อล้อไปความความเป็นธรรมชาติของภูเขา โดยเลือกใช้ผนังกรวดล้างสีเข้มเพื่อเป็นตัวแทนของความดิบกระด้าง ดูคอนทราสต์กับกล่องสีขาวเรียบง่ายที่วางซ้อนทับไว้ด้านบนซึ่งเป็นส่วนของที่พักอาศัย เน้นความเรียบนิ่ง ทว่าโชว์เทคนิกการก่อสร้างให้เส้นสายดู “คม เฉียบ เนี้ยบ ว้าว”
ด้วยความที่เป็นบ้านสำหรับสมาชิกสามเจเนอเรชั่น พื้นที่ภายในจึงออกแบบเพื่อตอบรับคนแต่ละช่วงวัย โดยชั้นหนึ่งโซนหน้าบ้านแบ่งเป็นห้องเด็กเล่นสำหรับลูก ๆ วัยสามและห้าขวบได้ปลดปล่อยจินตนาการได้อย่างเต็มที่ โซนกลางบ้านเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่สมาชิกทั้งครอบครัวมาใช้เวลาร่วมกัน โดยเชื่อมไปกับเทอเรซและพื้นที่สวนได้กลายเป็นพื้นที่อินดอร์ เซมิเอ๊าต์ดอร์ และเอ๊าต์ดอร์ผืนใหญ่รองรับช่วงเวลาที่มีญาติมาบ้านหรือมีงานสังสรรค์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ส่วนโซนด้านหลังเป็นห้องนอนของคุณแม่ที่ฝันอยากมีสวนเป็นพื้นที่ส่วนตัวจึงออกแบบตัวอาคารให้มีการเฉียงเพื่อสร้างขอบเขตความเป็นส่วนตัวให้คุณแม่โดยเฉพาะ
แม้ว่าเปลือกอาคารของทั้งสองชั้นจะมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงจากคอนเซ็ปต์ข้างต้น หากแต่ภายในคุมมู้ดแอนด์โทนด้วยผนังฉาบเรียบทาสีขาว เสริมด้วยพื้น ผนัง และเฟอร์นิเจอร์สีน้ำตาลสุดละมุน ให้ความรู้สึกอบอุ่นเสมือนคนสมัยก่อนที่จุดไฟในถ้ำ เลือกใช้พื้นไม้เอนจิเนียร์ที่มีผิวสัมผัสที่นุ่มกว่า ลดการบาดเจ็บเวลาล้มกระแทกในส่วนของห้องเล่นเด็กและห้องคุณแม่
ไม่แปลกใจเลยที่รถคันแล้วคันเล่าที่ขับผ่านไปมาจะชะลอความเร็วหรือแม้กระทั่งจอดดูแบบชัด ๆ เพราะผลลัพธ์ที่ได้นั้นคือบ้านโมเดิร์นที่ดูเรียบง่าย แต่กลับสะดุดตา เนี้ยบกริบด้วยเทคนิกการก่อสร้างที่พิถีพิถัน ความคอนทราสต์ที่ลงตัวและเต็มไปด้วยความโดดเด่น สะดุดตาจากบริบทโดยรอบ
DETAILS
ภายใต้เส้นสายเฉียบคมและความเนี้ยบกริบนี้ ซ่อนไว้ด้วยดีเทลการออกแบบงานโครงสร้าง โดยส่วนของหลังคาใช้การเข้าแบบสานเหล็กเพื่อหล่อคอนกรีตให้เป็นงานโครงสร้างไปในตัว แล้วมุงด้วยเมทัลชีทพียู (PU) ความหนา 2 นิ้ว เสริมด้วยฉนวนใยแก้ว 2 นิ้วอีกหนึ่งชั้นบริเวณเหนือฝ้า ทำหน้าที่เป็นฉนวนกันความร้อน กันเสียงดังเวลาฝนตก ทั้งยังป้องกันปัญหาหลังคารั่วได้ดีกว่า ที่สำคัญคือได้เส้นสายอาคารที่คมเฉียบดูเป็นเส้นขนานเดียวกันไปกับขอบฟ้า ราวกับเป็นงานประติมากรรมชิ้นหนึ่ง
ส่วนของเนินดินที่ปั้นให้ชนไปกับตัวอาคาร นอกจากสร้างความโดดเด่นให้ตัวสถาปัตยกรรมแล้ว ในแง่ของการใช้งานยังทำหน้าที่บังสายตาจากผู้คนข้างนอก โดยการล้อมสเปซข้างบ้านเกิดเป็น hidden backyard สร้างความเป็นส่วนตัว ในเชิงโครงสร้างผนังอาคารฝั่งนี้จึงเปลี่ยนจากผนังก่อเป็นผนังหล่อคอนกรีตหนาผสมน้ำยากันซึม ให้สามารถรองรับน้ำหนักของดิน พร้อมกับกันความชื้นที่จะเขาสู่ตัวบ้านได้ด้วย
เรื่อง: foryeah!
ภาพ: วีระพล สิงห์น้อย