ในยุคที่ใครๆก็โหยหาความ คลาสสิก เริ่มมีคนหันกลับมามองงานตกแต่งแบบเดิมๆที่ยังคงความงามในแบบฉบับยิ่งเก่าก็ยิ่งสวย อย่างพื้นลายตารางหมากรุก พื้นลายก้างปลา ผนังก่ออิฐ หรืองานโลหะที่ปล่อยให้ขึ้นสนิม ซึ่งกลายเป็นวัสดุน่าใช้มากที่สุดในยุคนี้ “ดีไซน์ไอเดีย” ฉบับนี้ ขอนำเสนอไอเดียการเลือกใช้วัสดุต่างๆให้เหมาะกับลุคคลาสสิกทั้ง 4 แบบ เพื่อเป็นอีกทางเลือกให้คุณได้ตัดสินใจก่อนลงมือตกแต่งบ้าน…หากพร้อมแล้วมาเริ่มกันเลยค่ะ
1. Classical Checkerboard
ลายตารางหมากรุก (Checkerboard Floor) เป็นลายสุดคลาสสิกที่เกิดจากการเรียงแผ่นสี่เหลี่ยมจัตุรัสสีดำและขาวสลับกันไป นิยมใช้ในพระราชวังรวมถึงบ้านเจ้านายชั้นสูงในรัชสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่14 หรือยุคเรอเนสซองซ์ หลังยุคนั้นเป็นต้นมาก็เริ่มนำมาใช้กับการตกแต่งบ้านทั่วไป โดยใช้ร่วมกับโทนสีธรรมชาติของเทอราคอตตา ก็ดูเป็นความงามที่จับต้องได้มากกว่าแบบที่ใช้ในพระราชวังซึ่งให้ความรู้สึกหรูหราเกินไป
ความสวยคลาสสิกตลอดกาลของลายตารางหมากรุกทำให้หลายคนตกหลุมรัก ลายนี้เหมาะจะนำไปใช้กับแทบทุกห้องในบ้าน ไม่ว่าเป็นห้องรับแขก ห้องครัว หรือห้องน้ำ เพื่อเน้นให้มุมนั้นดูชิกแต่แฝงด้วยความหรูหราจากวัสดุหินอ่อนขาวและดำที่นิยมใช้กันตั้งแต่อดีต ปัจจุบันยังมีวัสดุสมัยใหม่อีกหลายประเภทที่น่าสนใจ เช่น กระเบื้องเซรามิก กระเบื้องโมเสก หรือแผ่นกระเบื้องไวนิล (Vinyl Tile) โดยที่ยังคงความสวยงามและให้อารมณ์คลาสสิกไม่แพ้กัน ลองเลือกให้เหมาะกับการใช้งานและงบประมาณที่มี
Tips
– ควรคำนึงถึงขนาดของแพตเทิร์นลายและพื้นที่ซึ่งต้องพอเหมาะลงตัว หากเป็นพื้นที่ขนาดเล็ก เช่นห้องน้ำหรือโถงทางเข้า อาจใช้แพตเทิร์นลายขนาดเล็กลงด้วย เช่น 15 x 15 เซนติเมตร หรือ 20 x 20 เซนติเมตร
– ลายตารางหมากรุกใช้ได้กับการตกแต่งหลากสไตล์ ทั้งคลาสสิก วินเทจ โมเดิร์น และมิกซ์แอนด์แมตช์ แนะนำให้ใช้ลายนี้แค่ในส่วนที่ต้องการเน้นความสำคัญก็พอ เพื่อให้มุมนั้นกลายเป็นจุดเด่นของบ้านไปเลย
2. Herringbone Lover
ลายก้างปลา (Herringbone Pattern) เคยเป็นลวดลายยอดฮิตที่ใช้กันตามบ้านต่างๆเมื่อประมาณ 20-30 ปีก่อน และตอนนี้ก็กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง ด้วยความสวยคลาสสิกของการเรียงไม้จนเกิดเป็นลวดลายอันประณีต โดยเรียงต่อกันสลับทิศทางคล้ายรูปก้างปลา ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายแบบ เช่น ลายก้างปลาแบบเดี่ยว (Single Herringbone) ลายก้างปลาแบบเส้นคู่ (Double Herringbone) ลายก้างปลาแบบทแยงมุม (Square or Diagonal Herringbone) (มีภาพประกอบ) เหมาะกับผู้ชอบความคลาสสิกไม่เหมือนใคร
วัสดุที่นิยมนำมาใช้ทำลวดลายนี้ก็คือไม้ปาร์เกต์ เป็นไม้เนื้อแข็งชิ้นเล็กที่นำมาเรียงต่อกัน ปัจจุบันอาจปรับเปลี่ยนเป็นวัสดุอื่น เช่น พื้นไม้เอนจิเนียร์ (Engineered Wood Floor) พื้นไม้ลามิเนต (Laminated Wood Floor) อิฐมอญ (Brick) หรือแผ่นกระเบื้องรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ซึ่งดูแลรักษาได้ง่ายกว่า
3. Antique Brick
การก่อผนังอิฐโชว์แนวเป็นชั้นสับหว่างกันอย่างเป็นระเบียบ ชวนให้นึกถึงบ้านกระท่อมในนิทาน และนำมาใช้ตกแต่งผนังภายในบ้านได้หลายสไตล์ เช่น คอตเทจ ลอฟต์ หรือบ้านพักตากอากาศริมทะเล ส่วนใหญ่นิยมใช้อิฐมอญ มีทั้งแบบโบราณปั้นมือและแบบโบราณอัดเครื่อง รวมถึงอิฐมอญ 2-4 รู ซึ่งมีขนาดและรูปแบบให้เลือกมากมาย นอกจากนี้ชนิดของอิฐและเทคนิคการก่อก็ให้อารมณ์แตกต่างกันไป หรือจะลองเลือกใช้กระเบื้องเซรามิกที่ก่อเป็นลายผนังได้ ก็ดูสวยงามไม่แพ้กัน
4. Rustic Industrial
“สนิม” เป็นความสวยงามแบบรัสติก (Rustic) ซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ยิ่งปล่อยทิ้งไว้นานก็ยิ่งมีเสน่ห์ เป็นการตกแต่งบ้านในแนวอินดัสเทรียลลุคที่ได้รับความนิยม โดยเลือกใช้วัสดุอย่างโลหะหรือเหล็กเป็นหลัก จึงดูน่าสนใจกว่าแค่การทาสีเรียบธรรมดา การสร้างลุคแบบนี้นอกจากปล่อยให้แผ่นเหล็กขึ้นสนิมเองแล้ว ยังมีอีกหลายตัวช่วยที่ทำให้เกิดลวดลายของสนิมอย่างเป็นธรรมชาติ เช่น การเพ้นต์ให้คล้ายภาพงานศิลปะ การใช้สีทาหรือสีสเปรย์ แผ่นลามิเนต รวมถึงโลหะผสมประเภท Weathering Steel
เรื่อง : “รนภา นิตย์”
ภาพ : คลังภาพบ้านและสวน นิตยสาร room สำนักพิมพ์บ้านและสวน และภาพประชาสัมพันธ์
ภาพประกอบ : อาภาศรี มีมานะ