บ้านสีขาวริมทะเล หากพื้นที่สีเขียวเล็กๆ ในบ้านทำให้คุณรู้สึกสดชื่นขึ้นมาได้ พื้นที่ธรรมชาติกว้างๆ อย่างชายหาดและผืนทะเลก็จะยิ่งทำให้คุณรู้สึกถึงการเยียวยาทั้งร่างกายและจิตใจได้มากขึ้นไปอีก นั่นคงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงควรหาเวลาออกมาสัมผัสธรรมชาติกันบ้าง และคงจะดีไม่น้อยหากได้มี บ้านสีขาวริมทะเล เพื่อสามารถดื่มด่ำหรือซึมซับพลังจากธรรมชาติได้ตลอดเวลา
เจ้าของ : คุณณัฐนนท์ – คุณวรรณิกา ศรีศรานนท์
ออกแบบ : Studio NSD โดยคุณณัฐพล แสงทองฉาย
ภูมิทัศน์ : Murraya Garden โดยคุณฐาปนิต โชติกเสถียร
รอยยิ้มกับแววตาเปี่ยมประกายของ คุณเมย์-ณัฐนนท์ ศรีศรานนท์ มือกลองแห่งวงลาบานูนและ คุณฝ้าย-วรรณิกา ศรีศรานนท์ ผู้เป็นภรรยา บอกถึงพลังความรู้สึกแบบนั้นออกมาได้อย่างชัดเจนและทันทีเมื่อพวกเขามาถึง บ้านสีขาวริมทะเล ขนาด 160 ตารางเมตรที่ชะอำหลังนี้
“เราชอบมาพักผ่อนที่ทะเลกันและก็ฝันอยากมีบ้านริมทะเลมาตลอด โชคดีที่เพื่อนรุ่นพี่เขาทำโครงการบ้านเล็กๆ ขึ้นตรงริมชายหาดชะอำซึ่งไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก และชวนให้เรามาเป็นเพื่อนบ้านด้วย ครั้งแรกที่มาดูยังเป็นที่เปล่าๆ หญ้ารกๆ แต่แค่เห็นทะเลก็ชอบแล้วนะ เราคิดกันต่อเลยว่าอยากทำบ้านที่มีสเปซโล่งๆ ให้มาทิ้งตัวพักผ่อนได้อย่างมีความสุขและสบายใจที่สุด”
คุณเมย์และคุณฝ้ายจึงนำความคิดนี้ไปบอกเล่าให้ คุณนัท-ณัฐพล แสงทองฉาย สถาปนิกจาก Studio NSD ผู้เป็นน้องชายของเพื่อนสนิทเพื่อให้ช่วยปรับผังบ้านจากโครงการไปเป็นสไตล์มินิมัลที่โล่งสบายตาผสมผสานกับความอบอุ่นของไม้ในกลิ่นอายสแกนดิเนเวีย
จากที่ดินซึ่งเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าทอดยาวจากถนนลงไปถึงริมทะเล มองเห็นตัวบ้านภายนอกที่ดูคล้ายทาวน์เฮ้าส์สีขาวขนาด 2 ชั้นทรงเหลี่ยม คุณนัทได้วางแผนการออกแบบไว้ว่า “เดิมทีผังบ้านนี้เหมือนถูกแยกให้เป็นสองอาคาร ด้านหน้าและด้านหลังเชื่อมด้วยทางเดินแคบๆ ตรงกลาง เพราะออกแบบให้มีพื้นที่คอร์ตเปิดขนาบอยู่ซ้ายขวา ผมเลยเปลี่ยนเอาคอร์ตด้านขวาออกและเก็บเฉพาะคอร์ตด้านซ้ายไว้ เพื่อเพิ่มสเปซใช้งานในบ้านให้เชื่อมต่อถึงกันได้มากขึ้น แล้วปรับคอร์ตด้านขวาให้กลายเป็นช่องสกายไลต์เล็กๆ เพื่อคงแสงธรรมชาติให้ส่องเข้ามาในบ้านไว้อย่างมีมิติ”
นอกจากเปิดสเปซให้กว้างขึ้นแล้ว คุณนัทยังเลือกใช้สีขาวและสีครีมเป็นโทนสีหลักในการตกแต่งเพื่อสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายสบายตา เสริมด้วยสีของไม้ที่มาช่วยลดทอนความสว่างให้ดูอบอุ่นนุ่มนวลขึ้น “ในความขาวผมเติมสีเทาอมเบจไว้ด้วยนิดหน่อยเพื่อให้สีมีวาไรตี้ที่ไม่ราบเรียบเกินไป ส่วนโทนสีไม้ก็เลือกใช้สีเข้มแบบวอลนัทจากตัวเฟอร์นิเจอร์หลักอย่างโต๊ะรับประทานอาหารกลางบ้าน รับกับผนังกรุไม้อัดโอ๊กสีวอลนัทที่ให้ลวดลายสวยกว่าไม้อัดแบบทั่วไป”
จากทางเข้าหน้าบ้านที่เป็นเหมือนสเปซเล็กๆ สำหรับปรับอารมณ์จึงเข้าสู่การเปิดพื้นที่ภายในแบบโอเพ่นแปลน ซึ่งมองเห็นทุกมุมเชื่อมต่อถึงกันได้หมด นั่นทำให้สามารถชื่นชมกับวิวโปร่งๆ จากท้องฟ้าและทะเลได้จากทุกมุม โดยมีฟังก์ชันแรกเป็นส่วนของครัวแพนทรี่เข้ามุมในโทนสีไม้อุ่นๆ และเคาน์เตอร์สไตล์ไอส์แลนด์สำหรับจัดเตรียมอาหาร ต่อเนื่องด้วยโต๊ะรับประทานอาหารขนาดยาว และโซนนั่งเล่นนอนเล่นด้านในสุดที่กั้นด้วยประตูกระจกบานสูงจากพื้นจรดเพดาน ซึ่งสามารถเปิดออกให้กลายเป็นพื้นที่กว้างๆ เชื่อมต่อถึงระเบียงและสระว่ายน้ำด้านนอกได้อย่างสบาย
เพราะเป็นบ้านพักตากอากาศที่ไม่ได้ใช้ชีวิตประจำทุกวัน คุณนัทจึงเพิ่มความสนุกของการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ในบ้านไว้ด้วย “ผมพยายามเลือกให้มีดีไซน์หรือรูปทรงที่พิเศษแตกต่างออกไป อย่างโซฟา แทนที่จะเลือกแบบตัวแอล (L) ก็สั่งทำใหม่เป็นโซฟาเบจทรงโค้งๆ มนๆ จับคู่กับโต๊ะกลางทรงฟรีฟอร์ม อาร์มแชร์สีน้ำตาล หยอดด้วยสตูลสีน้ำเงิน ทุกตัววางลอยๆ ให้เป็นสเปซที่โอบล้อมกันอยู่เพื่อใช้งานร่วมกันได้ และยังมีเดย์เบด์อีกตัวไว้สำหรับนอนดูทะเล พร้อมสเปซว่างๆ ให้ลูกเดินเล่นได้”
ดีไซน์ที่เสริมประสบการณ์ของบ้านพักผ่อนให้สนุกขึ้นยังมีต่อเนื่องไปถึงชั้นบนในส่วนของห้องนอน โดยมีทั้งห้องนอนที่แยกเฉพาะสำหรับผู้ใหญ่ ห้องนอนที่ตกแต่งด้วยเตียงไม้สองชั้นสำหรับกลุ่มเด็ก และห้องอเนกประสงค์ที่ออกแบบมาเป็นห้องสไตล์ญี่ปุ่นปูพื้นด้วยเสื่อทาตามิและกรุผนังเป็นแนวเส้นไม้สีอ่อนตามสไตล์ห้องพักแบบเรียวกัง
คุณเมย์เล่าถึงที่มาของห้องนี้ไว้ว่า “เป็นห้องที่สร้างขึ้นใหม่โดยใช้พื้นที่เหนือโรงจอดรถข้างล่าง เพราะเราอยากได้ห้องบรรยากาศญี่ปุ่นสักห้องมาช่วยเติมเต็มความทรงจำดีๆ ที่เคยไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยกัน และก็ใช้งานได้อเนกประสงค์มากทั้งสันทนาการ ปาร์ตี้ พื้นที่ให้ลูกเล่น และห้องนอนที่ให้แขกปูเบาะนอนได้เต็มที่เลย เพราะทั้งผมและภรรยาเรามีเพื่อนเยอะอยู่แล้วครับ
นอกจากมีวิวทะเลและพื้นที่ชายหาดสงบไว้ผ่อนคลายเป็นการส่วนตัวแล้ว คุณเมย์กับคุณฝ้ายยังให้ความสำคัญกับพื้นที่สวนเล็กๆ ริมสระว่ายน้ำด้วย โดยได้ คุณไม้-ฐาปนิต โชติกเสถียร จาก Murraya Garden มาช่วยออกแบบให้เป็นสวนเมดิเตอร์เรเนียนผสมกลิ่นอายสเปนที่เน้นไม้ฟอร์มสวย โปร่งตา และทนลมทนไอเค็มจากทะเลได้ดี ตามที่คุณไม้เล่าว่า
“พรรณไม้ที่ใช้ต้องอยู่ริมทะเลได้ มีลักษณะใบเรียวมัน นิ่งๆ โตช้า โดยผมเลือกใช้ต้นเสม็ดแดงที่ค่อนข้างทนเป็นไม้ประธาน 2 ต้น เน้นฟอร์มสวยสูงโปร่งและไม่บดบังวิวทะเล เสริมด้วยไม้รองเท่ๆ อย่างกระบองเพชร อากาเว่ ไม้พุ่มที่ริมผนังซ้ายขวาอย่างพญาไร้ใบที่มีกิ่งก้านแนวกราฟิกดี ผสมต้นโอลีฟเล็กๆ กับสนประดิพัทธ์ เติมด้วยหญ้าที่พลิ้วไหวเพื่อลดความแข็งของอาคาร ตรงกลางโรยกรวดสีขาวให้สว่างตาและมีทางเดินไม้หมอนนำไปสู่ที่นั่งริมทะเล โดยรูปทรงกับผิวสัมผัสที่หลากหลายของใบยังช่วยเพิ่มจังหวะของพื้นที่ขนาดเล็กให้ดูน่าสนใจขึ้น ที่สำคัญคือต้องดูแลง่าย ไม่ต้องรดน้ำมาก เพราะเจ้าของไม่ได้มาดูแลทุกวัน”
“ผมชอบที่สเปซในบ้านเชื่อมต่อถึงกันได้หมด ไม่มีพื้นที่ให้ความเหงา เพราะอยู่มุมไหนเราก็คุยกันเห็นกันได้ เช้าๆ ตื่นมานั่งกินกาแฟดูทะเล บ่ายๆ เล่นน้ำ เย็นก็ไปนั่งชมสวนริมทะเล เมื่อก่อนเราต้องคอยจองโรงแรมเพื่อมาพักผ่อน ความที่เป็นนักดนตรีทำให้เวลาว่างของเรามีไม่มากและอาจไม่ตรงกับคนอื่น แต่มีบ้านหลังนี้แล้วรู้เลยว่าว่างเมื่อไรก็มาได้ทันที และทำให้ช่วงเวลาพักผ่อนของครอบครัวเรามีคุณภาพมากขึ้นด้วย”
แล้วภาพของสเปซว่างๆ ในบ้านก็เริ่มเติมเต็มไปด้วยทุกจังหวะการเคลื่อนไหวของชีวิต ทุกอณูอากาศมีเสียงหัวเราะพูดคุยสลับไปกับเสียงลมทะเล แม้แต่แสงเงาของแดดที่พาดผ่านผนังก็ยังดูสดชื่นพอๆ กับเงาของทะเลสีฟ้าที่สะท้อนเข้ามาถึงภายใน
เรื่อง : ภัทรสิริ โชติพงศ์สันติ์
ภาพ : อนุพงษ์ ฉายสุขเกษม
สไตล์ : พระจันทร์ดวงโบราณ