Therapeutic Garden การจัดสวนเพื่อบำบัดจิตใจและคลายเครียด- บ้านและสวน

รู้จัก “Therapeutic Garden” การจัดสวนเพื่อบำบัดจิตใจและคลายเครียด

เปิดประตูสู่สวนคลายเครียดด้วยหลักการออกแบบสวนที่เรียกว่า “Therapeutic Garden” หรือการจัดสวนเพื่อบำบัดโดยใช้ธรรมชาติเป็นตัวช่วย

โดยมีการปรับสมดุลของร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณด้วยวิธีการต่าง ๆ ที่น่าสนใจ สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับสวนของคุณได้ง่าย ๆ เพราะจากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยเอ็กเซเตอร์ ประเทศสหราชอาณาจักร พบว่าความเครียดของคนเราสามารถลดลงได้ด้วยการมีปฏิสัมพันธ์กับธรรมชาติอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ชั่วโมง ด้วยตัวอย่างรูปแบบวิธีการ ดังนี้

“Come on, Calm on” โปรเจ็กต์ของบริษัทฉมา จำกัด ออกแบบร่วมกับกลุ่มเพื่อนบ้านสร้างสรรค์ทองเอก ซึ่งเป็นกลุ่มนักออกแบบและผู้ประกอบการจากย่านทองหล่อ-เอกมัย นำเสนอการจัดสวนที่เต็มไปด้วยความเป็นธรรมชาติ เพื่อคลายความเครียด โดยใช้หลัก “การจัดสวนเพื่อการบำบัด” (Therapeutic Garden)

เลือกใช้พรรณไม้ที่ให้สัมผัสที่ดีแก่ประสาทสัมผัสทั้ง 5

ดร.โนอาห์ เลคซิน นักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยบัลติมอร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าภาพและเสียงจากธรรมชาติช่วยบรรเทาความเจ็บปวดและลดความกังวลของผู้ป่วยลงได้ โดยภายในสวนอาจจัดแต่งให้มีสัดส่วนที่ใช้พรรณไม้ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ และงานฮาร์ดสเคปอีก 30 เปอร์เซ็นต์ เพื่อสร้างความรู้สึกผ่อนคลายแก่ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ซึ่งมีส่วนช่วยบรรเทาความเครียดสะสมจากวิถีชีวิตคนเมืองที่เร่งรีบ

แสงไฟนีออนต่างสีฉายไปบนผนังผ้าใบโปร่งแสงสีขาว ช่วยให้ผู้ใช้งานสวนค่อยๆเปลี่ยนอารมณ์ความรู้สึกไปตามแสงสีที่เกิดขึ้นบนผนังและวัสดุรอบ ๆ
นำดอกไม้สีสันสดใสไปตากแห้งก็กลายเป็นของตกแต่งบ้านและสวนได้เช่นกัน ช่วยสร้างการรับรู้เรื่องสีได้ดีไม่แพ้ดอกไม้ที่อยู่บนต้น
ไม้ดอกสีสันสดใสหลากหลายชนิดออกดอกในช่วงเวลาต่างกัน สร้างความตื่นเต้นแปลกใหม่แก่ผู้ที่โศกเศร้าให้ได้รับความเบิกบานและมีกำลังใจในทุกวันที่ออกมาใช้พื้นที่สวน

ประสาทสัมผัสการมองเห็น การเลือกใช้พรรณไม้สำหรับการมองเห็นถือเป็นโจทย์พื้นฐานที่การจัดสวนทุกประเภททำกันอยู่แล้ว ทั้งการเลือกใช้พรรณไม้ที่ให้สีสันจากดอกหรือใบตัดกันสวยงาม เพื่อกระตุ้นการมองเห็นและการรับรู้ถึงความตื่นตัวได้มากกว่าสีโทนเดียวที่ให้ความรู้สึกนิ่งและทึบตัน

การเลือกโทนสีเย็น เช่น เขียว ฟ้า น้ำเงิน ม่วง นั้นให้ความรู้สึกสงบ ส่วนการใช้โทนสีร้อน เช่น แดง เหลือง ชมพู ส้ม ก็ให้ความรู้สึกสดใส เบิกบาน กระปรี้กระเปร่า เมื่อนำพรรณไม้ในสองโทนสีนี้มาปลูกผสมกันก็ ควรจัดให้เป็นกลุ่มๆ และมีระยะห่าง เพื่อเวลามองจะยังรู้สึกโปร่ง และดูไม่อึดอัดจนเกินไป

ทุกเช้าที่รดน้ำพืชสวนครัวฝรั่งในสวน เช่น มินต์ ทาร์รากอน เสจ และโรสแมรี่ ก็จะพลอยได้กลิ่นหอมของพืชนั้นไปด้วย
ดอกไม้ที่ให้กลิ่นหอมอย่างดอกกุหลาบ ลองตัดมาใส่แจกันวางบนโต๊ะทำงานหรือมุมพักผ่อน ก็ช่วยคลายเครียดและสร้างความสดชื่นได้ดี ไม่วางในบริเวณที่โดนแดดแรง จะช่วยยืดอายุในการชื่นชมดอกไม้ได้นานขึ้น

ประสาทสัมผัสการได้กลิ่น เซลล์รับกลิ่นจะเชื่อมต่อโดยตรงกับสมอง กลิ่นหอมในธรรมชาติส่วนใหญ่มักทำให้รู้สึกผ่อนคลาย กลิ่นธรรมชาติหรืออากาศสะอาดทำให้มนุษย์รู้สึกสดชื่น เช่นเดียวกับกลิ่นไม่พึงประสงค์หรือเป็นพิษก็ทำให้มนุษย์รู้สึกเครียดได้ ต้นไม้หลายชนิดในบ้านเรามีกลิ่นหอม ทั้งชนิดที่ส่งกลิ่นตลอดทั้งวันและส่งกลิ่นในบางช่วงเวลาอย่างตอนเช้าหรือตอนกลางคืน โดยมีทั้งกลิ่นหอมที่มาจากใบ เช่น เตยหอม มินต์ ทาร์รากอน โรสแมรี่ และกลิ่นที่มาจากดอก เช่น มะลิ จำปีสายหยุด เล็บมือนาง พืชบางชนิดมีสรรพคุณเป็นสมุนไพรด้วย เช่น กลิ่นมินต์ช่วยกระตุ้นความตื่นตัว กลิ่นกุหลาบช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย บรรเทาความอ่อนเพลียและแก้ปวดหัว กลิ่นกระดังงาช่วยให้หลับง่ายและลดอาการซึมเศร้า โดยต้องเลือกบริเวณปลูกที่คนสามารถเดินผ่านหรือนั่งเล่นพักผ่อนเพื่อสูดกลิ่นได้เต็มที่ตามต้องการ

เมื่อลมพัดผ่าน ใบหลิวจะสีกันจนเกิดเสียงที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย แต่จะรับรู้ได้ดีที่สุดในย่านพักอาศัยที่สงบ ปราศจากเสียงรบกวนจากภายนอก
การฟังดนตรีช่วยลดภาวะซึมเศร้าได้ โดยเฉพาะการบรรเลงดนตรีสดจะเหมาะสมที่สุดสำหรับการบำบัด มีส่วนช่วยปรับอารมณ์ให้สงบขึ้น นอนหลับได้ง่ายขึ้น

ประสาทสัมผัสการได้ยิน ถือเป็นโจทย์ที่ยากพอสมควรหากจะขจัดเสียงรอบตัวที่ไม่พึงประสงค์โดยเฉพาะในย่านชุมชนและเขตเมือง แต่การปลูกต้นไม้ใหญ่ทรงสูง เช่น ไผ่ อโศกอินเดีย หรือสนประดิพัทธ์ในระยะถี่ ๆ ใกล้กันก็ช่วยลดเสียงรบกวนได้ระดับหนึ่ง อีกทั้งเมื่อมีลมพัด เสียงกิ่งไม้และใบไม้ที่ลู่ตามลมก็สร้างเสียงที่ให้ความรู้สึกสบายและผ่อนคลายได้ไม่น้อย หรือการปลูกต้นไม้ที่เป็นมิตรต่อนกอย่างหว้า ไทร และตะขบ ช่วยเรียกนกให้มาหาอาหารและอยู่อาศัยในสวน เสียงนกร้องก็จะช่วยเติมเต็มความรู้สึกเป็นธรรมชาติได้อย่างดี

ราสป์เบอร์รี่ ไม้ผลขนาดเล็กอายุหลายปี ต้นสูงได้ถึง 2 เมตร นอกจากรับประทานผลสดแล้ว ยังนําผลไปคั้นน้ำ ทําแยมหรือขนม ส่วนใบนําไปตากแห้งชงเป็นชาดื่มได้
ผักที่เก็บเกี่ยวมาจากสวนของเราเอง นอกจากจะปลอดสารพิษ ดีต่อสุขภาพแล้ว ยังเป็นความภูมิใจของผู้ปลูกอีกด้วย

ประสาทสัมผัสการลิ้มรส ผักสวนครัวหรือไม้กินได้ในบ้านเรามีอยู่เป็นจำนวนมากและหลากหลายชนิด สามารถปลูกหมุนเวียนผลัดกันเก็บเกี่ยวได้ตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นชนิดกินผล กินใบ กินหัว หรือกินดอก การเดินชมสวนไปพร้อมกับเก็บเกี่ยวผลผลิตเล็ก ๆ น้อย ๆ ช่วยเติมเต็มความสุขในการพักผ่อนและสร้างอรรถรสในการลิ้มรสชาติผลผลิตในสวน ต้นไม้ที่เราสามารถเก็บผลผลิตมารับประทานได้เลยและออกผลผลิตอยู่เสมอ เช่น หญ้าหวาน หม่อน กล้วย ผักคอส มะเขือเทศ อัญชัน ฯลฯ แต่ไม่ควรใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายกับสวน เพื่อป้องกันสารพิษที่จะตกค้างมาสู่ร่างกายของเราได้

ปล่อยให้พุ่มไม้ (ที่ปราศจากหนามและพิษที่เป็นอันตราย) ยื่นเข้ามาระทางเดินบ้าง เพื่อให้ผู้ที่เดินผ่านได้สัมผัสกับพุ่มไม้และใบไม้ สร้างความเชื่อมโยงระหว่างคนกับธรรมชาติได้ดียิ่งขึ้น
สนามหญ้าขนาดเล็ก ดูแลไม่ยาก เหมาะกับการนั่งเล่นหรือเดินเล่นแบบเท้าเปล่า เพื่อสัมผัสหญ้าและน้ำค้างยามเช้า เป็นการบำบัดแบบง่าย ๆ ที่นำไปใช้ได้กับคนทุกเพศทุกวัย
สัมผัสที่ดูนุ่มและละเอียดของมอสส์บนก้อนหินให้ความรู้สึกดีแก่ผู้พบเห็นแม้ไม่ได้สัมผัส และเมื่อสัมผัสก็ให้ความรู้สึกผ่อนคลายได้อย่างน่ามหัศจรรย์

ประสาทสัมผัสผ่านผิวสัมผัส ต้นไม้ให้ผิวสัมผัสที่หลากหลายจากผิวลำต้น ทรงพุ่ม หรือใบ ไม่ว่าจะขรุขระ เรียบ หรือมัน การที่เราเข้าไปใช้งานในสวนและสัมผัสส่วนต่าง ๆ ของต้นไม้จึงช่วยกระตุ้นการรับรู้และเข้าถึงธรรมชาติในสวนได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีศาสตร์ของจีนโบราณที่ส่งเสริมให้คนเดินเท้าเปล่าบนพื้นกรวดหรือสนามหญ้าสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ช่วยในการทรงตัว รักษาสมดุลในร่างกาย และช่วยให้ความดันโลหิตเป็นปกติ โดยเฉพาะการเดินบนสนามหญ้านุ่ม ๆ ชุ่มน้ำค้างในช่วงเช้า ยังทำให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ช่วยกระตุ้นและเสริมสร้างเซลล์ประสาทได้ดี

แสงรำไรที่ลอดผ่านเงาไม้เทียบเท่ากับซาแลนพรางแสง 50 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว ทั้งยังทำให้เกิดสุนทรียภาพในการชมสวนและทำกิจกรรมต่าง ๆ ขณะเดียวกันก็จำเป็นต้องตัดแต่งกิ่งไม้ให้โปร่ง เพื่อให้ลมพัดผ่านลงมาได้ และไม่เป็นที่อยู่อาศัยของยุง
ไอน้ำจากสปริงเกลอร์เป็นหนึ่งในตัวช่วยที่ดีในการให้ความสดชื่นและบรรเทาความร้อนในช่วงกลางวัน ทั้งยังทำให้เกิดสภาวะน่าสบายแก่ทั้งคนและต้นไม้

สร้างสภาวะน่าสบาย

อุณหภูมิที่พอเหมาะกับการอยู่อาศัยและรู้สึกผ่อนคลายที่สุดอยู่ในช่วง 18-25 องศาเซลเซียส ถ้ามากหรือน้อยกว่านี้จะทำให้รู้สึกเครียด ไม่สบายตัว หรือเป็นอันตรายกับมนุษย์ เช่นเดียวกับความชื้นสัมพัทธ์ที่มนุษย์รู้สึกสบายจะมีค่าเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 40 % RH – 60 % RH ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อเราอยู่ในอุณหภูมิที่ 18-25 องศาเซลเซียสนั่นเอง

ในสวนที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 18 องศาเซลเซียส แต่หากมีค่าความชื้นสัมพัทธ์มากกว่า 60 % RH ก็ทำให้อากาศในสวนเกิดไอน้ำมาก เกิดคราบน้ำหรือละอองน้ำจำนวนมากเกาะอยู่ตามสิ่งต่าง ๆ และผิวของมนุษย์ ส่งผลให้วัสดุที่เป็นผ้าและพรมมีความชื้นสะสม ก่อให้เกิดเชื้อราและแบคทีเรียได้ง่าย และอาจทำให้เครื่องใช้ภายในสวนเสียหาย ไปจนถึงเกิดปัญหาทางสุขภาพได้ เพราะเราจะเริ่มรู้สึกไม่สบายตัว

การใช้ร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่ช่วยลดอุณหภูมิจากแสงแดดได้ โดยเลือกไม้ยืนต้นที่มีลำต้นสูงขึ้นไปแผ่กิ่งก้านด้านบนจะเหมาะสมที่สุด เพื่อให้ลมฤดูร้อนสามารถพัดผ่านโคนต้นช่วยบรรเทาความร้อนได้ ไม่ควรปลูกต้นไม้หลายระดับขวางลมทิศใต้ ซึ่งเป็นทิศทางของกระแสลมหลักของเมืองไทย ควรปลูกต้นไม้หลายระดับทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทิศตะวันตกเฉียงใต้ และทิศตะวันตกที่แดดค่อนข้างแรงและทำมุมเฉียง ร่วมกับการใช้วัสดุที่ช่วยสะสมความชื้น เพื่อไม่ให้อากาศแห้งจนเกินไปอย่างอิฐมอญ กรวดแม่น้ำ หรือหินฟองน้ำ ร่วมกับระบบสปริงเกลอร์แบบพ่นหมอก

มุมระเบียงโล่งกว้างให้ความรู้สึกสบายในการนั่งพักบนเก้าอี้โยกที่ปรับขนาดให้เหมาะกับการนั่งชมสวนที่อยู่เบื้องหน้า โดยได้ร่มเงาจากตัวบ้านและชายคา
ระเบียงไม้ยกพื้นให้สัมผัสที่เป็นธรรมชาติแก่ผู้ใช้งาน รองรับการนั่งหรือทำกิจกรรมยืดเส้นยืดสายได้หลากหลายรูปแบบ อีกทั้งอยู่กลางแดดก็ไม่สะสมความร้อนจนเกินไปและคลายความร้อนเร็ว
เปลญวนเป็นที่นอนและนั่งเล่นพักผ่อนที่แสนง่ายแต่ให้ความรู้สึกสบายทุกครั้ง อีกทั้งยังสามารถโยกย้ายและปรับเปลี่ยนการใช้งานได้หลากหลาย

จัดการนั่งให้สบาย

การนั่งพักผ่อนหรือนั่งทำงานในสวนช่วยลดปัญหาสุขภาพได้ โดยปรับระดับความสูงของโต๊ะและเก้าอี้ให้พอดีกับระดับสายตา ใช้เก้าอี้ที่มีที่วางแขนเพื่อประคองข้อศอก และสามารถปรับระดับให้นั่งโดยงอเข่าทำมุม 90 องศากับพื้นขณะนั่งทำงานบนโต๊ะและปรับให้เอนหลังได้เมื่อต้องการหลับหรือพักผ่อน ปล่อยแขนขนานกับพื้น บริเวณเอวอาจหาหมอนหรือวัสดุนุ่มรองรับ หากต้องนั่งทำงาน เล่นคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือเป็นระยะเวลานาน ทุก 1 ชั่วโมงควรหาโอกาสพักสัก 5 นาที วัสดุที่ใช้ทำที่นั่งควรเป็นวัสดุที่เป็นธรรมชาติ เช่น ไม้ หวาย หรือผ้า เพื่อให้สัมผัสที่อบอุ่นและเป็นธรรมชาติมากกว่าวัสดุที่ทำจากพลาสติกหรือโลหะ

ผ้าใบสีขาวช่วยสร้างห้องในสวนที่ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว แต่ก็ยังไม่รู้สึกอึดอัดและหวาดกลัวจากการใช้โทนสีขาวและวัสดุโปร่งแสงที่เห็นเงารอบ ๆ ได้ชัดเจน
วัสดุโลหะให้ความรู้สึกเย็นกว่าวัสดุอื่นที่อยู่รอบ ๆ อีกทั้งยังทำลวดลายที่เผยให้เห็นความสวยงามตัดกับกรวดด้านล่าง ช่วยกระตุ้นความรู้สึกท้าทายและตื่นตัว
กระจกเงาช่วยให้สวนขนาดเล็กดูอึดอัดน้อยลงด้วยเงาที่สะท้อนภาพของสวน ช่วยหลอกตาให้รู้สึกโล่งและสบายมากขึ้น

งานฮาร์ดสเคปที่เหมาะสม

ขนาดและรูปทรงทำให้มนุษย์มีความรู้สึกต่างกันไป เช่น ขนาดใหญ่และกว้างทำให้มนุษย์รู้สึกเหงาและกังวล ส่วนขนาดเล็กและแคบทำให้มนุษย์รู้สึกอึดอัดและเครียด เราควรเลือกขนาดและรูปทรงให้สัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมในการทำกิจกรรมนั้น ๆ เช่น พื้นที่ที่มีขนาดเพียงพอให้คนสามารถอยู่ห่างกันได้ในระยะ 2 เมตร เพื่อให้รู้สึกปลอดภัยจากการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 และยังส่งผลในเชิงจิตวิทยาแก่ผู้คนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จะได้ไม่รู้สึกอึดอัด

นอกจากนี้การเลือกใช้วัสดุที่แตกต่างและเหมาะสมยังช่วยปกป้องมนุษย์จากอันตรายภายนอกได้ ทั้งยังส่งผลต่อการควบคุมอุณหภูมิ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับพื้นที่ เช่น ผิวสัมผัสเรียบจะให้ความรู้สึกปลอดภัยและเป็นมิตรมากกว่าผิวสัมผัสขรุขระ วัสดุที่เกิดเงาสะท้อนทำให้ขนาดพื้นที่ดูโล่งและกว้างมากขึ้น สีของวัสดุที่ต่างกันก็กำหนดขนาดพื้นที่และสร้างความเป็นส่วนตัวหรือแบ่งพื้นที่ได้ วัสดุที่ทึบจะให้ความรู้สึกปลอดภัยแต่ก็รู้สึกอึดอัดไปด้วยพร้อม ๆ กัน


ขอขอบคุณข้อมูลจาก บริษัทฉมา จำกัด

เรื่อง : ปัญชัช

ภาพ : คลังภาพบ้านและสวน และบริษัทฉมา จำกัด