- กระถางดินเผา ทำมาจากดินที่เผาด้วยความร้อนสูง จึงเก็บความชื้นได้ดี ราคาถูก ความแข็งแรงปานกลาง
- กระถางพลาสติก ที่คุ้นเคยกันดีคือกระถางเพาะต้นไม้ ซึ่งมีราคาถูก น้ำหนักเบา และมีความแข็งแรง
- กระถางเซรามิก กระถางประเภทนี้มักใช้สำหรับตกแต่งเพิ่มความสวยงาม เก็บความชื้นได้ดี แต่มีน้ำหนักมาก และราคาค่อนข้างสูง ส่วนใหญ่มักใช้เป็นกระถางครอบกระถางพลาสติกอีกชั้นซึ่งเคลื่อนย้ายสลับสับเปลี่ยนได้ง่ายกว่า
- กระถางไฟเบอร์กลาส วัสดุสมัยใหม่ยอดนิยม คงทน น้ำหนักเบา และให้ความรู้สึกเหมือนวัสดุจากธรรมชาติ ทำเลียนแบบวัสดุอื่นได้อย่างแนบเนียน แต่ราคาค่อนข้างสูงด้วยเช่นกัน
- กระถางทรงสูง : คือกระถางที่มีความสูงมากกว่าความกว้างปากกระถาง เหมาะกับต้นไม้ทรงสูง รากแบบเหง้า ระบบรากลึก กระถางทรงสูงควรทำวัสดุที่มีน้ำหนักมากอย่างคอนกรีต เซรามิก เพื่อช่วยรับน้ำหนักต้นไม้ด้วย
- กระถางมาตรฐาน : คือกระถางที่มีความสูงเท่ากับความกว้างปากกระถาง มีขนาดตั้งแต่ 2-20 นิ้ว เหมาะกับต้นไม้ทรงพุ่ม และไม้ทรงสูง ทั้งระบบรากลึกและระบบรากไม่ลึกมาก
- กระถางทรงเตี้ย : คือกระถางที่มีความสูงน้อยกว่าของความกว้างปากกระถาง มีขนาดตั้งแต่ 4 – 16 นิ้ว เหมาะกับต้นไม้รากตื้นสั้น เช่น ไม้เลื้อยประดับขนาดเล็ก
มาถึงตรงนี้เหมือนจะง่ายแต่ไม่ง่าย เราเลยทำสูตรในการเลือกกระถางแบบคร่าวๆ สำหรับคนที่ปลูกไม้ใบในบ้านมาให้ชมเป็นตัวอย่าง ลองปรับใช้กับต้นไม้ที่บ้านกันได้เลย
ส่องบอนสีที่ราคาไม่แพง
บอนสีเป็นไม้ใบที่ได้รับความนิยมปลูกเลี้ยงกันมาตั้งแต่อดีต และยังคงครองใจคนรักต้นไม้ไม่เปลี่ยนแปลงจนถึงปัจจุบัน นั่นเพราะความงามของใบที่มีสีสันหลากหลาย ทั้งแดง ชมพู เขียว ขาว เหลือง น้ำตาล ฯลฯ และลีลาการแต่งแต้มที่แตกต่าง เช่น ป้ายสีหนึ่งกับสีหนึ่ง มีเม็ดสีเล็ก – ใหญ่กระจายไปทั่ว หรือมีเส้นสีที่จัดจ้านพาดผ่านทั้งใบ ไม่นับรวมรูปใบและทรงพุ่มที่มีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์ชวนมอง ที่สำคัญ ความงามของบอนสียังได้รับการปรับปรุงพันธุ์จากนักปลูกเลี้ยงอยู่ตลอดเวลา จึงเกิดลูกผสมแปลกใหม่สวยงามให้ได้ชมอย่างมากมาย งานบ้านและสวนแฟร์ 2021 นี้ขอชวนมาชมและช้อปตัวอย่างบอนสีราคาไม่แพงที่มีความสวยงามสะกดสายตา ทั้งยังสามารถปลูกเลี้ยงนอกตู้ได้งดงาม
บอนสีปลูกเลี้ยงไม่ยากเมื่อรู้ใจ เทคนิคการปลูกเลี้ยงของตะนาวะสีเฟิร์นการ์เด้นท์ ซึ่งนิยมปลูกเลี้ยงบอนสีเป็นกอนอกตู้ โดยวางกระถางปลูกไว้ใต้ร่มเงาต้นไม้หรือชายคาบ้าน มีแสงแดดในช่วงเช้าหรือช่วงบ่ายที่ไม่ร้อนเกินไป เพราะหากแสงแดดจัดอาจทำให้ใบไหม้ได้ ดินปลูกต้องดูดซับและระบายน้ำได้ดี มีอินทรียวัตถุและธาตุอาหารเพียงพอ ควรเปลี่ยนดินปลูกปีละครั้ง และให้ปุ๋ยละลายช้า 3 เดือนต่อครั้ง บอนสีจะเติบโตได้ดีและมีสีสันสวยงามในสภาพอากาศร้อนชื้น เมื่อปลูกไว้นอกตู้ควรมีจานรองก้นกระถางพร้อมหนุนด้วยอิฐมอญเพื่อให้ระบายอากาศได้ดี และหมั่นหมุนกระถางเพื่อให้พุ่มใบสวย
บอนสีแต่ละชนิดมีความแข็งแรงทนทานและความยากง่ายในการเลี้ยงต่างกัน หัวบอนส่วนใหญ่จะเริ่มพักตัว ในช่วงฤดูหนาวและฤดูร้อนซึ่งมีความชื้นในอากาศต่ำ โดยใบจะเหี่ยวและทิ้งใบหมด จนถึงฤดูฝนซึ่งความชื้นในอากาศสูงขึ้น จึงเริ่มผลิใบใหม่เติบโตต่อไป
วิธีทำตู้อบบอนสีง่ายๆไม่ต้องใช้ช่าง
หลังฤดูฝนช่วงฤดูหนาวในธรรมชาติของบอนสีจะเกิดการพักตัว คือฟุบใบเหลือแต่หัวใต้ดินไม่อวดใบสีสันสวยงามให้เราได้เชยชม แล้วเราจะทำอย่างไรไม่ให้บอนสีพักตัว วิธีการทั่วไปที่เขาทำกันคือการทำตู้อบหรือกระโจมสำหรับสะสมความชุ่มชื้นในอากาศและป้องกันลมหนาวไม่ให้กระตุ้นบอนสีจนพักตัวไป สำหรับใครที่ไม่รู้ว่าจะทำตู้อบบอนสีได้อย่างไร เรามีวิธีทำตู้อบบอนสีแบบง่ายแสนง่ายมาให้ลองไปทำตามกันดู ดังนี้
อุปกรณ์ในการทำตู้อบบอนสี
วิธีทำ
1.นำโครงชั้นวางของเหล็กหรืออะลูมิเนียมสำเร็จรูปที่มีขายอยู่ในท้องตลาดหรือเป็นของเหลือใช้มาล้างทำความสะอาด ทิ้งให้แห้ง จากนั้นติดแผ่นแถบแม่เหล็กตามรอยดังตัวอย่างแล้วลอกออก
2.นำแผ่นพลาสติกใสใส่ด้ามไม้แล้วติดแนบไปกับแถบแม่เหล็กที่ลอกแผ่นปิดด้านที่เป็นกาวออกเรียบร้อยให้แนบสนิท ทุกด้านทั้ง 4 ด้านเป็นหนึ่งเดียวกับแถบแม่เหล็กที่ติดไปก่อนหน้านั้น
3.ตัดแผ่นพลาสติกใสที่เกินออกจากแนวแถบแม่เหล็กให้ดูเรียบร้อยเป็นระเบียบทุกด้าน ไม่ให้มีส่วนที่เกินออกมาจากแถบแม่เหล็ก
4.เมื่อทำครบทุกด้านจะสามารถเปิดแผ่นใส่ออกมาและปิดลงไปให้ด้วยแรงแม่เหล็กจากแถบแม่เล็กในทุกด้าน เพื่อความสะดวกต่อการเปิดปิดสำหรับใช้งานหรือทำความสะอาด
5.สำหรับบริเวณที่มีแสงแดดน้อยอย่างพื้นที่ภายในอาคารควรติดหลอดไฟแอลอีดีกับโครงเหล็กด้านบนเพื่อให้เกิดแสงสว่างบริเวณกึ่งกลาง ทำให้บอนสีไม่ยืดหรือเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งเพื่อหาแสง แล้วแผ่ใบออกสมดุลย์กันทุกด้าน
ข้อดีของการทำตู้อบบอนสี
1.บอนสีได้รูปทรงที่สวยงามและสมดุลย์ ไม่แผ่กิ่งก้านออกมาด้านใดด้านหนึ่งหรือยาวจนเก้งก้างไม่สวยงาม
2.ในช่วงฤดูหนาวที่อากาศเย็นแห้งและความขื้นในอากาศน้อย ภายในตู้ยังสามารถรักษาความชุ่มชื้นไว้ได้
ส่องโรงเรือนงบไม่ถึงแสน
สำหรับใครที่เริ่มต้นสะสมไม้ใบคงกำลังมองหาแบบหรือวิธีการทำโรงเรือนสะสมต้นไม้ในราคาประหยัด ในโซน Green Village งานบ้านและสวนแฟร์ 2021 วันที่ 17 – 26 ธันวาคม 2564 ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา เรามีแบบตัวอย่างงบที่จำกัดไม่ถึง 1 แสนบาทมาให้ชม เช่นเดียวกับโรงเรือนแห่งนี้ที่เจ้าของโรงเรือนได้ลงมือทำเองในทุกๆ ขั้นตอน โรงเรือนข้างบ้าน
คุณโม วนาลีและคุณฮิม หิมาลัย ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา สองสามีภรรยาเจ้าของ โรงเรือนข้างบ้าน ขนาดเล็กหลังนี้เล่าให้เราฟังว่าตั้งใจจะสร้างโรงเรือนข้างบ้านไว้ตั้งแต่แรกซื้อบ้าน ด้วยไลฟ์สไตล์ส่วนตัวที่ชอบปลูกต้นไม้เป็นทุนเดิมแต่จริงจังมากขึ้นในช่วง Lock Down จนขยายเป็นธุระกิจเล็กๆ จำหน่าย “แจกันมงคลชำต้นไม้ในน้ำ” ซึ่งต้องมีพื้นที่จัดเก็บสินค้า และที่สำคัญคือน้องฮิลและน้องเลห์ ลูกๆ ตัวป่วนของทั้งคู่ที่ชอบเล่นกับต้นไม้ที่ปลูกในบ้านที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นศัตรูพืชตัวแสบ ทั้งคู่จึงเริ่มสร้างพื้นที่ให้ต้นไม้ได้อยู่เป็นหลักแหล่ง เป็นโรงเรือนกลาสเฮ้าส์ขนาดเล็กข้างบ้านจัดสรร โดยใช้พื้นที่ส่วนนี้เป็นห้องทำงานได้ด้วยและวางแผนขยายเป็นคาเฟ่ขนาดเล็กในชื่อ LSD CAFÉ
โจทย์ในการสร้าง โรงเรือนข้างบ้าน มีงบประมาณเป็นข้อจำกัด คุณโมและคุณฮิมเลือกช่างผู้รับเหมาอยู่หลายเจ้าเพื่อให้ราคาที่ไม่เกินกำหนดไว้แต่ก็ไม่สำเร็จ นั่นจึงเป็นเหตุผลให้คุณฮิมต้องลงมือสร้างโรงเรือนแห่งนี้ด้วยตัวเองโดยมีช่างที่รู้จักเป็นคู่หู ทุกขั้นตอนตั้งแต่ออกแบบโรงเรือน เลือกซื้อขนย้ายวัสดุ ปรับหน้าดิน ทำโครงสร้างเหล็ก ติดตั้งแผ่นกระจก ปูพื้น ก่ออิฐ ฯลฯ ล้วนแต่ผ่านมือของคุณฮิมมาทั้งสิ้น ทำให้โรงเรือนในงบ 80,000 บาทออกมาสำเร็จผล ใช้งานได้จริง
ตัวโรงเรือนกว้าง 2 เมตร ยาม 4.5 เมตร สูง 3 เมตร ประกอบด้วยวัสดุที่หาได้ง่ายแต่ใช้งานได้จริง โดยเลือกใช้โครงสร้างเหล็ก ผนังเป็นกระจกเขียวช่วยกันความร้อน ส่วนหลังคามุงด้วยแผ่นโพลีลักซ์ที่มีนำหนักเบาแต่ความแข็งแรงเทียบเท่ากระจก ทั้ง 2 ส่วนรวมแล้วใช้งบประมาณ 30,000 บาท ส่วนงานโครงสร้างเหล็ก วัสดุปูพื้นที่แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูปโรยก้อนกรวดตกแต่ง และค่าแรงช่าง ค่าวัสดุอื่นๆ ประมาณ 50,000 บาท โรงเรือนในงบไม่ถึงหนึ่งแสนจึงเกิดขึ้นได้ ส่วนของตกแต่งอื่นๆ และต้นไม้ เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วเพียงแต่เลือกวางตกแต่งให้ลงตัวก็เสริมให้โรงเรือนน่าอยู่ขึ้น
“อีกหนึ่งความตั้งใจในการสร้างโรงเรือนคืออยากใช้พื้นที่เป็นห้องทำงานด้วย ก็เลยคิดว่าจะทำอย่างไรให้อยู่ได้จริงเพราะเราก็พอจะเดาได้ว่าอากาศบ้านเรามันร้อนไม่เหมือนยุโรปที่จะอยู่ในกลาสเฮ้าส์ได้เป็นวันๆ เลยตัดสินใจติดแอร์ไปเลย เราก็จะเปิดแอร์เฉพาะในช่วงตอนเย็นที่มาใช้โรงเรือน นั่งทำงาน หรือปาร์ตี้กับเพื่อนบ้าน ส่วนเวลากลางวันก็จะปล่อยไว้ตามปกติ ถ้าวันไหนอากาศร้อนมากก็เปิดประตูระบายอากาศไม่ให้โรงเรือนอบร้อนเกินไป” คุณโมเล่า
คุณโมเล่าต่ออีกว่า ต้นไม้ที่เธอปลูกในโรงเรือนนั้น เป็นต้นไม้ราคาไม่แพงมีทั้งไม้สำหรับจำหน่ายคู่กับแจกันของเธอที่จะเป็นไม้มงคล มีสตอรี่หรือเรียกว่าเป็นต้นไม้สายมูก็ไม่ผิดนักซึ่งมันก็สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ของแจกันชำน้ำของเธอที่ผสานศาสตร์แห่งฮวงจุ้ยและหินมงคลเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ต้นออมเงิน ออมนาค บันไดเศรษฐี ฟิโลเดนดรอนทอง อีกส่วนคือไม้ปลูกตามความชอบและเป็นไม้กึ่งเลื้อยอย่างเช่นพลูฉลุ พลูด่าง พลูปีกนก พลูบราซิล พลูอิพิ ไอวี่ รวมทั้งไม้ใบในกระแสอย่างฟิโลเดนดรอนแบล็กคาดินัล ฟิโลเดนดรอนพิ๊งค์ปริ้นเซส บอนสี พญาไร้ใบ เป็นต้น
หัวใจสำคัญของการดูแลต้นไม้ในกลาสเฮ้าส์ในสภาพแวดล้อมที่มีอากาศร้อนชื้นอย่างเมืองไทยคือการรดน้ำ ซึ่งคุณฮิมจะให้ความสำคัญกับตรงนี้มากๆ โดยปกติจะรดน้ำวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น ทุกวัน แต่ถ้าวันไหนอากาศร้อนมากๆ จะเพิ่มช่วงกลางวันเข้ามาด้วยแต่ในขณะที่รดน้ำจะเปิดกลาสเฮ้าส์ระบายอากาศในโรงเรือนไม่ให้เกิดอากาศร้อนอบชื้น ในเรื่องของการดูแลอื่นๆ ไม่ได้มีอะไรพิเศษอย่างการใส่ปุ๋ย เปลี่ยนดินในกระถาง
ด้วยขนาดพื้นที่ที่มีจำกัด สิ่งหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญคือเพื่อนบ้าน คุณโมเล่าว่าแม้ว่าเพื่อนบ้านของเธอจะสนิทจนเป็นเพื่อนกัน มาร่วมสังสรรค์ปาร์ตี้กันเสมอ และมีรสนิยมชื่นชอบต้นไม้เหมือนกัน แต่การออกแบบโรงเรือนข้างบ้านที่เกือบชิดรั้วก็ไม่ได้ละเลยปล่อยให้เกิดการรบกวนใดๆ อย่างติดรางน้ำฝนป้องกันไม่ให้น้ำฝนไหลข้ามรั้วไปรบกวนอีกฝั่ง ส่วนต้นไม้ทรงสูงหลายๆ ต้นก็ไม่ต้องซีเรียสว่ากิ่งจะโน้มไปรบกวนเพื่อนบ้านหรือเพื่อนบ้านจะปลูกแล้วมารบกวนเรา เหมือนแบ่งร่มเงาให้กันและกันมากกว่า
ข้อดีของการสร้างโรงเรือนให้ต้นไม้อยู่เฉพาะ ช่วยลดปัญหาหลายอย่างให้ทั้งคู่ ได้ที่อยู่ให้ต้นไม้ที่รัก ป้องกันไม่ให้ใบฉีกขาดเพราะฝีมือเด็กๆ แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นผลพลอยได้คือตัวต้นไม้เองที่โตวันโตขึ้นเพราะตำแหน่งที่วางกระถางมีแสงสว่างส่องถึงตลอด การดูแลรดน้ำก็ทำได้เต็มที่ และยังใช้ประโยชน์จากพื้นที่ตรงนี้เป็นมุมทำงานและคาเฟ่ได้อีกด้วย
10 ดอกไม้ริมรั้ว กินได้และสวยด้วย
“ดอกไม้” นอกจากมีความสวยงามชื่นตาชื่นใจแล้ว บางชนิดยังช่วยให้อิ่มปากอิ่มท้องอีกต่างหาก ส่วนมากจะเป็นพวกยําสารพัดดอกไม้ ผักแกล้มหรือไม่ก็เอามาชุบแป้งทอด ซึ่งควรจะเด็ดดอกไม้ในสวนใกล้มือที่ปลูกไว้ในบ้านนี่แหละ เพราะมั่นใจได้ว่าปลอดภัยจากยาฆ่าแมลงและสารเคมีแบบร้อย เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเรานำมาใช้จัดสวนในงานบ้านและสวนแฟร์ 2021 ระหว่างวันที่ 17 – 26 ธันวาคม 2564 ณ อาคาร 98 – 102 ไบเทค บางนา
1.ดอกบัวหลวง
บัวหลวง
เลือกแต่กลีบชั้นในมาทําเป็นเมี่ยงกลีบบัวหรือยํากลีบบัว(ระวังว่าต้องปลอดภัยจากยาฆ่าแมลง) ถ้าใช้กลีบด้านนอกจะไม่อร่อย หรือถ้าใครหาเกสรชมพู่ม่าเหมี่ยวไม่ได้ ลองใช้กลีบดอกบัวซอยละเอียด คลุกน้ํามะนาวนิดหน่อยกันดํา เวลากินรสชาติจะออกเปรี้ยวเหมือนเกสรชมพู่ม่าเหมี่ยวจริง ๆ เราสามารถปลูกใส่อ่างบัวหรือบ่อน้ำที่มีแดดเต็มวัน นอกจากดอกกินก็ได้ ดูก็สวย
2.ดอกเฟื่องฟ้า
ดอกเฟื่องฟ้าสารพัดสีปลูกง่ายออกดอกดก เวลาใช้อย่าลืมเด็ดเกสรที่ติดกับกลีบดอกออกก่อน และอย่าเลือกดอกแก่ที่เกสรบานแล้ว ที่สําคัญไม่ควรเก็บดอกเฟื่องฟ้าริมถนนมากินเพราะไม่สะอาด เก็บในบ้านหรือข้างบ้านปลอดภัยกว่ากันเยอะ นํามาประดับบนแผ่นก๋วยเตี๋ยวหลอดดูแล้วสวยงามมาก
3.ดอกพวงชมพู
ดอกพวงชมพูไม้เลื้อยที่สีและดอกสวย ดูอ่อนหวาน เราสามารถเด็ดมาโรยหน้าขนมบ้าง โรยบนสลัดผักบ้าง ตกแต่งอาหารบนจานได้ทุกชนิด เวลาใช้ควรเลือกดอกอ่อนหน่อย เวลากินจะได้ไม่สะดุดลิ้น
4.ดอกกุหลาบ
ควรใช้ดอกกุหลาบที่ปลูกเองถึงใช้ได้ แต่ถ้าซื้อมาไม่ควรกิน เพราะว่าต้องมียาฆ่าแมลงเคลือบอยู่ทุกกลีบ หากปลูกเองแล้วมีศัตรูพืชใช้น้ําหมักจากสะเดาราดกันแมลงได้ นํามาใช้ปรุงอาหารและประดับตกแต่งขนมจานโปรดได้ นำมาชุบแป้งทอด ใช้รับประทานเป็นผักร่วมกับน้ำพริกได้ กลีบกุหลาบที่ตากแห้งแล้วนำมาชงในน้ำเดือดก็จะได้ชากุหลาบ
5.ดอกอัญชัน
ไม้เลื้อยข้างรั้วที่กินได้อย่างสบายใจ แถมดอกดกจนกินแทบไม่ทัน เวลาใช้เด็ดขั้วสีเขียวทิ้งเสีย ดอกมาคั่นชงน้ําดื่มให้สีสันสวยงามสามารถใช้ทําขนมหรือโรยบนข้าวยําก็อร่อย รับประทานเป็นผักจิ้มน้ำพริกสด หรือนำมาชุบแป้งทอดก็ได้
6.ดอกโสน
กินเป็นผักเหนาะจิ้มน้ําพริก หรือทําขนมดอกโสนก็ได้มีสองแบบ แบบแรกเรียกว่า “โสนเค็ม” วิธีการทําคือ ล้างดอกโสนให้สะอาด พรมด้วยน้ําเกลือเล็กน้อย แล้วนํามาคลุกกับแป้งข้าวเจ้า จากนั้นจึงนําไปนึ่งจนสุก เวลารับประทานให้โรยด้วยมะพร้าวขูดและน้ําตาล รสชาติอร่อยเค็มปะแล่ม ๆ ส่วน“โสนหวาน” วิธีทําคล้ายกับโสนเค็ม แต่ต่างกันที่ต้องโขลกดอกโสนที่ผสมแป้งกับน้ําตาลมะพร้าวก่อนนําไปนึ่ง และกินคู่กับมะพร้าวขูด
7.ดอกดาหลา
จัดอยู่ในวงศ์พืชเดียวกันกับขิงและข่าหัวใต้ดินนํามาใช้ปรุงต้มยําได้ ส่วนกลีบดอกมีรสเผ็ดปร่าติดเปรี้ยวและหอมซ่าติดจมูก คนภาคใต้นิยมซอยใส่ข้าวยําเพื่อช่วยเสริมสรรพคุณขับลมคู่กับใบกระพังโหมเล็ก ส่วนภาคกลางนิยมนํากลีบดอกดาหลามายําสดๆ กับกุ้งและปลาหมึก ด้วยสีสัน กลิ่น และรสชาติเฉพาะตัว พร้อมสรรพคุณขับลมชั้นเลิศ
8. ดอกกระเจียวแดง
นิยมลวกช่อดอกอ่อน หน่ออ่อนของดอกกระเจียว กินแกล้มน้ําพริก กินเคียงกับอาหารรสเผ็ด เช่น ส้มตํา ยํา หรือ หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แกงร่วมกับผักหวานหรือผักสดนานาชนิด ไม่เพียงมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงที่สุด ยังจัดเป็นดอกไม้ที่มีสารพฤกษเคมี เช่น สารประกอบฟีนอล ฟลาโวนอยด์ และแอนโทไซยานิน เป็นองค์ประกอบมากกว่าดอกไม้ชนิดอื่น โดยสารเหล่านี้มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ช่วยป้องกันและชะลอโรคจากความเสื่อม
9.ดอกอ่อมแซบ
ปลูกไว้ทานหรือปลูกประดับบ้านก็ได้ สามารถปลูกได้ทุกฤดูกาล โตง่าย ไม่ต้องดูแลมาก ใบยังนํามาบริโภคเป็นผักได้หลายเมนู ทั้งต้ม ผัด และแกงอ่อม โดยมีสรรพคุณทางสมุนไพร ช่วยแก้ ปวดบวม แก้ปวดตามข้อ ถ่ายพยาธิ สมานลําไส้ และลดไข้ได้ด้วย
10.ดอกดาวเรือง
ไม้ล้มลุก มีอายุได้ราว 1 ปี ดอกสดนำมาต้มกับน้ำผสมกับน้ำตาลรับประทาน ช่วยแก้อาการไอหวัด ไอกรน ไอเรื้อรัง นำมาอบแห้งเป็นชาได้ มีสารแซนโทฟิลมีสรรพคุณช่วยบำรุงสายตา รักษาสภาพผิวพรรณ และชะลอการแก่ก่อนวัยอันควรได้ดี
10 ปลาสวยงาม เลี้ยงง่าย
1.เสือสุมาตรา
ชื่อวิยาศาสตร์ Puntigrus tetrazona
ถิ่นกำเนิด อินโดนีเซีย
ขนาด 10 เซนติเมตร
อาหาร สัตว์น้ำขนาดเล็ก อาหารสำเร็จรูป
อุปนิสัย ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง ชอบรังแกปลาขนาดเล็กกว่า ออกลูกเป็นไข่
2.ม้าลาย
ชื่อวิยาศาสตร์ Danio rerio
ถิ่นกำเนิด อินเดีย
ขนาด 3.8 เซนติเมตร
อาหาร สัตว์น้ำขนาดเล็ก อาหารสำเร็จรูป
อุปนิสัย รักสงบ อยู่กับปลาเล็กชนิดอื่นได้ดี มักว่ายอยู่บริเวณผิวน้ำ ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง ออกลูกเป็นไข่ตามพืชน้ำ
3.ซิวข้างขวานใหญ่
ชื่อวิยาศาสตร์ Trigonostigma heteromorpha
ถิ่นกำเนิด พบทางภาคใต้ของไทยและคาบสมุทรมลายู
ขนาด 2.5 เซนติเมตร
อาหาร สัตว์น้ำขนาดเล็ก อาหารสำเร็จรูป
อุปนิสัย รักสงบ อยู่กับปลาเล็กชนิดอื่นได้ดี ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงบริเวณผิวน้ำหรือกลางน้ำ นิยมเลี้ยงในตู้ไม้น้ำ ออกลูกเป็นไข่
4.เสือเยอรมัน
ชื่อวิยาศาสตร์ Gymnocorymbus ternetzi
ถิ่นกำเนิด ปารากวัย อาร์เจนตินา
ขนาด 7.5 เซนติเมตร
อาหาร สัตว์น้ำขนาดเล็ก อาหารสำเร็จรูป
อุปนิสัย รักสงบ อาจก้าวราวกับปลาที่มีขนาดเล็กกว่ามาก ไม่ควรเลี้ยงรวมกับปลาดุร้ายหรือกินปลาเล็ก
5.รัมมี่โน้ส
ชื่อวิยาศาสตร์ Hemigrammus bleheri
ถิ่นกำเนิด โคลอมเบีย บราซิล
ขนาด 5 เซนติเมตร
อาหาร สัตว์น้ำขนาดเล็ก อาหารสำเร็จรูป
อุปนิสัย รักสงบ อยู่รวมกันเป็นฝูง ไม่เป็นอันตรายกับปลาขนาดเล็ก นิยมเลี้ยงในตู้ไม้น้ำ ออกลูกเป็นไข่
6.เซเป้
ชื่อวิยาศาสตร์ Hyphessobrycon eques
ถิ่นกำเนิด อุรุกวัย เปรู บราซิล โบลิเวีย อาร์เจนตินา
ขนาด 5 เซนติเมตร
อาหาร สัตว์น้ำขนาดเล็ก อาหารสำเร็จรูป
อุปนิสัย ก้าวร้าวกับปลาที่มีรูปร่างใกล้เคียงกัน ปลาขนาดเล็กหรือกับพวกเดียวกันเอง แต่ชอบอยู่กันเป็นฝูง
7.คาร์ดินัล
ชื่อวิยาศาสตร์ Paracheirodon axelrodi
ถิ่นกำเนิด โคลอมเบีย บราซิล เวเนซุเอลา
ขนาด 3.5 เซนติเมตร
อาหาร สัตว์น้ำขนาดเล็ก อาหารสำเร็จรูป
อุปนิสัย รักสงบ ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง นิยมเลี้ยงในตู้ไม้น้ำ
8.นีออน
ชื่อวิยาศาสตร์ Paracheirodon innesi
ถิ่นกำเนิด โคลอมเบีย บราซิล เปรู
ขนาด 3.5 เซนติเมตร
อาหาร สัตว์น้ำขนาดเล็ก อาหารสำเร็จรูป
อุปนิสัย รักสงบ อยู่รวมกันเป็นฝูง ไม่เป็นอันตรายกับปลาขนาดเล็กชนิดอื่น นิยมเลี้ยงในตู้ไม้น้ำ ออกลูกเป็นไข่
9.หางนกยูง
ชื่อวิยาศาสตร์ Poecilia reticulata
ถิ่นกำเนิด บราซิล ตรินิแดด โตเบโก บาร์เบโดส กายอานา เวเนซุเอลา
ขนาด 5 เซนติเมตร
อาหาร สัตว์น้ำขนาดเล็ก อาหารสำเร็จรูป
อุปนิสัย รักสงบ ไม่เป็นอันตรายกับปลาขนาดเล็กชนิดอื่น ไม่ควรเลี้ยงรวมกับปลาก้าวร้าวหรือชอบตอดแทะปลาชนิดอื่น เพราะจะถูกทำร้ายจนครีบขาดหรือเป็นแผล ออกลูกเป็นตัว
10.สอดหางดาบ
ชื่อวิยาศาสตร์ Xiphophorus hellerii
ถิ่นกำเนิด เม็กซิโก ฮอนดูรัส เบลีซ
ขนาด 15 เซนติเมตร
อาหาร สัตว์น้ำขนาดเล็ก อาหารสำเร็จรูป
อุปนิสัย รักสงบ มีหลากหลายสี ตู้เลี้ยงควรมีฝาปิดเพื่อป้องกันการกระโดด ออกลูกเป็นตัว