เคล็ดลับการเลือกซื้อเครื่องดูดฝุ่น ให้ได้ตัวช่วยทำความสะอาดบ้านสุดเนี้ยบ
การเลือกซื้อเครื่องดูดฝุ่น

เคล็ดลับการเลือกซื้อเครื่องดูดฝุ่น ให้ได้ตัวช่วยทำความสะอาดบ้านสุดเนี้ยบไปครอบครอง

ตอนนี้คนหันมาใช้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นเพื่อช่วยทุ่นแรงและประหยัดเวลาทำงานบ้านกันมากขึ้น ขณะเดียวกันแบรนด์ต่างๆ ก็พัฒนาผู้ช่วยที่สุดแสนชาญฉลาดออกมามากมายจนเลือกไม่ถูก ครั้งนี้เรามีเคล็ดลับการเลือกหุ่นยนต์ดูดฝุ่นมาฝาก รับรองว่าทำความสะอาดได้เรียบร้อยกว่าเราลงมือทำเองเยอะ

1.เช็กฟังก์ชันการทำความสะอาด

ฟังก์ชันหลักๆ ของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นแทบทุกตัวคือสแกนพื้นที่การทำความสะอาด หลบหลีกสิ่งกีดขวางและมีแรงดูดที่ทรงพลัง แต่ตอนนี้เรารู้แล้วว่าแค่แรงดูดเพียงอย่างเดียวยังไม่สามารถเก็บกวาดฝุ่นโดยรอบได้หมด ลองพลิกดูที่ท้องเครื่องจะเห็นว่าบางรุ่นจะมีทั้งแปรงปัดด้านข้าง แปรงคู่ตักฝุ่นกลางเครื่องและช่องดูดขนาดใหญ่ ซึ่งจะทำงานเสริมกันเพื่อปัด ตัก และดูดสิ่งสกปรกได้อย่างละเอียดมากขึ้น

ถ้าหากจะเทียบให้เห็นภาพชัดขึ้นคือการแปรงคู่จะทำหน้าที่เหมือนช้อนและส้อม ซึ่งช่วยกันเก็บฝุ่นทำให้เก็บได้ละเอียดกว่า แต่ถ้าเป็นแปรงเดียวก็เหมือนเราใช้ช้อนเดียวตักข้าว กว่าจะหมดจานก็นานและอาจจะเก็บได้ไม่หมดด้วยซ้ำ ฉะนั้นถ้าว่ากันด้วยเรื่องความเนี้ยบ มีแปรงคู่ย่อมดีกว่าแน่นอน

2. มีเซ็นเซอร์ตรวจจับฝุ่นละออง

หลายคนอาจจะยังคิดว่าหลังจากใช้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นแล้วก็ต้องลงมือปัดกวาดด้วยตัวเองอีกรอบอยู่ดี จะอย่างไรหุ่นยนต์ก็คงไม่สามารถทำความสะอาดได้หมดจดเท่ามนุษย์ได้หรอก ตอนนี้อาจจะต้องคิดใหม่เพราะหุ่นยนต์ดูดฝุ่นเดี๋ยวนี้พัฒนาไปไกลถึงขั้นมี Dirt Detect Sensor เซ็นเซอร์แล้ว ซึ่งจะคอยตรวจจับฝุ่นละออง หากที่ไหนมีฝุ่นเยอะ หุ่นยนต์ก็จะทำความสะอาดซ้ำบริเวณนั้นเพิ่มมากขึ้นเพื่อให้สะอาดที่สุด

3. มีระบบ AI วิเคราะห์และแยกแยะเองได้

ปัจจุบันแบรนด์ต่างๆ เพิ่มความฉลาดให้กับหุ่นยนต์ดูดฝุ่นด้วยระบบ AI ซึ่งแต่ละรุ่นจะมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์แตกต่างกันออกไป บางรุ่นสามารถคำนวณพื้นที่และบันทึกแผนที่แต่ละห้องของบ้านได้ทั้งหลัง แต่บางรุ่นก็ไปไกลกว่านั้นมาก เช่น ระบบ AI ของหุ่นยนต์ดูดฝุ่น iRobot ที่นอกจากจะรู้ได้ว่าบริเวณไหนเป็นอย่างไรและต้องทำงานอย่างไรแล้ว ยังต้องรู้ว่าช่วงไหนสุนัขผลัดขน หรือช่วงไหนฝุ่นเยอะ หุ่นยนต์จะแนะนำเพื่อออกมาทำความสะอาดบ่อยขึ้น โดยเฉพาะในยุคนี้ที่เราเผชิญกับทั้งฝุ่นละอองและ PM 2.5 จึงต้องพิจารณาฟังก์ชันนี้มากขึ้น

4. บริการหลังการขาย

หุ่นยนต์ดูดฝุ่นยิ่งฉลาดแค่ไหนก็ยิ่งมีระบบภายในที่ซับซ้อน ฉะนั้น บริการหลังการขายจึงเป็นปัจจัยอย่างหนึ่งที่เราต้องพิจารณา หรือบางทีใช้ไปหุ่นยนต์เกิดขัดข้อง มีปัญหาต้องเคลมหรือซ่อม การซ่อมกับช่างหรือคนที่ผ่านการเทรนจากผู้ผลิตมีมาตรฐานย่อมดีกว่า

5. ชื่อเสียงของแบรนด์ที่เชื่อถือได้

อย่างที่บอกไปแต่แรกว่าปัจจุบันมีหุ่นยนต์ดูดฝุ่นออกมาให้เลือกมากมายตั้งแต่ราคาหลักร้อยปลายๆ ไปจนถึงหลักหมื่น ซึ่งเราสามารถเลือกซื้อให้พอดีกับการใช้งานและงบประมาณได้ ซึ่งเพื่อให้มั่นใจได้ว่าเงินที่จ่ายไปนั้นจะได้ผลิตภัณฑ์ที่คุ้มค่ากลับมา อย่าลืมพิจารณาความน่าเชื่อถือของแบรนด์ด้วย ถึงจะเห็นว่าบางแบรนด์ราคาอาจจะสูงสักหน่อย  และซื้อทั้งทีใช้งานนานเป็น 10 ปีคุ้มกว่าซื้อผลิตภัณฑ์ที่ราคาถูกแต่ไม่ได้มาตรฐานอย่างแน่นอน