10 Checklists ติดโซลาร์รูฟอย่างไรให้คุ้มค่าระยะยาว

ใครๆก็รู้ว่าติดโซลาร์รูฟแล้วดี ช่วยประหยัดค่าไฟได้มาก แต่ก็เป็นการลงทุนเงินก้อนด้วยเช่นกัน ดังนั้นก่อนตัดสินใจติดตั้ง จึงควรศึกษาข้อมูลทั้งการทำงานของระบบโซลาร์รูฟ ตัวผลิตภัณฑ์ บริการ รวมถึงบริษัทผู้ติดตั้ง แต่ในท้องตลาดก็มีให้เลือกมากมายจนเลือกไม่ถูก เราจึงรวม 10 Checklists ก่อนการติดตั้งโซลาร์รูฟ สำหรับเป็นข้อพิจารณาเพื่อช่วยตัดสินใจ เพราะโซลาร์รูฟจะติดอยู่กับบ้านเราไปอีกนาน จึงต้องเลือกอย่างรอบคอบและมีความคุ้มค่าที่สุด

1. ไลฟ์สไตล์ขณะอยู่บ้านและการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า

จุดประสงค์ส่วนใหญ่ของการติดตั้งโซลาร์รูฟก็คือเพื่อช่วยประหยัดค่าไฟ ดังนั้นเราต้องกลับมาดูสาเหตุกันก่อนว่าทำไมจึงมีการใช้ไฟฟ้าในปริมาณมาก ซึ่งพบว่าส่วนใหญ่เราจะจ่ายค่าไฟไปกับการใช้เครื่องปรับอากาศมากที่สุด โดยเฉพาะการเปิดในตอนกลางวันที่อุณหภูมิภายนอกสูงมากก็ยิ่งเปลืองไฟมากขึ้น ดังนั้นหากช่วงกลางวันมีคนอยู่บ้านเป็นประจำ เช่น มีผู้สูงอายุ สัตว์เลี้ยง ผู้ป่วยติดเตียง หรือทำงานในลักษณะ Work from home และมีการใช้เครื่องปรับอากาศ การติดตั้งโซลาร์รูฟก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง

2. ค่าไฟต่อเดือน

การติดตั้งโซลาร์รูฟก็ควรพิจารณาค่าไฟฟ้าในแต่ละเดือน หากมีค่าไฟเกิน 3,000 บาทต่อเดือน ก็ถือว่าคุ้มค่าต่อการติดตั้งโซลาร์รูฟ ทั้งยังควรพิจารณาการคืนทุนประกอบด้วย โดย SCG Solar Roof Solutions จะสามารถช่วยลดค่าไฟได้สูงสุดถึง 60% ต่อเดือน และคืนทุนได้ภายใน 7-10 ปี แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้ไฟ สถานที่ติดตั้ง และขนาดระบบที่ติดตั้งของบ้านแต่ละหลังร่วมด้วย ถือว่าเป็นระยะเวลาที่สั้นมากเมื่อเทียบกับอายุการรับประกันแผงโซลาร์ของ SCG Solar Roof Solutions ที่นานถึง 25 ปี

3. ความน่าเชื่อถือของบริษัท

เมื่อผ่านเกณฑ์ 2 หัวข้อข้างต้นแล้ว ลำดับถัดมาคือ การเลือกบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือสูง ซึ่งสามารถพิจารณาได้หลายประการ เช่น อายุของบริษัท วิสัยทัศน์ของผู้บริหาร รีวิวจากลูกค้าที่ติดตั้งไปแล้ว หรือเข้าไปคุยกับเจ้าหน้าที่ที่โชว์รูม หากเป็นบริษัทระดับประเทศที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ก็สามารถเข้าไปดูผลประกอบการแต่ละไตรมาสเพื่อพิจารณาความน่าเชื่อถือ ซึ่งการติดตั้งโซลาร์รูฟจะมีการรับประกันมากกว่าสิบปีขึ้นไป ดังนั้นการเลือกติดตั้งกับบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ ก็จะมั่นใจได้ว่าบริษัทจะอยู่ให้บริการตลอดอายุการรับประกัน

4. ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพสูง

คุณภาพของแผงโซลาร์ดูได้จากการวัดคุณภาพของโรงงานผู้ผลิตและคุณสมบัติของแผงโซลาร์ ซึ่งแบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่ Tier 1, Tier 2, Tier 3 โดย Tier 1 นั้นจะเป็นระดับที่มีคุณภาพสูงสุด และต้องผ่านการพิจารณาหลายปัจจัย อาทิ ด้านประสิทธิภาพของวัสดุที่ผลิต ความยั่งยืนและความน่าเชื่อถือของบริษัทผู้ผลิตที่ต้องมีประสบการณ์มากกว่า 5 ปี มีนโยบายการลงทุนวิจัยและพัฒนาแผงของบริษัทผู้ผลิต ตลอดจนการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิต โดย SCG Solar Roof Solutions ใช้แผงโซล่าร์แบบ Monocrystalline ระดับ Tier 1 ด้วยเทคโนโลยีการผลิตจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งสามารถผลิตไฟได้  535 วัตต์ โดยแผง Monocrystalline มีลักษณะเป็นเซลล์แบบผลึกเดี่ยวที่ผลิตจากซิลิคอนบริสุทธิ์ จึงทำให้แผงโซล่าร์มีประสิทธิภาพสูงสุด จึงมั่นใจได้ถึงคุณภาพ ความปลอดภัย และอายุการใช้งานที่รับประกันถึง 25 ปีแบบหายห่วง

5. ระบบที่ติดตั้งและการขายไฟคืนให้การไฟฟ้า

คุ้มสองต่อไปเลยกับการติดตั้งโซลาร์รูฟที่นอกจากจะช่วยประหยัดค่าไฟทุกเดือนแล้ว ยังสามารถขายไฟคืนกับการไฟฟ้าได้อีกด้วย ซึ่ง SCG Solar Roof Solutions เป็นแบบออนกริด (On Grid) เหมาะสำหรับบ้านที่มีการใช้ไฟฟ้าช่วงกลางวัน และสามารถขายไฟคืนให้การไฟฟ้าได้ จึงคุ้มทุนเร็วโดยรัฐบาลมีโครงการโซลาร์ภาคประชาชนปี 2564สำหรับบ้านพักอาศัย โดยการไฟฟ้ารับซื้อไฟคืนที่ 2.20 บาท โดยจะต้องยื่นเรื่องต่อการไฟฟ้า ซึ่ง SCG มีบริการดำเนินการยื่นเอกสารกับทางการไฟฟ้าให้ทั้งหมด เนื่องจากขั้นตอนการจำหน่ายคืนนั้นต้องได้รับการตรวจสอบและการติดตั้งจากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง

6. มีบริการแบบ One Stop Service

การติดตั้งโซลาร์รูฟนั้นมีขั้นตอนไม่น้อยเลย อีกทั้งต้องติดต่อกับหน่วยงานของภาครัฐถึง 3 หน่วยงานซึ่งอยู่คนละที่กัน แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว SCG Solar Roof Solutions เข้าใจเจ้าของบ้านดี จึงมีบริการแบบ One Stop Service โดยจะเป็นผู้ดำเนินการขอเอกสารกับภาครัฐให้ตลอดทั้งกระบวนการ ตั้งแต่การเข้ามาประเมินความแข็งแรงของโครงสร้างหลังคาและชนิดของหลังคา (Roof Health Check) โดยผู้เชี่ยวชาญจาก SCG ซึ่งหากมีข้อจำกัดด้านใดก็พร้อมแนะนำ และเสนอแนวทางการแก้ปัญหาของหลังคาก่อนการติดตั้ง เพื่อให้ติดตั้งโซลาร์รูฟได้อย่างปลอดภัยและผลิตไฟฟ้าได้คุ้มค่าสูงสุด

7. เช็กพื้นที่รอบบ้านไม่บังการทำงานของโซลาร์รูฟ

บริบทโดยรอบมีผลต่อการรับแสงแดดของแผงโซลาร์ ซึ่งอาจผลิตไฟฟ้าได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ดังนั้นก่อนการติดตั้งควรสำรวจรอบบ้านว่ามีเงาของต้นไม้ใหญ่ อาคารสูง หรือบ้านข้างเคียงในทางทิศใต้และทิศตะวันตก ที่มาบดบังแสงแดดในแต่ละฤดูหรือไม่ เพื่อให้ทางผู้ติดตั้งจะได้พิจารณาการติดตั้งโซลาร์รูฟในตำแหน่งที่ดีที่สุดให้กับคุณ

8. วิธีการติดตั้งที่ไม่กระทบโครงสร้าง

หลายคนกังวลว่าการติดตั้งโซลาร์รูฟอาจทำให้หลังคาเดิมมีโอกาสรั่วซึมในระยะยาว SCG Solar Roof Solutions จึงออกแบบการติดตั้งด้วย Solar FIX ซึ่งไม่จำเป็นต้องเจาะกระเบื้องหลังคา เป็นสิทธิบัตรเฉพาะจากทาง SCG สามารถติดแผงโซลารบนหลังคาได้อย่างรวดเร็ว หมดห่วงเรื่องทำให้หลังคาร้าวหรือรั่วได้ตลอดอายุการใช้งาน โดยสามารถติดตั้งบนหลังคาได้ทุกประเภท ยกเว้นหลังคากระเบื้องดินเผา กระเบื้องยางมะตอย ไฟเบอร์ซีเมนต์ และต้องมีความลาดเอียงไม่เกิน 40 องศา โดยมีผู้เชี่ยวชาญเข้าประเมินหน้างาน

9. บริการหลังการขายและการรับประกัน

โซลาร์รูฟมีอายุการใช้งานยาวนาน จึงควรเลือกบริษัทที่มีบริการหลังการขายที่ดี โดยทาง SCG มีบริการหลังการขายที่จะคอยดูแลให้คำแนะนำตรวจเช็กระบบ มีรับประกันแผงโซลาร์และประสิทธิภาพการผลิตไฟ (Product & Performance) 25 ปี พร้อมการรับประกันการติดตั้ง 3 ปี และรับประกัน Inverter 10 ปี นอกจากนั้นยังมีบริการล้างแผงโซลาร์ปีละครั้งต่อเนื่อง 3 ปี เพื่อให้คงประสิทธิภาพสูงสุดตลอดการใช้งาน

10. มี Application ดูการทำงานของโซลาร์รูฟได้ด้วยตัวเอง

ตรวจสอบการทำงานของโซลาร์รูฟได้ง่ายดายด้วยปลายนิ้ว ทั้งปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้และค่าไฟฟ้าที่ประหยัดได้แบบทั้งรายวัน รายเดือน และรายปีได้ด้วย SCG Solar Roof Solutions  Application บนมือถือได้แบบ RealTime ที่รองรับทั้งระบบ iOS และ Android

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ www.scgbuildingmaterials.com/th/solution/solar-roof หรือ หน้าร้าน SCG HOME Experience, SCG Home Solution, SCG Roofing Center และ SCG Home บุญถาวร ทั่วประเทศ สามารถโทรสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ SCG HOME Contact Center 02-586-2222