เดอะ ฟอเรสเทียส์ กวาดหลากหลายรางวัลระดับโลก ด้านคุณภาพและนวัตกรรม - บ้านและสวน

เดอะ ฟอเรสเทียส์ กวาดหลากหลายรางวัลระดับโลก ด้านคุณภาพและนวัตกรรม

เรารู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมากที่ เดอะ ฟอเรสเทียส์ ได้รับการยอมรับบนเวทีระดับโลก และเราก็รู้สึกภูมิใจด้วยที่ทรัพยากรมหาศาลที่เราทุ่มเทลงไปเพื่อคุณภาพของ เดอะ ฟอเรสเทียส์ เป็นสิ่งที่เจ้าของบ้านและคนทั่วไปมองเห็นคุณค่าและเห็นด้วยว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

นายกิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ผู้อำนวยการโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ โดย MQDC

วันนี้ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) หนึ่งในบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย ประกาศว่า ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’  โครงการอสังหาริมทรัพย์แบบมิกซ์ยูส พื้นที่ 398 ไร่ บนถนนบางนาตราด กม.7 ได้รับการยอมรับและยกย่องในเรื่องของความโดดเด่นของโครงการ โดยได้รับคัดเลือกให้ได้รับรางวัลระดับโลกกว่า 42 รางวัลทางด้านคุณภาพและนวัตกรรม โดยพร้อมกันนี้ เผยยอดขายโครงการที่พักอาศัยต่างๆ ในเดอะ ฟอเรสเทียส์ ณ สิ้นเดือนมกราคม 2565 ทะลุ 17,200 ล้านบาท

เดอะ ฟอเรสเทียส์ เป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของภาคเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มูลค่า 125,000 ล้านบาท ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกที่กำลังเติบโต โดยภายใน เดอะ ฟอเรสเทียส์ ประกอบด้วยพื้นที่ธรรมชาติขนาดใหญ่ ที่อยู่อาศัยภายใต้แบรนด์ต่างๆ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง และความหลากหลายของช่วงอายุ ตลอดจนมีองค์ประกอบพื้นที่เชิงพาณิชย์ และพื้นที่ส่วนกลางจำนวนมากที่มุ่งเน้นส่งเสริมเรื่องการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดีและการมีสิ่งแวดล้อมที่มีคุณภาพ

นายกิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ผู้อำนวยการโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ โดย MQDC กล่าวว่า “เรารู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมากที่ เดอะ ฟอเรสเทียส์ ได้รับการยอมรับยกย่องบนเวทีระดับโลก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเราก็ยังรู้สึกภูมิใจด้วยที่ได้รับการตอบรับและการสนับสนุนที่ดีจากเจ้าของบ้านรายใหม่ๆ ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติจากทั่วโลก ที่มองเห็นว่าโครงการของเราให้ความสำคัญเป็นอย่างมากกับการใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดียิ่งขึ้น ตลอดจนความยั่งยืนในเรื่องของการออกแบบและการเลือกใช้วัสดุต่างๆ ภายใน เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่าเราได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องในการทุ่มเททุกอย่างและลงทุนอย่างหนักเพื่อคุณภาพ (Quality) ความยั่งยืน (Sustainability) และการทำให้โครงการอยู่ได้เป็นอย่างดีในทุกสถานการณ์ (Resilience)”

นอกจากนี้ เดอะ ฟอเรสเทียส์ ยังได้รับ 3 รางวัลจากงาน International Design Awards ครั้งที่ 15 โดยได้รับการยอมรับในด้านนวัตกรรมทางสถาปัตยกรรมของโครงการ ประกอบด้วยรางวัล Gold Award ด้าน Urban Design, รางวัล Silver Award ด้าน Sustainable Living and Green Design และรางวัลชมเชยสำหรับ ฟอเรสต์ พาวิลเลียน โดยเป็นการรวบรวมผลงานจากกว่า 80 ประเทศ ซึ่งเดอะ ฟอเรสเทียส์ เป็นโครงการหนึ่งเดียวจากประเทศไทยที่ได้รับรางวัลในปีนี้

ในบรรดาเวทีและสถาบันต่างๆ ที่มอบรางวัลให้ เดอะ ฟอเรสเทียส์ จำนวนหนึ่งในนั้นคือ Outstanding Property Award London, International Property Awards, International Federation of Landscape Architects, Muse Design Awards, Dot Property Award, Eldercare Innovation Awards และ Asian Property Awards

นอกจากรางวัลการออกแบบโดยรวมของ เดอะ ฟอเรสเทียส์ ที่ได้รับการยกย่องแล้ว องค์ประกอบที่หลากหลายอื่นๆ ภายใน เดอะ ฟอเรสเทียส์ ยังได้รับรางวัลในด้านการออกแบบและด้านอื่นๆ ด้วยเช่นเดียวกัน อาทิ ที่อยู่อาศัยแบรนด์ ‘มัลเบอร์รี โกรฟ’, คอนโดมิเนียมแบรนด์ ‘มัลเบอร์รี โกรฟ’, คอนโดมิเนียมแบรนด์ ‘วิสซ์ดอม’, ที่อยู่อาศัยแบรนด์ ‘ดิ แอสเพน ทรี’, ที่อยู่อาศัยแบรนด์ ‘ซิกส์เซนส์’ และ Family Center และหนึ่งในองค์ประกอบในโครงการ ที่ได้รับรางวัลมากที่สุดคือ ฟอเรสต์ พาวิลเลียน ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางของโครงการ ได้รับการออกแบบโดย Foster+Partners และ DT Design และได้ประกาศเปิดตัวและเปิดให้เข้าชมไปล่าสุด เมื่อไม่นานมานี้ 

นายกิตติพันธุ์ กล่าวว่า เดอะ ฟอเรสเทียส์ ถูกมองว่าเป็น “โครงการเมืองที่ทุกอย่างทุกมิติได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ และส่งเสริมให้สมาชิกในครอบครัวจากหลากหลายเจเนอเรชั่นได้มาอยู่ใกล้ชิดกันอย่างลงตัว โดยเราตั้งใจให้ เดอะ ฟอเรสเทียส์ เป็นโครงการโชว์เคส ที่ไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ทำให้เกิดขึ้นจริงได้ในแง่ของการออกแบบและการก่อสร้างเท่านั้น แต่เรายังคาดหวังด้วยว่า เดอะ ฟอเรสเทียส์ จะแสดงให้เห็นว่ามีความต้องการที่อยู่อาศัยยุคใหม่ จากผู้ซื้อบ้านรายใหม่ๆ อย่างแท้จริง ทั้งนี้ ปัจจุบันโครงการขายไปแล้วกว่า 40% ของจำนวนที่อยู่อาศัยทั้งหมด ทุกโครงการใน เดอะ ฟอเรสเทียส์”

เดอะ ฟอเรสเทียส์ ประกอบไปด้วยที่อยู่อาศัยหลากหลายรูปแบบ มีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ประมาณ 5 ล้านบาท ไปจนถึงกว่า 250 ล้านบาท ทั้งนี้องค์ประกอบต่างๆ ภายในโครงการมีกำหนดสร้างเสร็จภายในปี พ.ศ. 2567