10 “พรรณไม้หอม” ปลูกแล้ว หอมมมม…
6 . การเวก
การเวกไม้เลื้อยเนื้อแข็งขนาดใหญ่ กิ่งก้านมีขนทอดเลื้อยไปไกล 5 – 10 เมตร ยอดอ่อนสีเขียว ไม่มีขน ใบรูปไข่กลับ กว้าง 4 – 5 เซนติเมตร ยาว 13 – 15 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบมน แผ่นใบบางและเหนียวสีเขียวเข้ม เส้นกลางใบมีขนทั้งด้านบนและด้านล่าง ดอกเดี่ยวหรือเป็นกระจุก มี 1 – 3 ดอก ออกตามซอกใบกลีบเลี้ยงสีเขียวรูปไข่ ปลายกระดกขึ้น กลีบดอกสีเขียว มี 6 กลีบ ไม่เชื่อมติดกัน รูปรีปลายแหลม เรียงสลับกัน 2 ชั้น ๆ ละ 3 กลีบ กลีบดอกชั้นนอกเล็กกว่ากลีบชั้นใน เมื่อบานเต็มที่เปลี่ยนเป็นสีเหลือง มีกลิ่นหอม ดอกคล้ายกระดังงาจีน ต่างกันที่ขนาดเล็กกว่า แสงแดดเต็มวัน ด้วยความที่ว่ากลิ่นหอมของดอกการเวกนั้นหอมแรงหอมนาน คนโบราณจึงนิยมนำดอกไปอบผ้า
กลิ่น หอมแรง
ช่วงเวลา พลบค่ำ-เช้า
ออกดอก ตลอดปี (ดอกดก ช่วงเดือนมีนาคม )
7 . ชมนาด
ชมนาด พรรณไม้หอมประเภทไม้เลื้อยเนื้อแข็งขนาดกลาง เลื้อยได้ไกล 5 – 10 เมตร ใบออกตรงข้าม รูปไข่แกมรูปรี ปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบใบเรียบ แผ่นใบสีเขียวสดเป็นมัน ดอกออกเป็นช่อกระจุกตามซอกใบและปลายกิ่ง ดอกย่อยจำนวนมากคล้ายรูประฆังคว่ำ กลีบเลี้ยงสีเขียวอ่อน กลีบดอกสีขาว โคนกลีบสีเขียวอ่อนเชื่อมติดกัน มีกลิ่นหอมคล้ายข้าวใหม่ผสมใบเตย บาน 1-2 วันแล้วร่วงน้ำปานกลาง แดดเต็มวัน เหมาะปลูกในสวนแบบไทย ๆ ในอดีตนิยมนำดอกมาอบน้ำทำข้าวแช่ ลอยน้ำ แป้งร่ำและเครื่องหอม
กลิ่น หอมอ่อน
ช่วงเวลา พลบค่ำ-เช้า
ออกดอก ช่วงเดือนมกราคม – มิถุนายน (ดอกดก ช่วงเดือนเมษายน)
8 . สร้อยฟ้า
สร้อยฟ้า ไม้เถาเลื้อยเนื้อแข็งขนาดใหญ่ อายุหลายปี ยอดเลื้อยได้ไกล 5 – 10 เมตร มีมือเกาะออกตามซอกใบ ลำต้นเป็นเหลี่ยม ใบเดี่ยวรูปนิ้วมือ เว้าลึกเป็น 3 พู ขนาด 7-10 เซนติเมตร ยาว 7-10 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบเว้า ขอบใบจักฟันเลื่อยตื้นๆ แผ่นใบหนาสีเขียว ดอกเดี่ยวออกตามซอกใบ ดอกทรงกลมห้อยลง กลีบเลี้ยงสีเขียว 5 กลีบลู่ไปทางด้านหลัง โคนเชื่อมติดกัน 5 กลีบดอกสีครีม ปลายสีขาว รูปขอบขนาน มีรยางค์ลักษณะเป็นเส้นสีม่วง โคนและปลายสีครีมเรียงเป็นวงในสุดแสงแดดเต็มวัน นิยมใช้ทำซุ้มไม้เลื้อย ดอกใช้แต่งกลิ่นอาหารได้ หรือนำมาลอยน้ำเพื่อตกแต่งบ้านก็ได้
กลิ่น หอมแรง
ช่วงเวลา ตลอดวัน
ออกดอก ตลอดปี (ดอกดก ช่วงหน้าฝน)
9 . ราชาวดี
ราชาวดี ไม้พุ่มรอเลื้อยขนาดกลาง สูง 1-3 เมตร ทรงพุ่มมีลักษณะโปร่ง เรียบเกลี้ยงสีเทา กิ่งก้านเมื่อยังอ่อนเป็นเหลี่ยมและมีขน ด้วยความที่ลำต้นอ่อนลู่ลมได้ง่ายจึงควบคุมรูปทรงได้ยาก เพราะฉะนั้นต้นราชาวดีจึงไม่เหมาะกับสวนประดิษฐ์ ใบของต้นราชาวดีเดี่ยว ออกตรงข้าม รูปไข่แกมรูปรีถึงรูปใบหอก ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบหยักมน ส่วนหลังใบมีสีเขียว ท้องใบเป็นสีเงิน ระคายมือ เส้นใบนูนเด่นชัดทางด้านล่าง ดอกออกเป็นช่อกระจุกแยกแขนงที่ปลายกิ่ง ทยอยบานตั้งแต่โคนถึงปลายช่อดอก ใช้เวลาประมาณ 7 – 10 วัน ดอกบานวันเดียวแล้วโรย มีทั้งดอกสีขาวและสีม่วง แต่ดอกสีม่วงใหญ่กว่าสีขาว น้ำปานกลาง แดดเต็มวัน แต่ถ้าปลูกในที่ร่มรำไรลำต้นจะยืดยาวและไม่ค่อยออกดอก
กลิ่น หอมแรง
ช่วงเวลา ตลอดวัน (ดึกๆ ยิ่งหอมแรง)
ออกดอก ตลอดปี
10 . กันเกรา
กันเกรา เป็นพรรณไม้หอมประเภทไม้ยืนต้น มีความสูงประมาณ 8 – 25 เมตร ลักษณะทรงพุ่มเรือนยอดรูปไข่ พุ่มแน่นทึบ ลำต้นเปลือกต้นสีน้ำตาลเข้ม แตกเป็นร่องลึก ใบเดี่ยวเรียงตรงข้ามรูปรีหรือรูปขอบขนาน กว้างประมาณ 2.5 – 3.5 เซนติเมตร ยาว 8 – 11 เซนติเมตร สีเขียวเข้มเป็นมัน ปลายใบแหลม โคนใบสอบ แผ่นใบสีเขียวเป็นมัน ดอกออกเป็นช่อกระจุกที่ปลายยอด แต่ละช่อมี 15 – 25 ดอก เมื่อเริ่มบานดอกสีขาว จากนั้นเปลี่ยนสีเหลือง ดอกรูปแตร ปลายแยกเป็น 5 กลีบน้ำปานกลาง ทนต่อน้ำท่วมขังได้ แสงแดดตลอดวัน
กลิ่น หอมเย็น
ช่วงเวลา ตลอดวัน
ออกดอก ช่วงเดือนเมษายน – มิถุนายน (หรืออาจยาวถึงต้นหนาว)
เรื่อง-เรียบเรียง : บ.
เป็นเพื่อนกันเราได้ใน Line@ : https://line.me/R/ti/p/%40slo7204x