ครัวทำขนม ที่ดีควรเป็นแบบไหน

ครัวทำขนมที่ดีควรเป็นแบบไหน

1. ชอบแบบเย็นๆ

วัตถุดิบในการทำขนมส่วนใหญ่มักละลายได้ง่าย เช่น เนย ช็อกโกแลต ครีม ดังนั้นอุณหภูมิโดยรวมของห้องควรจะอยู่ที่ประมาณ 25 องศาเซลเซียส ครัวทำขนมจึงควรเป็นครัวปิดกั้นเป็นห้องและติดเครื่องปรับอากาศ รวมถึงวัสดุกรุท็อปเคาน์เตอร์ควรมีลักษณะเรียบและเก็บความเย็นได้ดี เช่น หินอ่อน สเตนเลส และกระเบื้องโฮโมจีเนียส

2. โต๊ะเตรียม…เตรียมพร้อม

การเตรียมวัตถุดิบก่อนทำขนมมักมีส่วนผสมไม่น้อย ไหนจะต้องชั่ง ตวง และเตรียมการต่างๆ จึงจำเป็นต้องใช้พื้นที่ที่นอกเหนือจากท็อปครัวปกติ ควรเป็นโต๊ะเสริมที่สูงเท่ากับเคาน์เตอร์ ประมาณ 85 – 90 เซนติเมตร กว้างอย่างน้อย 80 เซนติเมตร ถ้าพื้นที่เล็กอาจเลือกรุ่นที่มีล้อหรือสามารถพับเก็บได้ เพื่อช่วยเคลื่อนย้ายไปมาได้สะดวก

ครัวทำขนม โต๊ะเตรียมวัตถุดิบ
สถานที่ : Bake Ministry

3. เตาอบ เผื่อไว้สำหรับอนาคต

หากมีแนวโน้มว่าจะทำเบเกอรี่หรือขนมจริงจัง ควรเตรียมเตาอบคุณภาพดีและความจุพอเหมาะไว้สักเครื่องดีกว่ามาหาซื้อเพิ่มเติมในภายหลัง เพราะนอกจากไม่ลงตัวกับพื้นที่ครัวแล้ว อาจมีปัญหาติดตั้งตำแหน่งปลั๊กไฟหรือแก๊สภายหลัง ที่สำคัญ ควรพิจารณาเรื่องฟังก์ชันของเครื่องว่ามีไฟบน – ไฟล่างหรือไม่ หรือมีทั้งสองประเภทเพื่อให้ครอบคลุมกับการทำขนม โดยแยกประเภทของเตาอบได้ 3 ชนิด ได้แก่

– เตาอบไฟฟ้า เหมาะกับครอบครัวที่นานๆทำขนมสักครั้ง เพราะดูแลรักษาและใช้งานได้ง่ายกว่า อุณหภูมิคงที่กว่าเตาอบแก๊ส แต่เปลืองไฟมากกว่า ถ้าครัวมีพื้นที่จำกัดอาจเลือกเตาอบขนาดเล็กฝังไปกับเฟอร์นิเจอร์บิลท์อินได้ โดยควรออกแบบช่องให้มีความสูงจากพื้นประมาณ 0.95 – 1 เมตร และเตรียมปลั๊กไฟไว้ด้านหลังให้พร้อมด้วย

– เตาอบแก๊ส ควรดูที่หัวเตาแก๊สด้านในว่าเป็นประเภทใช้ไฟบน – ไฟล่าง ไฟซ้าย – ไฟขวา หรือทั้งบนและล่าง โดยขึ้นอยู่กับประเภทของขนมที่จะทำ สำหรับมือใหม่ แนะนำให้เลือกความจุประมาณ 40 ลิตร ซึ่งไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป เตาอบด้วยแก๊สมีข้อดีคือ ราคาถูกและประหยัดพลังงานกว่า แต่สำหรับมือใหม่หัดทำอาจยุ่งยากในการใช้งาน และอุณหภูมิไม่คงที่

– เตาอบแก๊สควบคุมด้วยไฟฟ้า ทั้งประหยัดแก๊สและให้อุณหภูมิสม่ำเสมอกว่าเตาอบแก๊ส แต่มีราคาแพงและเครื่องมีขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับใช้ในร้านเบเกอรี่ขนาดใหญ่มากกว่า

ครัวทำขนม เตาอบ

4. ตู้เย็นขนาดกำลังดี

เป็นสิ่งจำเป็นถ้าคิดจะทำเบเกอรี่ เพราะวัตถุดิบส่วนใหญ่มักแช่เย็นเพื่อไม่ให้ละลาย ซึ่งอาจไม่จำเป็นต้องซื้อตู้แช่แข็งก็ได้ เพราะกินไฟและเกินความต้องการ อาจเลือกใช้ตู้เย็นที่มีขนาดใหญ่ขึ้น มีช่องเปิด 2 – 3 ประตู เพื่อแยกเก็บความเย็นได้หลากหลายและมีพื้นที่เก็บใหญ่ขึ้น แต่ต้องระวังอาหารมีกลิ่น ควรแยกและเก็บให้มิดชิด เพื่อกันกลิ่นอาหารที่อาจเข้าไปผสมกับส่วนผสมต่างๆได้ สำหรับสมาชิกในบ้านประมาณ 2 – 4 คนควรเลือกตู้เย็นขนาด 4 – 6.5 คิว

ครัวทำขนม ตู้เย็น SMEG

5. เก็บอุปกรณ์สะดวกใช้…หาง่ายๆ

นอกจากอุปกรณ์ทำขนมขนาดใหญ่แล้ว อุปกรณ์เล็กๆน้อยๆอย่างไม้พาย ตะกร้อมือ ที่ร่อนแป้ง พายพลาสติก แปรงทาเนย ควรเก็บไว้ในที่แห้งสะอาดและหยิบใช้งานได้ง่าย แบ่งช่องตามขนาดหรือประเภทใช้งาน เช่น ในลิ้นชัก หรือเก็บใส่กล่องพลาสติกใส ส่วนที่ใช้บ่อยๆควรวางไว้ที่เดียวกัน จะได้หาง่าย อาจแขวนหรือหาชั้นวางใกล้ๆมือ

ครัวทำขนม ตู้เก็บอุปกรณ์ ชั้นเก็บอุปกรณ์

ไอเดียแนะนำก่อนตกแต่งครัวทำขนม

  • โทนสี ครัวเบเกอรี่ควรจะเป็นห้องโทนสีสะอาด เช่น เขียวอ่อน ขาวนวล สีเปลือกไข่ไก่ เพื่อให้ห้องดูสะอาด และเห็นสิ่งสกปรกได้ชัดเจน
  • กลิ่น สำหรับการทำขนมอาจไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องดูดควัน เพราะกลิ่นไม่ฉุนเหมือนทำอาหาร แต่ควรมีการระบายอากาศที่ดี อาจติดตั้งพัดลมดูดอากาศเครื่องเล็กๆเพียง 1 – 2 เครื่องก็พอ
  • การเก็บอุปกรณ์ เมื่อล้างอุปกรณ์ต่างๆเรียบร้อยแล้วควรผึ่งให้แห้งสนิท แล้วจึงเก็บใส่ในตู้หรือกล่องให้มิดชิด   
  • หมั่นทำความสะอาดทุกวัน พยายามรีบทำความสะอาดทันที ไม่ทิ้งให้เลอะเทอะ เพื่อลดปัญหามดและแมลงต่างๆ
  • แสงสว่าง พื้นที่ทำขนมควรมีแสงสว่างสม่ำเสมอและสว่างทั่วบริเวณ หรือเปิดให้มีแสงธรรมชาติเข้าบ้าง และควรใช้หลอดไฟที่ทำให้เห็นสีของอาหารไม่เพี้ยน เช่น หลอดฟลูออเรสเซนต์ประเภท Cool White

ครัวทำขนม ตู้เก็บอุปกรณ์ ชั้นเก็บอุปกรณ์

ครัวทำขนม อุปกรณ์ทำขนม

อุปกรณ์สำคัญในการทำขนมมีอะไรบ้าง

1. โต๊ะเตรียม ก่อนหน้านี้ที่อยู่บ้านเคยใช้โต๊ะกว้างประมาณ 80 x 80 เซนติเมตรก็พอ แต่ถ้าพอมีพื้นที่อาจเพิ่มให้ยาวขึ้นหน่อยก็ได้ ในแง่ของการใช้งานคิดว่าสเตนเลสเหมาะที่สุดค่ะ เพราะทำความสะอาดง่ายและทนทาน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับขนมที่ทำด้วย ถ้าเป็นขนมที่ต้องนวดแป้งหรือทำช็อกโกแลต ซึ่งจะต้องใช้งานบนโต๊ะ พื้นผิวควรจะเย็นอยู่ตลอดเวลา

2. ชามผสม สำหรับเตรียมวัตถุดิบในการทำขนม โดยเลือกขนาดให้เหมาะกับสัดส่วนของวัตถุดิบ เพื่อให้ประหยัดพื้นที่บนโต๊ะ จานกระเบื้องหรือชามแก้วก็ใช้ได้ แต่ถ้าใช้บ่อยๆ ชามสเตนเลสก็อาจเหมาะกว่า เพราะนอกจากล้างทำความสะอาดได้ง่ายแล้ว ยังแข็งแรง ตกไม่แตกด้วย

3. ตู้เย็น เพราะวัตถุดิบส่วนใหญ่ในการทำขนมต้องแช่เย็น เช่น ครีม นม เนย อาจเลือกใช้ตู้เย็นแบบทั่วไปก็เพียงพอ ซึ่งเก็บความเย็นได้ดีและประหยัดกว่าการใช้ตู้เย็นระดับอุตสาหกรรม

4. เครื่องชั่งดิจิทัล มีความเที่ยงตรงกว่าการใช้ถ้วยตวงหรือช้อนตวง เพราะบางทีอาจตวงไม่เท่ากัน ตามบ้านเดี๋ยวนี้ก็ใช้แบบนี้กันนะคะ วัดปริมาณของส่วนผสมได้ค่อนข้างแม่น ทุกอย่างใช้เป็นกรัมหมด เพราะการทำขนมนั้น ถ้าผิดแล้วก็ผิดเลย

5. เครื่องปรับอากาศ มีผลในการทำขนม เพราะวัตถุดิบส่วนใหญ่อาจมีการละลาย เช่น ครีม เนย ดังนั้นควรติดตั้งเครื่องปรับอากาศ และให้อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม ประมาณ 25 องศาเซลเซียส

6. อ่างล้างจาน ควรเป็นประเภท 2 ช่องจะดีกว่า เพราะสะดวกในการใช้งาน จะได้แยกส่วนที่เปื้อนออกได้ชัดเจนและไม่เปลืองน้ำมาก ส่วนก๊อกน้ำควรติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อน เพื่อช่วยขจัดความมันและคราบลื่นๆที่ล้างออกยาก

7. เครื่องผสมอาหาร หรือเครื่องตีไข่ ซึ่งในความเห็นคิดว่าอาจไม่จำเป็นมากก็ได้ แล้วแต่ประเภทของขนมที่ทำ ถ้าไม่ได้ทำเค้กแบบขึ้นฟูมากก็อาจใช้เครื่องตีไข่แบบมือจับแทนก็ได้

8. เตาอบ ก็แล้วแต่ประเภทของขนมที่จะทำ ซึ่งบางอย่างไม่จำเป็น เพราะอาจเป็นขนมที่ใช้แช่เย็น

9. อุปกรณ์ทำขนมต่างๆ เช่น พายยาง ตะกร้อมือ ฯลฯ

ครัวทำขนม ชามผสม

 

>>ชมไอเดียครัวทำอาหารที่ดีควรเป็นแบบไหนได้ที่นี่เลย<<

 

เรื่อง : รนภา นิตย์

ภาพ : ศุภกร ศรีสกุล, ฤทธิรงค์ จันทองสุข, คลังภาพบ้านและสวน

ภาพประกอบ : อาภาศรี มีมานะ