มองความงามผ่านเฟรมด้วยนวัตกรรมจาก TOSTEM
หากพูดถึงผลิตภัณฑ์ประตูหน้าต่างอะลูมิเนียม ชื่อแรกๆที่นึกถึงคงเป็น TOSTEM ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ประตูหน้าต่างอะลูมิเนียม จากประเทศญี่ปุ่นมานานเกือบร้อยปี ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็มีผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมต่าง ๆ ออกมาตอบโจทย์การใช้งานและการอยู่อาศัยเสมอมา
และสำหรับในปีนี้ในงานสถาปนิก’65 ทอสเท็มได้จัดงานแสดงโชว์ศักยภาพนวัตกรรมในรูปแบบ ‘Home Solution & Living Space’ โดยเนรมิตพื้นที่กว่า 162 ตารางเมตร เป็นบ้านสไตล์ญี่ปุ่นที่สามารถตอบโจทย์ทุกฟังก์ชั่นของผู้อยู่อาศัยในเทรนด์ Intergeneration เป็นครั้งแรก ภายใต้คอนเซ็ปต์ “FRAMING THE BEAUTY OF LIVING”
โดยในครั้งนี้ได้ คุณภากร มหพันธ์ สถาปนิกจาก M Space มาเป็นผู้ออกแบบพื้นที่ให้เป็นมากกว่าบูธแสดงสินค้า โดยจำลองบ้านแบบญี่ปุ่นที่มักออกแบบให้มีเทอเรซโอบล้อมบ้านไว้สำหรับออกมานั่งเล่นในวันที่อากาศดีหรืออยากใช้ชีวิตนอกบ้าน แล้วตัวบ้านแบ่งพื้นที่ออกเป็นสามส่วน ไล่ตั้งแต่พื้นที่เอ๊าต์ดอร์ที่ต้องการการเปิดโล่งมากที่สุด ถัดมาเป็นพื้นที่เซมิเอ๊าต์ดอร์ก่อนเข้าสู่ตัวบ้าน สำหรับฟังก์ชันถอดรองเท้า แขวนจักรยาน ส่วนนี้เน้นให้มีการระบายอากาศที่ดี กรุผนังด้วยแผ่นโพลีคาร์บอเนตช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าถึง และพื้นที่อินดอร์ส่วนในสุด สำหรับเป็นพื้นที่อยู่อาศัย
ภาพรวมที่ได้คือบ้านทรงกล่อง หลังคาหน้าจั่ว แบบเรียบง่ายมินิมัล ที่ดูโปร่งโล่ง แต่ยังมาพร้อมการใช้งานที่ผสานไปกับช่องเปิดแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นประตู หน้าต่าง หรือช่องแสงที่เหมาะกับการใช้งานในแต่ละพื้นที่ ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์การใช้ชีวิตของคนในรุ่นใหม่ ที่เน้นอยู่อาศัยในสเปซแบบโปร่งโล่ง เน้นพื้นที่ว่าง ที่สำคัญคือสามารถเชื่อมต่อไปกับธรรมชาติให้มากที่สุด ซึ่งธรรมชาติในทีนี้ไม่เพียงแต่หมายถึงต้นไม้หรือพื้นที่สีเขียว แค่เพียงแสงธรรมชาติและการได้มองออกไปเห็นท้องฟ้าแบบเต็มๆตาเท่านี้ก็ช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายได้ง่าย ๆ
หน้าต่างและประตูจึงเปรียบเสมือนกุญแจสำคัญที่เชื่อมผู้คนให้เข้ากับธรรมชาติ ทอสเท็มจึงให้ความสำคัญกับการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ดูสวยงาม เป็นเอกลักษณ์ ภายใต้แนวคิดเพื่อให้ทุกคนในครอบครัวสามารถใช้งานง่าย ที่เหมาะกับเทรนด์ครอบครัวแบบ Intergeneration (ครอบครัวทุกวัยและหลากหลายประเภท) มาพร้อมนวัตกรรมที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับการอยู่อาศัยให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น และที่ขาดไม่ได้เลยคือคุณภาพที่ได้มาตรฐานเหมือนกันในทุกชิ้น ด้วยความเคร่งครัดในการควบคุมมาตรฐานและการประกันคุณภาพ ตั้งแต่การผลิต การประกอบ การติดตั้ง เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยสามารถมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ทอสเท็มได้มาตรฐานสากลทั้ง JIS (Japanese Industrial Standards) และ ASTM (American Society for Testing and Materials)
ในงานนี้คุณจะได้สัมผัสกับผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง ATIS Series ที่มาพร้อมนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ซ่อนการทำงานของฟังก์ชันต่างๆ ภายใต้กรอบอะลูมิเนียมที่เพรียวบางเพียง 1.50 เซนติเมตร เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้เพลินเพลินกับการเชื่อมต่อภายในที่อยู่อาศัยกับธรรมชาติด้านนอกแบบไร้สิ่งกีดขวาง โดยมีจุดเด่นและฟังก์ชันพิเศษต่างๆ ดังนี้
- ATIS Tilt & Slide ครั้งแรกในตลาดกับการรวม 2 ฟังก์ชันการทำงานเข้าไว้ในหน้าต่างบานยก ที่นอกจากจะใช้งานง่ายแล้ว ยังปลอดภัย และเหมาะกับทุกคนในครอบครัว เหมาะกับบริเวณที่มีพื้นที่น้อยไม่สามารถเปิดบานหมุนได้ จะเป็นการเปิดเพื่อระบายอากาศในขั้นแรก หรือจะยกแบบครึ่งบานหากต้องการการระบายที่ดีขึ้น
- Operator Handle (มือจับชนิดก้านหมุน) นวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่เปลี่ยนการใช้งานมือจับให้สามารถใช้งานได้ง่าย ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ หมุนง่ายโดยไม่ต้องออกแรง
- Smart insect screen นวัตกรรมเกราะล่องหน ที่นอกจากจะช่วยป้องกันแมลงและมลพิษจากภายนอกแล้ว ยังช่วยให้อากาศระบายได้ดีขึ้น 20% รวมถึง โปร่งแสงขึ้น 40% ช่วยให้สามารถมองเห็นวิวภายนอกได้อย่างชัดเจน
- Remote controlled เพื่อให้การเปิด-ปิด หน้าต่างในที่สูงทำได้ง่าย ในผลิตภัณฑ์รุ่น ATIS นี้ สามารถสั่งการได้ผ่านแอพพลิเคชั่นในมือถือ ทั้งระบบ iOS และ Android
- L- Fit มือจับที่ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด L-Fit ที่หมายถึง พอดีกับการใช้ชีวิต ทั้งรูปทรงที่สวยงามสามารถกลมกลืนกับการตกแต่งได้ทุกรูปแบบ และเพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้เพลิดเพลินกับการใช้งานที่ง่ายและสะดวกสบาย
หรือจะเป็นรุ่น GRANTS Series ผลิตภัณฑ์รุ่นเรือธงจากทอสเท็ม ยกระดับมาตรฐานของกรอบประตูหน้าต่าง ด้วยนวัตกรรมดีไซน์กรอบเฟรมที่ออกแบบโดยใส่ใจทุกรายละเอียดเพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้สัมผัสขั้นสุดของความเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความหรูหรา สวยงาม เปิดมุมมองสู่ภายนอกแบบพาโนรามา
- GRANTS Sliding Door ความสูง5 เมตร รางเรียบ
- GRANTS Corner Sliding Door ประตูบานเลื่อนเข้ามุม
อีกหนึ่งความพิเศษของทอสเท็ม ประเทศไทยที่ต่างจากญี่ปุ่นคือการเป็นงานสั่งทำขึ้นใหม่ทั้งหมด 100% ซึ่งถ้าเป็นที่ญี่ปุ่นจะมีขนาดของบานกรอบที่มาตรฐานอย่าง 1.20×2.20 เพื่อใช้กับพื้นที่ที่ค่อนข้างจำกัด จึงมีขนาดของบานเป็นตัวกำหนดช่องเปิด แต่เพราะมองเห็นความเป็นไปได้และรูปแบบพื้นที่ที่แตกต่างกัน ที่ประเทศไทยจึงเป็นการสั่งทำตามออเดอร์ทั้งหมด ทำให้การออกแบบเปิดกว้างและเกิดการใช้สอยพื้นที่ให้ตอบกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนได้มากที่สุด