เรือนไทยประยุกต์ หลังงามริมคุ้งน้ำที่สะท้อนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนอยุธยา โดยออกแบบให้ดูกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับสภาพแวดล้อมที่มีความเป็นธรรมชาติ พร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่สอดคล้องเข้ากับวิถีชีวิตในปัจจุบัน
มีคำกล่าวว่า สายน้ำกับวิถีชีวิตของคนไทยนั้นไม่อาจจะแยกจากกันได้ นับตั้งแต่โบราณมาคนไทยอาศัยแม่น้ำในการดำรงชีวิตและอยู่อาศัย นี่จึงเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเรือนไทยที่มีความผูกพันกับสายน้ำ รวมทั้งธรรมชาติ ต้นไม้ใบหญ้าที่อยู่รายรอบ เช่นเดียวกับ เรือนไทยประยุกต์ หลังนี้ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งสร้างขึ้นตามแนวความคิดที่คำนึงถึงธรรมชาติกับสายน้ำ อีกทั้งยังนำภูมิความรู้อันเป็นมรดกทอดของบรรพชนมาปรับใช้ให้เข้ากับวิถีชีวิตสมัยใหม่ได้อย่างกลมกลืน
คุณดุลย์พิชัย โกมลวานิช เจ้าของ เรือนไทยประยุกต์ หลังงามนี้ได้เล่าถึงความเป็นมาของเรือนให้ฟังว่า “ครั้งแรกที่ผมได้มาเห็นที่ดินตรงนี้ สิ่งที่ประทับใจก็คือคุ้งน้ำที่นี่งดงามมากจนอยากจะสร้างบ้านที่สามารถสะท้อนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนอยุธยา และผมเองก็เป็นคนอยุธยาโดยกำเนิด เลยมีความรู้สึกว่าจะทำอย่างไรถึงให้คนทั่วไปรู้ว่าคนอยุธยาแต่เดิมเขาอยู่กันอย่างไร ทั้งเรื่องความเป็นอยู่และสถาปัตยกรรม โดยที่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เก่าหรือล้าสมัยเลย แต่กลับสามารถผสมผสานปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องเข้ากับวิถีชีวิตในปัจจุบันได้
“ผมได้ศึกษาทางด้านภูมิศาสตร์และวัฒนธรรมพื้นถิ่นอยุธยาจนมีความชำนาญ จึงได้นำกระบวนความคิดต่างๆมาปรับใช้ในการสร้างบ้านหลังนี้ เริ่มจากเมื่อเข้าไปในบ้านจะต้องสื่อถึงความเป็นอยุธยา ไม่ว่าจะในแง่ศิลปะ สภาพแวดล้อม หรือนิสัยใจคอ ผมใช้หลักสามประการนี้ในการออกแบบบ้าน อันดับแรก คือสิ่งแวดล้อม ผมคำนึงว่าทำอย่างไรเราจึงจะสามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งแวดล้อมซึ่งสัมพันธ์กับที่อยู่อาศัย นั่นก็คือสายน้ำกับธรรมชาติที่อยู่รายรอบ โดยต้นไม้ที่ปลูกผมจะคำนึงถึงว่าพืชชนิดไหนควรอยู่ใกล้น้ำ ชนิดไหนควรจะห่างออกมา 1 เมตร 2 เมตร และหลังบ้านควรจะลงพืชชนิดไหนถึงจะงาม ผมจะสังเกตถึงทิศทางลมรวมทั้งแสงแดดในตอนเช้า กลางวัน และเย็นว่าเป็นอย่างไร เพราะผมไม่ได้ออกแบบเพียงแค่ตัวบ้านเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงภูมิทัศน์โดยรอบด้วย จากนั้นจึงค่อยกำหนดตำแหน่งของบ้านให้ขวางทิศทางลม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นภูมิปัญญาของบรรพชนทั้งสิ้น อันดับที่สอง คือการกำหนดมุมมองทั้งภายในและภายนอกบ้าน เวลาที่คุณมองผ่านหน้าต่างบ้านออกไป มุมมองต่างๆที่เห็นล้วนแต่ถูกกำหนดและจัดวางตำแหน่งไว้แล้ว ว่าจะให้มองเห็นธรรมชาติหรือภูมิปัญญาใดบ้าง อย่างเช่นบ้านหลังนี้ผมออกแบบทางขึ้นให้อยู่ฝั่งด้านหลังบ้านที่ติดแม่น้ำตามแบบบ้านสมัยก่อน เมื่อเดินเข้าจากหน้าบ้านซึ่งค่อนข้างมืด จะเห็นแสงสว่างและภาพเปิดโล่งของแม่น้ำเบื้องหน้าได้ มันทำให้เกิดความประทับใจในแง่ความรู้สึก อันดับที่สาม คือรูปทรงหรือรูปแบบที่สื่อถึงความเป็นไทย รวมทั้งเรื่องศาสนา ความเชื่อเรื่องสิริมงคลและความศรัทธา โดยผ่านทางการตกแต่งวัตถุสิ่งของต่างๆและพรรณไม้ โดยผมจะเลือกใช้วัสดุที่เป็นของพื้นถิ่นหรือมีความเกี่ยวพันกัน อย่างกระเบื้องขอที่ใช้มุงหลังคา กระเบื้องปูพื้น และรูปแบบของประตูหน้าต่าง รวมทั้งไม้ที่ใช้ทำเรือนด้วย”
“เหตุผลที่ผมใช้ไม้เก่าในการสร้างบ้านก็เพราะว่าอย่างแรกคือราคาถูก อย่างที่สองคือไม้เก่าเป็นไม้ที่นิ่ง ในเนื้อไม้ไม่มีแป้งหรือยาง ดังนั้นการยืดหดตัวจึงไม่มี ส่วนมากคนที่สร้างบ้านไม้มักจะคัดสีไม้ที่ใกล้เคียงกัน แต่ผมชอบสีไม้ที่มีความแตกต่างกัน เพราะผมคิดว่าบางทีความหลากหลายก็เป็นความงามแบบหนึ่งเหมือนกัน
“อีกอย่างการที่ผมสร้างบ้านหลังนี้ทำให้ผมได้สัมผัสกับไม้เก่าจำนวนมากจนมีความชำนาญ เข้าใจธรรมชาติของไม้ว่าไม้ชนิดนี้คือไม้อะไร มีอาการอย่างไร มีความสมบูรณ์ในเนื้อไม้หรือไม่ ส่วนแหล่งหาไม้เก่าของผมมักจะอยู่แถวอยุธยา อ่างทอง และนครสวรรค์ อีกประการที่สำคัญสำหรับการอยู่เรือนไทยคือจะต้องเข้าใจและยอมรับถึงข้อเสียของเรือนไทยด้วย เช่น พื้นอาจมีการลั่นหรือเสียงดังเวลาเดิน อีกทั้งต้องหมั่นดูแลและซ่อมแซมบ้างตามกาลเวลา แต่ถ้าเราทำความเข้าใจ ก็จะสามารถอยู่ได้อย่างมีความสุข เพราะนี่คือเสน่ห์ของเรือนไทยครับ”
เรือนไทยประยุกต์ หลังนี้แบ่งเป็นสองชั้น ชั้นล่างเป็นอาคารก่ออิฐฉาบปูนประกอบไปด้วยส่วนรับประทานอาหาร ส่วนรับแขกเป็นพื้นที่เปิดโล่งต่อเนื่องถึงกัน ห้องครัวและห้องน้ำสำหรับแขก ส่วนชั้นบนจะเป็นอาคารโครงสร้างไม้สักผสมกับโครงสร้างปูน เมื่อเดินขึ้นบันไดมาจะพบกับชานบ้านซึ่งเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของเรือนไทยและศาลาสำหรับพักผ่อน จากนั้นจะเป็นเรือนนอน ห้องทำงาน ห้องน้ำใหญ่พร้อมอ่างอาบน้ำกลางแจ้ง และห้องนอนสำหรับแขก ซึ่งทั้งหมดนี้ตกแต่งในสไตล์ไทยประยุกต์ที่แลดูกลมกลืน และสามารถตอบสนองต่อวิถีชีวิตในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี
คำว่า “บ้าน” สำหรับหลายคนอาจจะหมายถึงที่อยู่อาศัย แต่คำว่า “บ้าน” สำหรับผู้เป็นเจ้าของเรือนไทยหลังนี้มิได้หมายความแต่เพียงเท่านั้น หากยังหมายถึงวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ และธรรมชาติที่อยู่รายรอบซึ่งสะท้อนความเป็นตัวตนของผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี
เจ้าของ : คุณดุลย์พิชัย โกมลวานิช และดร.ยุวนุช ทินนลักษณ์
ออกแบบ : คุณดุลย์พิชัย โกมลวานิช
เรื่อง : ทัตชัย น้อยสง่า
ภาพ : ณัฐพล เมรีศรี