ปฏิเสธไม่ได้ว่าฤดูฝนเป็นฤดูแห่งการเจริญเติบโตของพืช แต่หากน้ำฝนมีปริมาณมากเกินไปอย่างเช่นในปีนี้ ก็คงเป็นเรื่องยากที่พืชจะเติบโตได้อย่างงดงาม
และฤดูฝนยังนำมาซึ่งโรคภัยและปัญหาอื่นๆอีกด้วย โดยเฉพาะคนรักต้นไม้ที่เก็บสะสมไว้หลายชนิดพันธุ์ ทั้งราคาถูก ราคาแพง แต่เมื่อต้องมาเจอกับสถานการณ์พายุฝนกระหน่ำหลายวัน หลายคนอาจเตรียมรับมือดูแลต้นไม้ในช่วงนี้ไม่ทัน วันนี้ บ้านและสวน ขอแชร์วิธีการฟื้นฟูและดูแลต้นไม้สะสมหลังผ่านฤดูมรสุมนี้กัน
- หากมีต้นที่เน่า ควรรื้อดูราก หากยังมีรากที่ดี ให้ตัดรากและส่วนที่เน่าทิ้ง จากนั้นนำมาชำและพักไว้ที่ร่มรำไรก่อน
- ทำความสะอาดใบด้วยการรดน้ำ หรือเช็ดด้วยผ้าสะอาด เพื่อล้างสิ่งสกปรกหรือเชื้อโรคที่มากับน้ำฝน
- หลังจากผ่านฤดูฝนแล้วจะเข้าสู่ฤดูหนาวที่มีอากาศแห้ง ควรระวังเรื่องความชื้นในอากาศ หมั่นสังเกตอาการต้นไม้และวัสดุปลูก
- เลือกใช้วัสดุปลูกที่มีความโปร่ง ระบายน้ำได้ดี ไม่อุ้มน้ำมากเกินไป หากวัสดุมีการย่อยหรือเปื่อยแล้ว เช่น กาบมะพร้าว ควรเปลี่ยนหรือปรุงวัสดุปลูกใหม่
- เลือกปลูกในกระถาง เข่ง หรือตะกร้า เพื่อสะดวกและง่ายต่อการเคลื่อนย้าย การดูแลหรือการควบคุมโรคยังสามารถทำได้ง่ายกว่าการปลูกลงแปลง
- หากบ้านมีพื้นที่ควรมีชั้นวางยกสูง หากมีพื้นที่จำกัด ควรมีการรองกระถางด้วยกระเบื้องลอน หรือตะแกรง เพื่อให้ด้านล่างกระถางมีการถ่ายเทอากาศ และน้ำไม่ขังเมื่อมีการรดน้ำ
- สำรวจความชื้นในดินปลูก ถ้าแฉะเกินไปให้นำออกมาเจอแสงแดดอ่อนๆในช่วงเช้า หากไม่มีแสงให้นำมาไว้ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
- เติมไตรโครเดอร์มา สตาร์เกิล จี เพื่อป้องกันโรครากเน่า และไข่แมลงในดิน
- ยังไม่ควรใส่ปุ๋ยบำรุงในช่วงนี้ แต่เมื่อต้นไม้เริ่มฟื้นตัวได้ดีแล้ว สังเกตจากการแตกยอด หรือไม่เหี่ยวเฉา ก็เริ่มให้ปุ๋ยบำรุงได้ แต่ควรให้ในปริมาณน้อยๆก่อน หรือจะให้ปุ๋ยทางใบไปก่อนในช่วงแรก
- เลือกปลูกในบริเวณที่มีแสงส่องถึง
- คอยสังเกตหาศัตรูพืช เช่น หอยทาก มด หรือหนอน ตัวสำคัญที่ชอบกัดกินใบ
- หากมีตู้อบควรดูแลเรื่องความสะอาด และหากน้ำท่วม ให้นำออกมาอบในถุงแทน แล้วย้ายไปไว้ในที่ที่ไม่มีน้ำขัง
เคล็ดลับดูแลต้นไม้ต่างๆเหล่านี้อาจเป็นพื้นฐานที่ใครหลายๆคนพอจะทราบอยู่แล้ว แต่กับคนที่ยังไม่มีทางออกสำหรับปัญหานี้ ก็สามารถนำเคล็ดลับนี้ไปปรับใช้กับต้นไม้ที่บ้านให้กลับมาสวยงามแข็งแรงได้อีกครั้ง
เรื่อง : อธิวัฒน์
ภาพ : คลังภาพบ้านและสวน
คุยกับนักสะสมและจำหน่ายรุ่นใหม่ กับอนาคตของวงการไม้ใบ