เลียบถนนเทพกระษัตรีตัดกับทางที่มุ่งตรงสู่หาดไม้ขาวและสนามบินนานาชาติภูเก็ต นานมาแล้วมีบ้านหลังหนึ่งตั้งตระหง่านให้ผู้ที่ผ่านไปมาได้ชื่นชมและชวนสงสัยถึงความเป็นมา จนกระทั่งประตูบ้านหลังนี้ได้เปิดออกอีกครั้ง พร้อมให้ผู้ที่เคยหลงใหลและคนหน้าใหม่ที่อยากรู้เข้ามาเยือนและหลงเสน่ห์บ้านหลังนี้ในชื่อของ บ้านอาจ้อ มิวเซียม โฮมสเตย์ (อาจ้อ หมายถึง ทวด)
บ้านหลังนี้เคยเป็นบ้านตากอากาศ 3 ชั้น 8 ห้องของคหบดีนามว่า ตันจิ้นหงวน หรือหลวงอนุภาษภูเก็ตการ ผู้บุกเบิกธุรกิจทำเหมืองแร่ในจังหวัดภูเก็ต และเป็นต้นตระกูลหงษ์หยก หนึ่งในตระกูลเก่าแก่ของจังหวัดภูเก็ต โดยใช้เป็นบ้านพักในช่วงที่ต้องมาคุมงานที่เหมือง แทนการนอนที่โรงแรมหรือกลับไปพักที่บ้านในตัวเมืองซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณเหมืองมาก รูปแบบสถาปัตยกรรมเป็นสไตล์ตะวันตกที่มีกลิ่นอายของอาร์ตเดโคผสมอิตาเลียนวิลล่าและวัฒนธรรมจีนได้อย่างลงตัว สร้างแล้วเสร็จราวปี 2479 แต่เนื่องจากระยะหลังลูกหลานในตระกูลเริ่มกลับไปทำงานในเมืองมากขึ้น ทำ ให้บ้านหลังนี้ถูกปิดตายนานถึง 37 ปี จนกระทั่ง คุณจุ๋ม -อรสา โตสว่าง คุณโอ๊ค – บรรลุ และ คุณอ๊อด – สัจจ หงษ์หยก ทายาทรุ่นที่ 4 ของตระกูลตัดสินใจรีโนเวตบ้านหลังนี้ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง เพื่อเป็นของขวัญมอบให้แด่อาก๊อง (ปู่) คุณณรงค์ หงษ์หยก ในวัย 90 ปีที่ป่วยอยู่ ได้กลับมาเห็นบ้านหลังนี้ที่ในอดีตท่านเคยเติบโต ใช้ชีวิต รวมถึงแต่งงานและเลี้ยงลูกๆ อยู่ที่บ้านหลังนี้
“ระหว่างที่เราทำบ้านหลังนี้ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3 ปี อาก๊องได้ฟังเพียงคำบอกเล่าของเด็กๆ อย่างเดียวว่าทำบ้านไปถึงไหนแล้ว จนในวันที่เราบอกว่าบ้านหลังนี้เสร็จพร้อมแล้ว เราก็เอาป้ายชื่อนามสกุลขึ้น สมควรแก่เวลาที่ต้องพาอาก๊องมาดูด้วยตัวเอง พอท่านได้เห็นก็นํ้าตาไหลเลย ในวันปกติอาก๊องจะต้องนอนตอนเที่ยง แต่วันนั้นนั่งตั้งแต่เช้ายันเย็น แล้วหัวเราะไม่หยุด เล่นดนตรีไม่หยุด อาก๊องรู้สึกว่าหายป่วยเลย ท่านเป็นคนชอบเล่นดนตรี เกิดมาเพื่อเล่นดนตรีเพราะฉะนั้นจึงมีเครื่องดนตรีอยู่เต็มบ้าน” คุณจุ๋มเล่า
รูปแบบสถาปัตยกรรมของบ้านยังคงเก็บรักษาให้มีลักษณะคงเดิมให้มากที่สุด โดยแทบไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไรเลย เพราะถึงแม้ว่าบ้านจะไม่ได้มีใครอยู่อาศัยมานาน แต่คนรุ่นก่อนก็ยังหมั่นมาตรวจตราซ่อมแซมอยู่เสมอ ดังนั้นการรีโนเวตจึงเป็นการซ่อมแซมแค่บางจุดเล็กน้อย และปรับตำแหน่งพื้นที่บางจุดให้สะดวกต่อการใช้งานในปัจจุบัน เช่นเดียวกับการออกแบบภายในที่ยังคงเก็บรักษาสิ่งดั้งเดิมของบ้าน แม้กระทั่งสีทาผนังก็ยังคงเป็นสีเดิม แต่เพิ่มเติมด้วยภาพวาดสีนํ้าลายดอกโบตั๋นซึ่งแทรกอยู่ในทุกส่วนของบ้าน ร่วมกับบรรดาของเก่าซึ่งล้วนเป็นข้าวของที่เคยใช้จริงในบ้านหลังนี้ รวมถึงเป็นของหายากในยุคสมัยเดียวกัน ซึ่งมาจากบ้านของอาก๊องในเมืองเองและจากบ้านหลังต่างๆ ของบรรดาญาติที่อาศัยในเมืองที่เก็บสะสมเอาไว้ โดยนำมาจัดวางเพื่อสร้างบรรยากาศให้กลิ่นอายความรู้สึกและความทรงจำของบ้านกลับคืนมา อีกทั้งยังเป็นการให้ความรู้และสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ แก่ผู้มาเยือนให้ได้รู้จักวิถีชีวิตและเรื่องราวความเป็นอยู่ที่มีเสน่ห์ เหมือนได้ย้อนกลับไปในปี 2479 จริงๆ
“สิ่งที่ได้รับมันมากกว่าการซ่อมบ้าน ทำให้เรารู้เลยว่าเด็กของเรามีศักยภาพแค่ไหน เด็กพวกนั้นสามารถเดินได้ด้วยตัวเขาเองอย่างที่อาก๊องอยากเห็น โปรเจ็กต์นี้พิสูจน์คนหลายคนมากว่าใครทำอะไรได้ แล้วใครถนัดอะไร เราค้นพบว่าเราสามารถทำตกแต่งภายในได้ดี อ๊อดและโอ๊คก็ซ่อมแซมบ้านจนสำเร็จ จี้สาว (พี่สาว) เองก็ค้นพบว่าตัวเองมีความสามารถมากกว่าการเป็นครูคหกรรม เพราะทำตั้งแต่ม่านและงานเย็บทุกอย่าง” คุณจุ๋มเล่า
นอกจากรีโนเวตบ้านเพื่อเป็นของขวัญให้แด่อาก๊องและใช้เป็นพิพิธภัณฑ์รวมถึงโฮมสเตย์แล้ว จุดประสงค์อีกอย่างของที่นี่คือการเปิดมูลนิธิณรงค์ หงษ์หยก นำรายได้ที่ได้จากค่าเข้าชมและเข้าพักสมทบทุนเพื่อสนับสนุนอาชีพให้เด็กยากจนได้ปลูกผักในโรงเรียนหงษ์หยกบำรุง โดยผลผลิตที่เหลือจากการนำไปปรุงอาหารกลางวันของทางโรงเรียน บ้านอาจ้อจะรับซื้อในราคาตามท้องตลาดที่ยุติธรรม เช่นเดียวกับคนเฝ้าสวนของบ้านซึ่งอยู่กับมะพร้าวมาทั้งชีวิต ก็ฝึกให้ทำคุกกี้มะพร้าวมาขายให้บ้านอาจ้อ โดยกำไรทั้งหมดจะแบ่งให้เป็นรายได้อีกช่องทางหนึ่งของพวกเขาด้วย
ความทรงจำที่เลยผ่านกลับมาคงอยู่และสานต่อให้สมาชิกทุกคนในครอบครัวหงษ์หยกภายในบ้านหลังนี้อีกครั้ง แต่ที่ดูจะมีความหมายมากกว่านั้นคือ บ้านหลังนี้ได้กลายเป็นความทรงจำแสนสวยงามอันทรงคุณค่าที่ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นของใครอีกหลายคนที่จะผ่านเข้ามาและนำติดตัวเขาตลอดไป
บ้านอาจ้อ มิวเซียม โฮมสเตย์ 102 ถนนเทพกระษัตรี ตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต
โทรศัพท์ 06-2459-8889
เรื่อง : ปัญชัช
ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข