เทรนด์บุคลิกของผู้คนและ เมืองในอนาคต
เมืองในอนาคต ผู้คนจะมีบุคลิกและแนวคิดแบบไหนกันบ้าง และคุณเป็นคนแบบไหนใน 6 แบบ เพื่อรู้จักตัวเอง มาร่วมทำแบบทดสอบกัน
เป็นปกติที่การออกแบบบ้านจะปรับเปลี่ยนไปตามวิถีชีวิตและบริบทของยุคสมัย ยิ่งปัจจุบันที่สิ่งรอบตัวเปลี่ยนไปเร็วจนอาจไร้ทิศทาง มีปัญหาทั้งเรื่องใกล้ตัวอย่างสิ่งแวดล้อมรอบบ้าน และเรื่องไกลตัวที่หนีไม่พ้นในระดับชุมชน และระดับเมือง จนรู้สึกว่าเรามีชีวิตในเมืองที่อยู่ยากขึ้นทุกวัน แต่เราสามารถออกแบบบ้านและสร้าง เมืองในอนาคต ให้น่าอยู่ขึ้นได้
บ้านและสวน จึงขอเชิญชวนทุกคนกลับมาสำรวจตัวเองว่า เราจัดอยู่ในคนกลุ่มใด คาดหวังให้เมืองในอนาคตเป็นไปในทิศทางไหน และเทรนด์การออกแบบบ้าน อสังหาริมทรัพย์ในอนาคตเป็นอย่างไร เพื่อเตรียมตัว รองรับการเปลี่ยนแปลง และก้าวเดินไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยมาพูดคุยกับ คุณโจ้ง-ปรมา ทิพย์ธนทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเทรนด์และคอนเซปต์แห่งอนาคต บารามีซี่ แล็บ (Baramizi Lab Director) ซึ่ง ศูนย์วิจัยเทรนด์และคอนเซปต์แห่งอนาคต บารามีซี่ แล็บ เป็นผู้จัดทำ ASA WOW Thematic Pavilion ร่วมกับสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ อมรินทร์กรุ๊ป และพันธมิตร และบรรยายใน Future Lab Forum 2022 หัวข้อ Xperience Design Future Trend for Property Sector 2023-25 มาติดตามเพื่อเข้าใจตัวเองและเทรนด์การออกแบบบ้านและเมืองในอนาคตกัน
ค้นหาว่าคุณเป็นคนแบบไหนของ เมืองในอนาคต
“อยากให้ผู้คนมีความหวังและความฝันว่าเมืองจะดีขึ้นได้” เป็นความตั้งใจที่อยากให้เกิดขึ้นผ่านนิทรรศการของ ASA WOW Thematic Pavilion ซึ่งตั้งคำถามชวนคิดว่า เมืองน่าอยู่สำหรับคุณคืออะไร และจะเป็นอย่างไรในอีก 10 ปีข้างหน้า แน่นอนว่าการพัฒนาเมืองไม่ได้เกิดขึ้นเร็วทันใจ แต่เป็นการสร้างทัศนคติต่อเมืองในมุมมองบวก เพื่อให้ชาวบ้านอย่างเราดำเนินชีวิตไปในทิศทางนั้น ถ้าจะพูดง่ายๆคือ เสมือนเราร่วมกันจัดหน้าบ้านและทัศนคติของเราให้ดี ปรับตัวและมีส่วนร่วมกับการเปลี่ยนแปลง เมืองก็จะน่าอยู่ขึ้นได้ แต่ก่อนจะมองในภาพใหญ่ระดับเมือง เราควรเข้าใจตัวเองก่อน ซึ่งในปัจจุบันคนเรามีความแตกต่าง และมีความหลากหลายอย่างชัดเจน จากงานวิจัยที่สำรวจคนทุกภูมิภาค 581 คน พบว่าประชาชนผู้อาศัยในเมืองต่างๆ ของประเทศไทยมีความที่คิดแตกต่างกันอยู่ 6 กลุ่ม
อ่าน : 10 เทรนด์ บ้านในอนาคต
1.THE VISIONARY ผู้มีวิสัยทัศน์ มุ่งแสวงหาความสําเร็จที่สมดุลสำหรับทุกคน 24.4%
มักพบในกลุ่มคน Gen Y ที่สมรสและมีบุตร เป็นคนที่มุ่งแสวงหาความสำเร็จและการยอมรับในสังคม สร้างรูปแบบการใช้ชีวิตให้มีเป้าหมาย แสวงหาความหลากหลายและความตื่นเต้น มีความฝันถึงอนาคต พร้อมที่จะทำสิ่งต่างๆเพื่อบรรลุจุดหมาย เปิดรับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีทุกด้าน แต่ไม่ทิ้งเรื่องความเป็นธรรมชาติ เป็นผู้ที่ต้องการให้เมืองมีความสามารถในการแข่งขัน กลายเป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ และเป็นเมืองที่มีทางเลือกของการเรียนรู้ สร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการพัฒนาตนเอง
2.THE VIRTUOSOS คนช่างคิด ช่างฝัน มีจินตนาการสดใหม่ 28.9%
ส่วนมากเป็นกลุ่มคน Gen Y คนโสด เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความกระตือรือร้น กระฉับกระเฉง ชอบพัฒนาตัวเองเสมอ ให้ความสำคัญในเรื่อง Life Long Learning ช่างคิดช่างฝัน สร้างอัตลักษณ์ให้ตัวเอง เป็นผู้ที่ต้องการให้เมืองมีความสะดวกสบาย ให้คนในเมืองใช้ชีวิตเปี่ยมประสิทธิภาพ ทําอะไรได้มากขึ้นกว่าเดิม และสามารถสนับสนุนให้คนวัยทํางานตลอดจนวัยเกษียณสามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต
3.THE SERENE-WELLNESS ผู้ใส่ใจสุขภาพเชื่อมโยงชีวิตเข้ากับธรรมชาติเพื่อสร้างความสมดุล 11.4%
ส่วนมากเป็นกลุ่มคน Gen Y มีสถานภาพสมรส ยังไม่มีบุตร เป็นคนที่โหยหาความสงบ ความผ่อนคลาย มักเป็นคนประเภท Introvert ชอบอยู่กับตัวเอง มีความพึงพอใจในสิ่งที่ตนมี และเคารพธรรมชาติ พร้อมที่จะปรับตัวเพื่อเข้าถึงแก่นธรรมชาติ สนใจด้านเทคโนโลยีการแพทย์ในอนาคตที่รักษาตัวเองได้ เป็นผู้ที่ต้องการให้เมืองเต็มไปด้วยความผูกพัน ชุมชนเข้มแข็ง รักษาวิถีชีวิตทางวัฒนธรรม และเป็นเมืองที่ยืดหยุ่นพร้อมรับมือกับอนาคต
4. THE UTOPIONEER ผู้บุกเบิกเส้นทางสู่โลกในอุดมคติ 10.7%
พบว่ามีสัดส่วนโดดเด่นในกลุ่มคน Gen Baby Boomer สมรสและมีบุตร มักเป็นกลุ่มคนที่มีการศึกษาสูงกว่ากลุ่มอื่น มีการวางแผนและลงมือทำตามเป้าหมายการใช้ชีวิต ให้ความใส่ใจกับสังคมและสิ่งแวดล้อม มีความอยากทำให้โลกนี้ดีขึ้นเพื่อประโยชน์ส่วนรวม สนใจด้านเทคโนโลยีสีเขียวที่ช่วยรับมือและรักษาสิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่นำมาปรับใช้ได้ เป็นผู้ที่ต้องการให้เมืองที่มีความเสมอภาค เท่าเทียม มีสภาพแวดล้อมที่ดี อากาศดี และสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการพัฒนาตัวเอง
5.THE SIMPLER ผู้ดําเนินชีวิตพร้อมปรับตัวกับทุกสิ่ง 21%
ส่วนมากเป็นกลุ่มคน Gen Z คนโสด เป็นคนเรียบง่าย มีความถ่อมตน โหยหาความสงบ พึงพอใจในสิ่งที่ตนมี แต่มีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้สิ่งใหม่ พร้อมปรับตัวกับทุกสิ่ง เป็นผู้ที่ต้องการให้เมืองมีสภาพแวดล้อมที่ดี มีพื้นที่สีเขียว คนในเมืองมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และเป็นเมืองที่ส่งเสริมการสร้างสถานภาพทางการเงินที่ดีของประชาชน
6.THE MARGINAL คนเรียบง่าย ถ่อมตน พอใจในสิ่งที่เป็นปัจจุบัน 3.6%
ส่วนมากพบในกลุ่มคน Gen Baby Boomer สถานภาพสมรส เป็นคนที่รู้สึกว่าโลกเปลี่ยนแปลงเร็วจนตามไม่ทัน จึงอยากอยู่กับสิ่งที่คุ้นเคยและเซฟโซน ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและครอบครัว เป็นผู้ให้ความสำคัญกับคนอื่นมากกว่าตัวเอง มีความเรียบง่ายและถ่อมตัว เป็นกลุ่มคนที่สนใจด้านเทคโนโลยีน้อยที่สุด เป็นผู้ที่ต้องการทำเมืองให้ปลอดภัยและมีสภาพแวดล้อมที่ดี เอื้อต่อการเสริมสร้างสุขภาวะที่ดี ปรับสมดุลให้กับร่างกาย อารมณ์ และจิตใจ
แบบทดสอบบุคลิก คุณเป็นคนแบบไหนในอนาคต
ในอนาคตผู้คนคาดหวังการใช้ชีวิตในเมืองอย่างไร
ความคาดหวังของคนที่มีต่อ 9 มิติของการใช้ชีวิต (9-Life Dimensions) ในอนาคตที่อยากให้เกิดขึ้นในเมืองอีก 8-10 ปีหน้า เพราะเมื่อเทคโนโลยี โครงสร้างสังคม และสภาพแวดล้อมมีการเปลี่ยนแปลง จึงมีการคาดการณ์ว่าผู้คนจะมีโอกาสในการใช้ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างไร ซึ่งพอสรุปโดยสังเขป คือ
- มิติที่ 1 ที่พักอาศัย : ผู้คนจะอยู่แบบโดดเดี่ยว แต่ยังมีความเป็นความครัวใหญ่ที่เชื่อมต่อกันได้ด้วยเทคโนโลยี
- มิติที่ 2 การเดินทาง : ผู้คนคาดหวังการเดินทางแห่งอนาคตที่ต่อเนื่องไร้รอยต่อและคาดการณ์ได้
- มิติที่ 3 การบริโภค : ผู้คนจะบริโภคตามความต้องการ และให้ความสำคัญกับคุณค่าของประสบการณ์
- มิติที่ 4 การทํางาน : มีรูปแบบการทํางานแบบผสมผสานเพื่อศักยภาพสูงสุด โดยไม่จำกัดกับสถานที่ทำงานและกฎเกณฑ์ดั้งเดิม
- มิติที่ 5 การเรียนรู้ : เน้นการเรียนรู้ที่นำไปใช้ได้จริง ใช้ได้ทันที และสามารถเปลี่ยนเป็นรายได้
- มิติที่ 6 การเข้าสังคม : ผู้คนจะมีหลายอัตลักษณ์ในหลายบทบาท ทั้งในโลกจริงและโลกเสมือน
- มิติที่ 7 การใช้เวลาว่างและดูแลจิตใจ : ผู้คนจะโหยหาสัมผัสความเป็นมนุษย์และการใช้ชีวิตที่เนิบช้า
- มิติที่ 8 การดูแลสุขภาพ : ผู้คนจะมีส่วนร่วมในการจัดการสุขภาพของตัวเองมากขึ้น
- มิติที่ 9 ด้านการเงิน : เกิดเงินสดรูปแบบใหม่ที่เข้าถึงได้ง่าย
โดยจากการสำรวจพบว่าสิ่งที่คนไทยต้องการการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด 3 อันดับ เพื่อนำมาสู่การพัฒนา เมืองในอนาคต ที่น่าอยู่ต่อไป คือ
อันดับ 1 การเดินทาง
- ต้องการให้การเดินทางที่สามารถวางแผน คาดการณ์ ในการถึงจุดหมายได้อย่างแม่นยํา มีระบบขนส่งสาธารณะที่เชื่อมต่อกันแบบไร้รอยต่อ (เช่น การต่อรถไฟฟ้าไปรถเมล์ รถเมล์ไปเรือ สามารถใช้บัตรผ่านทางใบเดียวกันได้ และจังหวะการมาถึงของยานพานะในการต่อแต่ละช่วง แทบไม่ต้องมีการรอ)
- มีการรวมระบบการขนส่งหลายรูปแบบไว้ในแพลตฟอร์มเดียวให้ง่ายต่อการเรียกใช้บริการ
อันดับ 2 การดูแลสุขภาพ
- ต้องการเทคโนโลยีให้วินิจฉัยโรคได้ด้วยตนเอง เพื่อสามารถควบคุมสุขภาวะของร่างกายได้มากขึ้นผ่านอุปกรณ์ต่างๆ ที่ช่วยให้เราตรวจวัดสุขภาพของตัวเราได้ตลอดเวลา
- ต้องการการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ทั้งทางร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ
อันดับ 3 การเรียนรู้
- ต้องการพัฒนาตนเองสมํ่าเสมอ ต้องการเข้าถึงการเรียนรู้ทักษะที่สําคัญในโลกยุคใหม่ได้ตลอด เพราะไม่สามารถที่จะหยุดเรียนรู้ได้
รับฟังการบรรยาย Future Lab Forum 2022
รู้จักบารามีซี่ แล็บ (Baramizi Lab) ศูนย์วิจัยเทรนด์และคอนเซปต์แห่งอนาคต เป็นหน่วยงานทำวิจัยที่เก็บข้อมูลกับกลุ่มคนในหลายกลุ่มธุรกิจ เพื่อนำมาวางแผนกลยุทธ์หรือยุทธศาสตร์ในการก้าวสู่อนาคตสำหรับกลุ่มธุรกิจ ทิศทางองค์กร ทิศทางการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม ตลอดจนการบริหารการพัฒนาเมือง โดยเชื่อว่าถ้าจะหาทิศทางในการก้าวสู่อนาคตนั้น การถามในสิ่งที่เป็นปัจจุบันจะไม่เห็นทิศทางอะไร เพราะผู้คนจะตอบในสิ่งที่ตัวเองเคยเห็นเท่านั้น จึงต้องศึกษาเทรนด์ นำสิ่งที่มีโอกาสเกิดขึ้นในอนาคตมาสร้างประเด็น และเข้าสู่กระบวนการวิจัย เพื่อให้เห็นความต้องการใหม่ๆ และความเป็นไปได้ในอนาคต
ขอบคุณข้อมูล : ศูนย์วิจัยเทรนด์และคอนเซปต์แห่งอนาคต บารามีซี่ แล็บ
ข้อมูลเพิ่มเติม : www.baramizi.co.th/shop/
คอลัมน์ Home Expert บ้านและสวน มกราคม 2566
เรื่อง : ศรายุทธ ศรีทิพย์อาสน์
ภาพ : ศุภกร ศรีสกุล, Baramizi Lab