กระท่อมหลังเล็ก จากอิฐและไม้
แบบบ้าน กระท่อมหลังเล็ก ที่เลือกใช้วัสดุอย่างอิฐและไม้ เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติและสื่อถึงความเป็นพื้นถิ่นของบ้านในเชียงใหม่ พร้อมตกแต่งด้วยของสะสมและงานคราฟต์ที่มีเรื่องราวและโทนที่เจ้าของบ้านสนใจ
บ้านหลังน้อยหลบซ่อนอยู่หลังร่มไม้ของต้นชงโคและมะยมซึ่งแผ่กิ่งบดบังชั้น 2 ของตัวบ้านจนแทบมองไม่เห็น หลายคนคงเคยมาเยือนหรือรู้จักบ้านหลังนี้เป็นอย่างดีภายใต้ชื่อร้าน Junjun Shop & Café แห่งอำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นทั้งบ้านและร้านของ คุณจุน-พิธิฐจินดา ชิดสิน และคุณชาร์ป-กิตติวัฒน์ สิทธิ เบื้องหลังประตูและหน้าต่างกระจกกรอบเหล็กสีดำคืออาณาจักรเล็กๆ ที่เปิดเป็นคาเฟ่และขายของที่ระลึก รวมถึงงานฝีมือน่ารักๆ ที่คุณจุนและคุณชาร์ปลงมือทำกันเอง บางส่วนก็ออกแบบให้ช่างฝีมือเป็นผู้ผลิต รวมถึงสรรหาข้าวของเครื่องใช้อื่นๆ ที่ทั้งสองชื่นชอบมารวมไว้ด้วย
เมื่อก้าวเข้าไปด้านในก็จะเห็นผนังอิฐมอญเรียงก่อขึ้นไปเป็นโถงโล่งสูงจนถึงหลังคาด้านบน ให้ความรู้สึกดิบที่แทรกปนไปกับความอบอุ่นได้อย่างลงตัว เช่นเดียวกับโต๊ะและเก้าอี้ซึ่งเป็นของเก่าจากหลากหลายสถานที่ แต่ดูลงตัวด้วยสไตล์ รสนิยม และความชื่นชอบของทั้งคุณจุนและคุณชาร์ป
“เริ่มแรกจากที่เราคิดจะกลับมาอยู่ที่บ้านเดิม แล้วก็อยากเปิดร้านด้วย ตอนนั้นอยากหาพื้นที่ส่วนตัวที่เป็นของเราเอง สามารถมีสมาธิในการทำงานคนเดียวได้ เลยคิดว่าจะให้ร้านเป็นบ้านไปด้วยในตัว จากนั้นก็ให้เพื่อนสนิทที่เป็นสถาปนิกออกแบบให้ หลักๆ คือตั้งใจให้ภายในดูโล่ง วัสดุที่ใช้อยากให้เป็นอิฐและไม้ เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติและสื่อถึงความเป็นพื้นถิ่นของบ้านในเชียงใหม่ การตกแต่งแทบจะไม่ได้คิดอะไรมากเลย มีแต่ของที่เราชอบสะสม เช่น ของเก่า และของทำมือที่ทำเอง เราคิดว่ามันมีเรื่องราวและโทนที่น่าสนใจ ส่วนชาร์ป ชอบต้นไม้ ก็เลยมีมุมต้นไม้แทรกไปตามส่วนต่างๆของบ้านด้วย” คุณจุนเล่าถึงบ้านที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของงานทำมือ ดูดิบ ๆ แต่ก็เต็มไปด้วยความอบอุ่นน่าอยู่
ชั้น 2 ของบ้านออกแบบให้มีลักษณะคล้ายกระท่อมสองหลัง โดยหลังแรกเป็นห้องนอนและห้องน้ำที่มีบันไดเชื่อมลงไปยังร้านชั้นล่าง ภายในตกแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม่กี่ชิ้น คู่กับผนังคอนกรีตสีขาวดูสว่าง ต่างจากกระท่อมอีกหลังซึ่งใช้ผนังโชว์อิฐมอญที่เชื่อมต่อกับโถงของร้านด้านล่าง จึงมองเห็นบรรยากาศภายในร้านได้จากด้านบน แม้หลังนี้จะทำเป็นห้องทำงาน แต่โดยมากเจ้าของบ้านมักมาใช้เป็นมุมอ่านหนังสือและพักผ่อน ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ของเก่าเช่นเดียวกับในร้าน แต่เน้นพวกของสะสมและของรักของทั้งสองมากกว่า ขณะที่บางฟังก์ชัน เช่น ครัวและส่วนซักล้างยังคงกลับไปใช้พื้นที่ของบ้านหลังเก่าอยู่
คุณจุนเล่าให้ฟังอีกว่า “เรายังต้องทำบ้านหลังนี้ต่อไปอีกเรื่อยๆ อยู่ไปก็ทำไปด้วย ตอนนี้หลายอย่างก็ยังวางอยู่กับพื้น ในอนาคตอาจอยู่ตรงนี้เหมือนเดิมหรือเราอาจทำชั้นวางก็ได้ บางจุดก็ยังหาเฟอร์นิเจอร์ถูกใจไม่ได้ เลยเว้นเอาไว้ก่อน ทำแบบค่อยเป็นค่อยไป”
กระท่อมทั้งสองหลังเชื่อมต่อถึงกันด้วยลานดาดฟ้า ซึ่งกลายเป็นมุมโปรดของเจ้าของบ้าน โดยใช้เป็นพื้นที่อเนกประสงค์สำหรับทดลองทำงานประดิษฐ์ใหม่ๆ อาทิ ย้อมผ้า ปลูกต้นไม้ รวมถึงใช้นั่งพักผ่อนรับลมเย็นๆ ด้านบน
“เราสองคนชอบแคมปิ้งในป่า แต่ไม่ค่อยมีเวลา ก็เลยมักใช้พื้นที่ดาดฟ้าด้านนอกเพื่อทำงานอดิเรกหลายอย่าง ปกติก็จะปลูกต้นไม้ ทำงานของเราไปเรื่อย แต่ในบางวันที่อากาศหนาวๆ หรือมีเพื่อนมาเยี่ยมเยือน ก็ถือโอกาสออกมากางเต็นท์และปิ้งบาร์บีคิวข้างนอกกัน”
กองไฟ กลิ่นฟืน และเรื่องเล่าท่ามกลางสักขีพยานแห่งป่าใหญ่คงเป็นความทรงจำอันแสนมีค่าที่หลายคนจดจำได้ดีในทุกครั้งที่มองเห็นดาวเต็มฟ้าหรือเมื่อสายลมหนาวพัดผ่านมา การมาเยือนบ้านหลังนี้ชวนให้นึกถึงบรรยากาศของการมาเที่ยวบ้านเพื่อนสนิทและได้ออกแคมปิ้งด้วยกันอีกครั้ง เพียงแต่การเดินทางออกไปเที่ยวนอกบ้านในครั้งนี้อยู่เพียงแค่หน้าประตูบ้านเท่านั้น
เจ้าของ – ตกแต่ง :คุณพิธิฐจินดา ชิดสิน และคุณกิตติวัฒน์ สิทธิ
เรื่อง : ปัญชัช ชั่งจันทร์
ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข, สิทธิศักดิ์ น้ำคำ