Create The Living Space กับทีม Livingstyle studio

วันนี้ บ้านและสวน ได้เข้ามาเยี่ยมชมการใช้ดอกไม้และต้นไม้ประดิษฐ์คุณภาพเสมือนจริง ของ LivingStylestudio โดยทีมนักออกแบบมืออาชีพ ที่ La Cocotte Villa & Farm เขาใหญ่ การติดตามนักออกแบบเพื่อมาดูการทำงานแบบ behind the scene ในครั้งนี้ทำให้ได้รับประสบการณ์ที่น่าประทับใจและช่วยเปลี่ยนมุมมองเรื่องการใช้ดอกไม้และต้นไม้ประดิษฐ์ในอาคารไปเลย

เราได้รับเกียรติจาก คุณจิ๋ม กัลชลี มนุอมร Managing Director ผู้ก่อตั้ง Livingstylestudio ซึ่งเป็นสตูดิโอออกแบบและตกแต่งสถานที่โดยใช้ดอกไม้และต้นไม้ประดิษฐ์คุณภาพเสมือนจริง เป็นผู้พาชมพื้นที่ซึ่งสมาชิกในทีม LivingStylestudio กำลังลงมือทำงานอย่างต่อเนื่อง

“การใช้ไม้ประดิษฐ์ในการตกแต่ง มีประโยชน์หลากหลาย จากประสบการณ์ทำงาน 20 ปีทำให้เราขยายขอบเขตการใช้ไม้ประดิษฐ์ไปได้โดยสามารถปรับตามลักษณะพื้นที่และฟังก์ชั่นการใช้งานที่ต้องการ”

The EGG Bar and Restaurant เปลี่ยนบรรยากาศให้เหมือนอยู่ในความฝันด้วยพรรณไม้เลื้อยเสมือนจริง

ในรีสอร์ทแห่งนี้มีพื้นที่ๆ น่าสนใจมากมาย แต่บริเวณที่สร้างการจดจำให้กับผู้ใช้บริการได้โดดเด่นที่สุด คือ การตกแต่งร้านอาหาร The Egg bar and restaurant ซึ่ง คุณจิ๋ม อธิบายที่มาของการออกแบบว่า “La Cocotte Villa & Farm” เป็นรีสอร์ทสไตล์วิลล่าที่มีร้านอาหารให้บริการ ในครั้งแรกที่มาถึง เมื่อเข้ามาในพื้นที่ ทุกคนจะรับรู้ได้ถึงความสดชื่นจากสีเขียวของธรรมชาติรอบตัว บริเวณภายนอกจะเห็นว่า มีสวนที่ได้รับการตกแต่งไว้อย่างสวยงาม มีต้นไม้ น้ำพุ สร้างความผ่อนคลายให้กับแขกที่มาเยือน

“ขณะเดินผ่านสวน ผู้ที่มาเยือนจะมองเห็นสีเขียวอยู่รอบตัว ดังนั้น พอเดินต่อไปเพื่อเข้าไปใช้บริการในห้องอาหารเราจึงอยากเปลี่ยนความรู้สึกและสร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้งาน”

“บริเวณโถงทางเดินเข้าสู่ร้านอาหารจึงเลือกใช้แจกันขนาดใหญ่ตกแต่งด้วยดอกกล้วยไม้สีเหลืองและไม้ใบตกแต่งสีครีมซึ่งเป็นสีที่สอดรับกับการใช้ไม้ไผ่มาก่อสร้างอาคาร”

“เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ที่ช่วยให้งานตกแต่งดูเป็นธรรมชาติ คือ การเลือกใช้กระถางที่เหมาะสม ผิวเคลือบของกระถางต้องไม่มีความมันเงาจนเกินไป จะเห็นได้ว่ากระถางที่เราเลือกใช้เป็นสีโทนธรรมชาติ โทนสีนุ่มนวลสบายตา สไตล์วินเทจ นอกจากนี้ เรายังเลือกใช้กระถางทรงสูงเพื่อให้งานตกแต่งด้วยดอกไม้และใบไม้ประดับอยู่ในระดับสายตา”

คราวนี้ มาถึงการตกแต่งด้านในของร้านอาหารกันบ้าง โดย คุณจิ๋ม อธิบายต่อว่า “ภายในอาคารใช้วัสดุไม้ไผ่ทั้งหลัง ไม่มีฝ้าเพดานเพราะต้องการโชว์วัสดุธรรมชาติที่เลือกใช้ ทำให้มีเส้นจากลำไม้ไผ่มากมาย หากดูไปนานๆ จะทำให้รู้สึกถึงความแข็ง หรือ รบกวนสายตา แนวทางที่เราเลือก คือ การใช้ไม้ประดับกลุ่มไม้เลื้อยและเฟิร์นเข้ามาช่วยตกแต่งเพื่อทำหน้าที่พรางเส้นสายจากลำไม้ไผ่ที่เดิมมีอยู่อย่างหนาแน่นให้กลายเป็นแนวสีเขียวไล่เฉดจากพืชนานาพันธุ์ ช่วยให้ความรู้สึกนุ่มนวล สบายตา สดชื่นมีชีวิตชีวา ชวนฝัน หรือ dreamy เหมือนเข้าไปในดินแดนเทพนิยาย”

“ทาง owner บรีฟมาว่า เมื่อเดินเข้าสู่ร้านอาหารแล้วอยากให้ผู้ใช้บริการรู้สึกถึงความแตกต่าง ดังนั้น นอกจากการใช้ไม้เลื้อยและเฟิร์นสีเขียวแล้ว เรายังใช้ไม้ดอกพวงชมพูสีชมพูอ่อนเพื่อให้เกิดการรับรู้สีสันใหม่ๆ ซึ่งเป็นคนละโทนสีเมื่อเทียบกับสวนภายนอกอาคารสีเขียวและแตกต่างจากดอกไม้ประดับบริเวณโถงทางเดินที่ใช้สีเหลืองและสีครีม”

“อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจ คือ การใช้ไม้เลื้อยมาแก้ปัญหาบริเวณเครื่องปรับอากาศที่อยู่ด้านบน ตรงนี้เรายอมรับว่าถ้าปล่อยให้เครื่องปรับอากาศสีขาวโผล่มาแบบนี้จะดูโดดออกมาจากงานก่อสร้างที่ทำจากไม้ไผ่และการตกแต่งที่ใช้ไม้เลื้อยดอกพวงชมพูกับเฟิร์นที่เราอุตส่าห์คุมโทนเอาไว้แล้ว จึงตัดสินใจใช้ไม้เลื้อยพรางสายตา ไม่ให้สีขาวของเครื่องปรับอากาศมารบกวนบรรยากาศโดยรวมของห้องอาหาร”

“สุดท้าย เรานำการตกแต่งด้วยไม้ประดิษฐ์มาใช้แก้ปัญหาบริเวณทางเดินเข้าออกของพนักงานด้านในสุดเพราะถ้าปล่อยไว้แบบเดิมจะดูไม่เข้ากับบรรยากาศการตกแต่งรอบๆ เมื่อใช้การตกแต่งด้วยพรรณไม้เลื้อยและเฟิร์นเข้ามาช่วย เลยกลายเป็นการเพิ่มจุดถ่ายรูปเช็คอินให้กับสถานที่ได้รับความนิยมจากผู้เข้าใช้บริการ เรียกว่า เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสจริงๆ”

The Se-mi outdoor Space เทคนิคการตกแต่งส่วนเซมิเอาท์ดอร์

ออกจากร้านอาหาร เดินเลี้ยวขวามาจะพบกับบันไดทางขึ้นบริเวณชั้น 2 ของอาคาร พื้นทีส่วนนี้จัดเป็นโซนนั่งเล่น มีหลังคาคลุมด้านบน แต่รอบข้างเปิดโล่งเพื่อให้เป็นจุดชมวิวประจำรีสอร์ทและสามารถใช้เป็นพื้นที่สังสรรค์กึ่งเอ้าท์ดอร์ บริเวณนี้มีงานตกแต่งด้วยไม้ประดิษฐที่ทำหน้าที่แตกต่างออกไปจากโซนร้านอาหาร โดยใช้ดอกกล้วยไม้แซมกับเฟิร์นแซมไล่ระดับไปตามแนวไม้ไผ่ที่อยู่ด้านหลังที่นั่งรูปครึ่งวงกลมวางแนวโค้งรับแนวอาคารซึ่ง คุณจิ๋ม อธิบายเพิ่มเติมว่า

“บริเวณที่เราเลือกทำงานตกแต่งเป็นมุมที่ใกล้กับจุดขึ้นลงบันได ถ้าลองมองดีๆ จะเห็นหลังคาเมทัลชีทของอาคารอื่นอยู่ไกลๆ นี่เป็นที่มาในการเสริมลำไม้ไผ่และนำไม้ประดิษฐ์มาตกแต่งตามลำไม้ไล่ระดับไปกับลำไผ่”

“สาเหตุที่ใช้วิธีนี้เพราะว่าจะดูเป็นธรรมชาติมากกว่าการใช้ไม้ประดิษฐ์ตกแต่งทั้งแผง ตรงนี้เป็นหัวใจสำคัญในการทำงาน ผลลัพธ์ที่ดี คือ งานตกแต่งที่ดูใกล้เคียงกับธรรมชาติ ต้องเลือกชนิดของไม้ประดิษฐ์และใช้ในจำนวนที่พอเหมาะ ไม่มากหรือน้อยเกินไป”

“เวลาทำงานในบริเวณกึ่งเปิดโล่งแบบนี้ เราต้องเลือกใช้พรรณไม้ในการตกแต่งให้เหมาะสม ทั้งสายพันธุ์และประเภทของวัสดุที่ใช้ เนื่องจากไม้ประดับที่ตกแต่งในบริเวณนี้ต้องเผชิญกับสภาพอากาศและแสงแดดมากกว่างานไม้ประดับภายในอาคาร ปัจจัยดังกล่าวมีส่วนทำให้อายุการใช้งานของไม้ประดิษฐ์ที่นำมาตกแต่งลดลง”

“ที่สำคัญ การเลือกชนิดของพรรณไม้ก็ต้องให้สัมพันธ์กับธรรมชาติ เช่น เลือกใช้พรรณไม้ที่เหมาะกับอากาศกึ่งเอ้าท์ดอร์ จากตัวอย่างนี้ เราจึงใช้กล้วยไม้และเฟิร์นที่สามารถอยู่ในสภาพอากาศร้อนชื้นได้จริง ถ้าหากเลือกไม้เมืองหนาวมาตกแต่งก็จะดูค้านสายตา ไม่เป็นธรรมชาติ หรือ ดูแล้วรู้ได้ทันทีว่านี่คือการใช้ดอกไม้ใบเทียมมาตกแต่ง”

The Reception Hall การเชื่อมโยงธรรมชาติจากภายนอกสู่ภายใน

อีกหนึ่งพื้นที่ที่น่าสนใจคือ บริเวณอาคารโถงต้อนรับซึ่ง คุณจิ๋ม อธิบายที่มาของการออกแบบว่า “ในส่วนโถงต้อนรับ เป็นโถงอาคารไม้ไผ่ขนาดใหญ่ ที่มีเสาโครงสร้างรับหลังคาตั้งอยู่กลางโถงอาคาร จึงออกแบบให้เสาเปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่กลางอาคาร และเป็นจุดเชื่อมโยงกับธรรมชาติภายนอกอาคาร ได้อย่างกลมกลืน โดยการใช้กิ่งใบหูกระจง ตกแต่งรอบเสา เสมือนการแผ่กิ่งก้านของต้นหูกระจง”

“อีกโจทย์หนึ่งที่ต้องออกแบบ คือ ในส่วนแผงระแนงพรางทางเข้าห้องน้ำซึ่งอยู่ใกล้กับส่วนที่เป็นจุดนั่งพักรับรองลูกค้า เนื่องจากเส้นสายของแผงระแนงไม้มีความแข็ง ทางทีมออกแบบจึงได้ใช้ไม้เลื้อยประดิษฐ์เข้ามาตกแต่งให้แผงระแนงนี้ให้มีเรื่องราวและกลมกลืนธรรมชาติไปกับส่วนอื่นๆของอาคาร”

The Owner’s house บทบาท Home stylist ตกแต่งบ้านพักของเจ้าของรีสอร์ท

จากงานตกแต่งรีสอร์ทสไตล์ทรอปิคัล คราวนี้ คุณจิ๋ม พามาดูงาน Home styling ภายในบ้านพักของเจ้าของบ้านกันบ้าง โดยอธิบายว่า “ทาง owner บรีฟว่าจะใช้บ้านหลังนี้เป็นบ้านพักเสมือนบ้านที่อยู่กรุงเทพและได้ให้ความไว้วางใจให้เราช่วยตกแต่งบ้าน เริ่มจากบริเวณห้องนั่งเล่น Interior designer ใช้สีน้ำเงินเป็นหลัก ให้ความรู้สึกสง่างาม มั่นคง”

“ส่วนของประดับตกแต่งที่วางไว้ตามช่องเล็กๆ ที่เรียงต่อเนื่องจรดเพดาน ใช้สีเบจ ทอง ให้ความรู้สึกหรูหราและมีสไตล์ ตกแต่งด้วยไม้ใบและไม้ดอก ของตกแต่งที่เป็นรูปสัตว์หมายถึงธรรมชาติที่เป็นสื่อถึงรีสอร์ท ขณะที่ของตกแต่งที่เป็นรูปการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น ปั่นจักรยาน ก็สื่อถึงการใช้เวลาในช่วงที่แวะมาพักที่นี่”

“มาถึงห้องกินข้าว จัดเป็นโต๊ะยาวแบบ Long table เราจึงเติมแจกันดอกไม้ ต้นไม้ และพร๊อพต่างๆเข้าไปช่วยสร้างความสดชื่นและมีชีวิตชีวาให้กับการใช้งานในห้องนั้นๆ ทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกผ่อนคลายและสามารถใช้เวลาในห้องนี้ได้ยาวนานมากขึ้น”

“เมื่อเดินชมรอบๆ จะสังเกตเห็นว่า สีที่เราใช้ก็ยังคุมให้ออกมาในโทนเดียวกันต่อเนื่องจากห้องนั่งเล่นถึงห้องกินข้าว”

More than 20 years with LivingStyle ความสัมพันธ์อันยาวนานกับลูกค้า คือความภูมิใจของทีมงาน

หนึ่งในสิ่งที่พิสูจน์ได้ถึงคุณภาพในการทำงานได้คือระยะเวลาการให้บริการที่มีมายาวนาน ซึ่ง คุณจิ๋ม ทิ้งท้ายว่า งานของ LivingStyle เกิดขึ้นและดำเนินไปอย่างมั่นคงได้เพราะลูกค้าให้ความไว้วางใจและยังมีการส่งต่อความไว้วางใจเช่นนี้จากรุ่นสู่รุ่นอีกด้วย

“เรื่องหนึ่งที่อธิบายได้ดี คือ การทำงานกับทีมบ้านและสวน ที่ผ่านมา เราไปออกงานแฟร์ครั้งแรกจนถึงงานแฟร์ในปัจจุบัน ไปทุกปีเลยค่ะ ถือเป็นประเพณีไปแล้วเพราะจะทำให้เราได้พบปะกับลูกค้าและให้คำแนะนำได้อย่างใกล้ชิด”

“หลายๆ ครั้ง owner ก็มารู้จากเราที่งานแฟร์ บางท่านใช้บริการตั้งแต่รุ่นคุณพ่อคุณแม่และส่งต่อความไว้วางใจไปถึงรุ่นลูก วิธีการสื่อสารและคาแรคเตอร์ที่มีต่อลูกค้าทั้งแบรนด์เรากับแบรนด์บ้านและสวนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ มาถึงยุคสื่อออนไลน์ ลูกค้ากลับมาหาเราเร็วมาก เขาบอกว่าเห็นผลงานของทีมเราจาก บ้านและสวน ช่วยให้ความสัมพันธ์กับลูกค้าที่เรามีเป็นอย่างต่อเนื่อง ต้องยอมรับว่าสื่อออนไลน์มีความสำคัญไม่แพ้การออกบูธเลย”

หากสนใจการตกแต่งสถานที่ด้วยไม้ประดิษฐ์ทั้งแบบ semi-outdoor และ in-door คุณจิ๋ม ระบุว่า ในช่วงงานแฟร์บ้านและสวนซึ่งมีปีละ 4 ครั้ง ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นนักออกแบบ เจ้าของบ้าน หรือเจ้าของกิจการ สามารถเข้ามาแวะชมไม้ดอกไม้ประดับและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่บู้ท LvingStyle ได้เลย ทางคุณจิ๋มและทีมงานจะมาให้บริการที่บู้ททุกวัน